เค้าไปญี่ปุ่นกันทำไม 17 เหตุผลที่ทำให้คนไทย ไปแล้ว ไปอีก 2567
Photo: [CC BY 0.0] from pixabay.com/en/fuji-mount-pagoda-japan-mountain-1897715/
เชื่อเลยว่าถ้าพูดถึงประเทศยอดฮิตที่เป็นจุดหมายปลายทางในการท่องเที่ยวส่วนใหญ่หลายๆคนต้องนึกถึงประเทศญี่ปุ่นแน่นอน แต่สงสัยกันไหมคะว่าญี่ปุ่นมีอะไรดีทำไมถึงได้ติดอกติดใจกันนัก บางคนไปแล้วไปอีกก็ไม่มีเบื่อ เอาเป็นว่าเราจะมาไขข้อสงสัยเหล่านี้กันค่ะว่าทำไมคนไทยถึงชอบเที่ยวญี่ปุ่นกันมาก ถ้าพร้อมแล้วตามมาเลยจ้า
1. ธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่และงดงาม
2. ความปลอดภัยในการท่องเที่ยว
หลายๆคนคงจะทราบกันว่าประเทศญี่ปุ่นนี่นับได้ว่ามีความปลอดภัยในการท่องเที่ยวสูงมาก บอกเลยว่าขนาดผู้หญิงไปเที่ยวคนเดียวยังชิลๆเลยล่ะค่ะ การท่องเที่ยวตามเมืองต่างของญี่ปุ่นเราเลยไม่ต้องมากลัวว่าจะเจอมาเฟียแถวๆแหล่งท่องเที่ยวเหมือนบางประเทศรึเปล่า ทำให้หลายๆคนมักจะยกครอบครัวไปเที่ยวกันแบบสบายใจหายห่วง
3. ความเป็นระเบียบของบ้านเมือง
บ้านเมืองของญี่ปุ่นนั้นจะเห็นได้ชัดถึงความใส่ใจในส่วนต่างๆ บ้านเรือนหรืออาคารมีความเป็นระเบียบสวยงาม ดูสะอาดตา อย่างขยะนี่ไม่มีมาให้เห็นเกะกะแน่นอน เพราะคนส่วนมากถูกปลูกฝังกันให้มีระเบียบวินัย จะไม่มีมาทิ้งขยะเกลื่อนกลาด แต่ถ้าออกมานอกบ้านแล้วมีขยะเค้าจะเก็บไปทิ้งที่บ้านกัน จริงๆก็มีถังขยะที่อยู่ตามร้านสะดวกซื้อไว้คอยบริการบ้าง แต่จริงๆแล้วถังขยะส่วนนี้จะมีไว้ใช้สำหรับร้านนั้นๆเท่านั้นนะคะ ถ้าเอาขยะจากที่อื่นไปทิ้งนี่อาจโดนเค้าเคืองเอาได้ แถมร้านค้าต่างๆก็ไม่มีมาตั้งตามฟุตบาทให้เราได้เซ็งกัน เพราะเค้ามีการจัดผังเมืองได้อย่างดีเยี่ยม เรียกได้ว่าถ้าคนที่เคยได้ยินมาว่าประเทศเยอรมันน่ะเป็นระเบียบขนาดไหน ญี่ปุ่นก็ดีงามไม่แพ้เยอรมันในด้านนี้ทีเดียวค่ะ
4. การมีหลากหลายฤดูกาล
ถ้าอยากไปสัมผัสอากาศหนาว หิมะ แบบใกล้ๆญี่ปุ่นนี่ตอบโจทย์มาก โดยเฉพาะคนไทยที่ประเทศเรามีแค่ร้อนมาก ร้อน ร้อนที่สุด และฤดูฝนเท่านั้น การไปเที่ยวยังประเทศหนาวๆบ้างนับว่าเป็นการเปิดหูเปิดตาแบบสุดๆ และยังได้ใส่ชุดกันหนาวแบบัดหนักจัดเต็มแบบไม่ต้องแคร์ใครแบบที่ทำไม่ได้ในไทยอีกด้วย ยิ่งฤดูยอดนิยมอย่างฤดูใบไม้ผลิที่เราจะได้เห็นซากุระเบ่งบานอยู่ทั่วเมือง หรือะเป็นฤดูใบไม้เปลี่ยนสีที่มองไปทางไหนก็จะเห็นใบแดงที่สวยแปลกตาแถมอากาศยังเย็นๆเหมาะกับการเดินชมนกชมไม้เป็นที่สุด
5. ระบบคมนาคมที่ดีเยี่ยม
6. ผู้คนเป็นมิตร
7. อาหารขั้นเทพ
