11 แหล่งน่าเที่ยวของโอกายาม่า (Okayama) 2567

Photo from needpix.com/photo/1146352/okayama-castle-okayama [CC0.0]

 

จังหวัดโอกายาม่า (Okayama)ตั้งอยู่บริเวณภูมิภาคชูโงกุทางตะวันตกของบนเกาะฮนชู ขนาบข้างด้วยสองจังหวัดทั้งด้านทิศเหนือจังหวัดทตโตริ ทางทิศตะวันออกติดต่อกับจังหวัดเฮียวโงะ ทางด้านทิศใต้ติดกับจังหวัดโอกายามะและจังหวัดคางาวะบนเกาะชิโกกุ รวมทั้งทางด้านทิศตะวันตกติดต่อกับจังหวัดฮิโรชิม่า ดูๆแล้วนี่ติดกับหลายๆจังหวัดทุกทิศทิศทุกทางทำให้การเดินทางนี่หายห่วง เพราะถ้านั่งรถไฟชินคันเซ็นจากเกียวโตก็ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงหรือจากฮิโรชิม่าก็แค่ 35 นาทีเท่านั้นเองค่ะ จังหวัดนี้เค้าได้ถูกยกให้เป็น”ดินแดนแห่งแสงตะวัน” จากการที่อากาศดีช่วงหนาวๆก็หนาวนะคะแต่ไม่โหดมากที่สำคัญฟ้าค่อนข้างใสเพราะฝนที่ตกไม่มาก เรียกได้ว่าใครที่อยากเที่ยวแบบแจ่มใสไม่ต้องไปลุ้นจะเจอฝนบ่อยๆมาที่นี่อย่างเริ่ดอ่ะค่ะ อีกทั้งความครบเครื่องเรื่องธรรมชาติและประวัติศาสตร์ทำให้แหล่งท่องเที่ยวนี่มีไม่แพ้ที่ไหนๆ

มาเที่ยวทั้งทีเรื่องอาหารการกินนี่ก็สำคัญเนอะ บอกเลยว่าโอกายามะนี่ท็อปฟอร์มไม่เบาเชียวนะคะ จากความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติและมีพื้นที่ติดทะเลเซโตะ  ดังนั้นพวกอาหารทะเลนี่สดแบบวางใจได้ทั้งปลาอินทรี ปลาหมึกยักษ์ และหอมนางรมขึ้นชื่อมากๆ แล้วถ้าเป็นสายเนื้อคุณมาถูกที่แล้วล่ะค่ะ จัดไปเลยเนื้อ Chiyagyu ลายหินอ่อนที่กินทีแทบละลายในปาก ของคาวว่าเด็ดดวงแล้วตบด้วยผลไม้สดชื่นๆที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งปลูกชั้นยอดอันดับต้นๆของญี่ปุ่นจากการที่เป็นจังหวัดที่อากาศค่อนข้างจะอบอุ่นแทบตลอดทั้งปี จึงส่งผลให้ผลผลิตที่ได้มันจะหอมหวานมากเป็นพิเศษ ซึ่งผลไม้นี่ก็ผันแปรไปตามฤดูกาลนะคะ ทั้งองุ่นเอยและลูกพีชขาวที่ได้รับการยอมรับด้านคุณภาพให้เป็นอันดับหนึ่งของญี่ปุ่น ถ้าจะจัดให้โอกายามะเป็นอีกหนึ่งจังหวัดครบเครื่องที่ที่เที่ยวก็อินแถมยังฟินฟูลไปกับอาหารและผลไม้ก็ไม่ถือว่าเกินจริงแม้แต่น้อยเลยล่ะค่ะ

 

 

เขตเมืองเก่าที่เรียงรายไปด้วยอาคารบ้านเรือนสไตล์ย้อนยุค มีคูคลองในส่วนกลางให้กลิ่นอายโบราณแบบสุดๆ สามารถเดินเล่นช่วงกลางวันเพื่อเพลิดเพลินไปกับบ้านเรือนต่างๆพลางแวะร้านค้านั่นนี่โน่น หรือถ้ามาเป็นคู่อยากได้ความโรแมนติกนิดๆต้องมาลองล่องเรืองพายสไตล์โบราณพร้อมชมไฟไลท์อัพนี่ก็อินไปอีกแบบนะคะ โดยถ้าอยากมาล่องเรือดูไฟนี่เค้าจะแบ่งเวลาเปิดปิดตามช่วงเดือน โดยเดือนเมษายน – เดือนกันยายน เริ่มตั้งแต่พระอาทิตย์ตก – 22.00 น. และเดือนตุลาคม – เดือนมีนาคม เริ่มตั้งแต่พระอาทิตย์ตก – 21.00 น.

 

 

 

ปราสาทโอกายาม่า หรือที่หลายๆคนอาจจะคุ้นหูกันในชื่อ “ปราสาทอีกาดำ” นับว่าเป็นแลนด์มาร์กอันดับหนึ่งของโอกายาม่าทีเดียวนะคะ มาแล้วไม่มาเยี่ยมเยือนเหมือนมาไม่ถึงกันเลยล่ะค่ะ โดยตัวปราสาทนั้นมีชื่อเสียงติดอันดับต้นๆของญี่ปุ่นด้วยความมีเอกลักษณ์โดดเด่นจากสีที่เป็นสีดำทั้งหมดสมชื่อ ด้านบนก็ยังสามารถขึ้นไปชมวิวมุมสูงดูทิวทัศน์สวยๆรอบๆเมือง สำหรับใครที่สนใจเกี่ยวกับประวัติศาสตร์เค้าก็จะมีการจัดแสดงสิ่งของเครื่องใช้รวมถึงเรื่องราวต่างๆ แล้วถ้าคุณเป็นสายโซเชียลก็ยังสามารถแต่งตัวสไตล์เจ้าหญิงญี่ปุ่นให้อินกับบรรยากาศขั้นสุดพร้อมรัวๆภาพกันอย่างไม่ยั้งไปเลย

 

 

 

ศาลเจ้าเก่าแก่ที่ติดท็อปหนึ่งในสามของศาลเจ้าที่สวยที่สุดของญี่ปุ่น อีกทั้งความเก่าแก่นี่ก็จัดว่าหนักเพราะมีอายุมากกว่า 1,200 ปีเข้าไปแล้ว  เรียกว่าถ้ามาเยือนยังเมืองนี้ทั้งทีก็น่าจะได้ลองมีโอกาสมาสักการะขอพรกับสิ่งศักดิ์คู่บ้านคู่เมืองกันนิดนึงเพื่อสิริมงคล พร้อมทั้งยังไม่ได้ชื่นชมกันสถาปัตยกรรมการสร้างแบบโบราณและบรรยากาศอันร่มรื่นได้อีกด้วย

 

 

 

สวนมะกอกขนาดใหญ่ที่เป็นผู้ผลิตมะกอกรายใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น ไม่ใช่แค่เราจะได้มาชมต้นมะกอกเรียงรายมากกว่า 2,000 ต้นเท่านั้นนะคะ วิวนี่ชนะเลิศมากๆเพราะสามารถหาจุดสูงๆเพื่อชมวิวทะเลเซโตะได้ด้วย นอกจากนี้ยังมีสินค้ามะกอกแปรรูปเด็ดๆอีกเพียบ แต่ที่เป็นไฮไลท์เลยต้องยกให้ซอฟท์ครีมมะกอกที่ว่ากันว่าความอร่อยนั้นติดอันดับต้นๆของโลก คิดดูว่าจะแปลกแค่ไหนเมื่อเอามะกอกมาผสมผสานกับความครีมๆ มันต้องเป็นรสชาติที่น่าสนใจมากแน่ๆ

 

 

สวนสวยสไตล์ญี่ปุ่นที่งดงามในทุกๆฤดูกาล ที่สำคัญยังติดอันดับ 1 ใน 3 ของสวนสวยที่สุดของญี่ปุ่นอีกต่างหาก การตัดแต่งนี่เป็นอะไรที่ลงตัวมากๆมีทั้งความร่มรื่นภายใต้การวางทุกส่วนได้อย่างพอดี บางมุมมองนี่ยังสามารถเห็นแบล็คกราวปราสาทโอกายาม่าได้ด้วยนะคะ ไม่ว่าจะมาช่วงฤดูใบไม้ผลิหรือใบไม้เปลี่ยนสีมาที่นี่ไม่มีคำว่าผิดหวัง

 

 

ฟาร์มผลไม้แบบเปิดที่นักท่องเที่ยวสามารถเข้ามาเลือกเก็บผลไม้ตามฤดูกาลได้ บอกเลยว่าทีเด็ดต้องช่วงต้นเดือนกรกฎาคมถึงต้นเดือนกันยายนต้องลูกพีชขาวที่ถูกยกย่องว่าอร่อยมากที่สุดของญี่ปุ่น โดยสามารถเลือกเก็บได้ทั้งแบบบุฟเฟ่ต์จำกัดเวลา หรือจะเป็นเลือกเก็บเพื่อแพ็คกลับบ้านก็ได้ ปกติที่ว่าอร่อยแล้วถ้าเก็บสดๆแบบเด็ดจากต้นทันทีมันจะฟินชุ่มฉ่ำอร่อยล้ำถึงใจขนาดไหน สายเปรี้ยวหวานอย่างบลูเบอร์รี่นี่ถ้าอยากเก็บต้องมาช่วงประมาณกลางเดือนกรกฎาคมถึงกลางเดือนสิงหาคม และท้ายสุดสุดท้ายสตรอเบอร์รี่สุดฮิตตลอดกาลต้องมาช่วงประมาณตั้งแต่ต้นเดือนมกราคมถึงกลางเดือนพฤษภาคม

 

 

เกาะอาร์ตๆบรรยากาศเงียบสงบที่เราสามารถมานั่งชิลเก้ากี้อิฐเก๋ๆริมทะเล หรือถ้าอยากเสพงานศิลป์ก็สามารถไปดูงานศิลปะได้ที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะ Seirensho Art Museum แต่สิ่งน่าสนใจเลยก็เป็นตึกอาคารที่ก่อสร้างด้วยอิฐให้ฟิลเหมือนโรงงานเบาๆ แถมเกาะก็ไม่ได้ใหญ่มาเที่ยวแบเช้าไปเย็นกลับได้อย่างสบายๆ

 

 

ถนนแห่งยีนส์ที่เต็มไปด้วยร้านขายยีนส์ชิคๆมากกว่า 30 ร้าน ใครที่เป็นสายยีนส์ในระดับดีเอ็นเอต้องสะท้านไปกับยีนส์คุณภาพมากมายที่เรียงรายให้เลือกกันตลอดทั้งสาย พร้อมกับตกแต่งถนนด้วยยีนส์สุดแนวไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน โดยเฉพาะบางแบรนด์ชื่อดังระดับโลกที่ยังคงมีกรรมวิธีการผลิตแบบดั้งเดิมที่ยังคงรักษาไว้อย่างเหนียวแน่น อันนี้เค้าก็มีการจัดแสดงวิธีทำให้เห็นกันแบบเรียลๆ เรียกได้ว่าสายยีนส์ฟินกันไปแถบๆ

 

 

เนินเขาที่รายล้อมไปด้วยธรรมชาติที่ถือเป็นย่านแห่งการเลี้ยงวัวเจอร์ซี่อันแสนโด่งดังของญี่ปุ่น มีเทือกเขารายล้อมพร้อมทุ่งหญ้ากว้างสุดลูกหูลูกตามันได้อารมณ์ความเป็นฟาร์มวัวอย่างจริงจัง โดยจะมีเส้นทางปั่นจักรยานที่วิวดีงามขั้นสุดอ่ะค่ะ แบบว่าปั่นชมวิวไปได้แวะไปดูน้องวัวหรือซื้อผลิตภัณณ์แปรรูปต่างๆทั้งซอฟต์ครีมจากนมสดแท้ๆหรือชีสคุณภาพที่รสชาติมีเอกลักษณ์จากฟาร์มฮิรุเซ็นเจอร์ซี่แลนด์ (Hiruzen Jersey Land) ที่อยู่แถวๆนี้ติดไม้ติดมือกลับไปฝากคนทางบ้าน บอกเลยว่ามันดีจริงๆนะเออ

 

 

ชมนาแบบไทยๆมาเยอะมาลองชมนาแบบญี่ปุ่นบ้างดีมั้ยคะ ซึ่งที่นี่เค้าไม่ใช่ว่าแค่นานธรรมดานะเออ เพราะขึ้นชื่อว่าเป็น 1 ใน 100 ของนาแบบขั้นบันไดที่สวยที่สุดของญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ โดยจะมีการทำนานเป็นขั้นๆกว่า 850 ขั้น ท่ามกลางบรรยากาศแห่งขุนเขาที่รายล้อม ถ้าชอบความเขียวขจีนี่แนะนำฤดูร้อนเลยค่ะรับรองว่าเขียวถึงใจแน่นอน

 

 

ถ้าอยากจะหาที่ชมใบไม้เปลี่ยนสีสวยๆที่อินฟินไปกับพลังธรรมชาตอย่างเนืองแน่น ที่นี่ตอบโจทย์แบบสุดๆได้เห็นทั้งต้นไม้ที่เรียงรายตลอดฝั่งถนน พร้อมมีน้ำตกไหลผ่านพาให้อากาศดีๆเข้ามาเต็มปอด ไม่ต้องหวือหวามาก แค่หามุมดีๆนั่งชมหุบเขาแห่งใบไม้แดงที่ก็โรแมนติกมากมายแล้วล่ะค่ะ