8. สุดยอดแห่งผลไม้
ผลไม้ของญี่ปุ่นนี่ขึ้นชื่อเรื่องคุณภาพที่มีชื่อเสียงดังไกลไปในระดับโลกเลยนะคะ แม้ว่าหลายๆอย่างสามารถหาซื้อกินในไทยได้แต่ราคาช่างโหดร้ายกับเงินในกระเป๋าตังค์มากๆ ถ้ามาญี่ปุ่นจะเห็นว่าหลายๆอย่างทั้งสดกว่าถูกกว่าแถมยังอร่อยกว่ามาก อย่างช่วงฤดูสตอร์เบอรี่นี่รับรองว่าขายกันให้พรึ่บพรับ เราสามารถซื้อหาได้ตามตลาดเท่าๆไปในราคาที่จับต้องได้ ซึ่งถ้าไปตลาดจะเห็นว่ามีการขายผลไม้แบบปลีกที่จะเสียบไม้หรือขายเป็นชิ้นๆให้เราได้กินนั่นนี่ได้อย่างล่ะหน่อย ไม่ว่าจะเป็นเมล่อน องุ่น ลูกพีช ถ้าไปฤดูกาลของมันนี่ฟินสุดๆ เพราะมันจะอร่อยกว่ามาก และถ้าอยากไปเที่ยวแบบฟาร์มก็มีฟาร์มผลไม้ที่หมุนเวียนกันไปทุกฤดูให้เราได้ไปบุกถึงถิ่นแล้วอิ่มกันพุงกาง เนื่องจากส่วนมากจะเป็นเหมือนบุฟเฟ่ต์รายหัว อย่างสตรอเบอรี่บางแห่งนี่จะมีนมข้นหวานให้จิ้มด้วยนะคะ บอกเลยว่าเข้ากันแบบสุดๆ
9. แหล่งช็อปปิ้ง
ขาช็อปต้องยอมใจเพราะญี่ปุ่นนั้นมีแหล่งช็อปปิ้งเยอะมากๆ ไม่ว่าจะเป็นตามห้างสรรพสินค้า เอาท์เล็ต ตลาด หรือแม้กระทั่งย่านยอดนิยมต่างๆ แต่ละแหล่งบอกเลยว่าของเพียบ ถ้าเป็นสาวๆก็น่าจะชอบเครื่องสำอางเพราะญี่ปุ่นก็มีแบรนด์ของเค้าเองหลายเจ้าด้วยกัน แหล่งซื้อที่ถูกและของเยอะก็น่าจะเป็นตามร้านยา หรือถ้าอยากได้ของแบรนด์เนมมือสองที่นี่ก็ขึ้นชื่อเลยล่ะค่ะ เพราะจะมีหลายร้านมากๆให้เราได้เลือกช็อปปิ้งกันที่รับประกันของแท้แน่นอน แม้กระทั่งสายมุ้งมิ้งก็จัดมารู้ๆกันอยู่ว่าญี่ปุ่นถนัดมากเรื่องสร้างสรรค์สิ่งของแต่ละอย่างนอกจากจะน่ารักน่าใช้แล้วนั้น ยังใช้ดีและตอบโจทย์ปัญหาต่างๆ แต่ถ้าอยากไปช็ออปิ้งแนวแบรนด์ในแบรนด์นอกราคาเบาๆก็สามารถไปแวะช็อปปิ้งตามเอาท์เล็ตที่จะมีกระจายตามหัวเมืองใหญ่ๆอีกด้วยนะคะ อีกอย่างหนึ่งที่ไมอยากให้พลาดกันก็จะเป็นตลาดนัดมือสองที่ของเค้ามีเยอะมากๆค่ะ ด้วยความที่ทางรัฐบาลกระตุ้นและมีนโยบายเรื่องนี้ บอกเลยว่าส่วนมากจะเป็นเจ้าของมาขายเองนะคะ คนญี่ปุ่นส่วนมากเค้าจะเปลี่ยนของกันบ่อยๆรับรองว่าถ้าอยากได้ของดีและถูกมาลองเดินตลาดนัดนี่อย่างฟินเลยล่ะค่ะ
10. แหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม
จากการที่ญี่ปุ่นมีการอนุรักษ์สิ่งปลูกสร้างต่างๆทางวัฒนธรรมที่ดีมากๆ ทั้งอาคารบ้านเรือน วัด ศาลเจ้า ปราสาท พระราชวัง บอกเลยว่าแต่ละแห่งเค้าดูแลอย่างดีเยี่ยม บางแห่งถึงจะถูกทำลายแล้วก็ยังมีการบูรณะอย่างกับเป็นของดั้งเดิมเลยล่ะค่ะ อีกทั้งยังมีเอกลักษณ์จากการผสมผสานวัฒนธรรมของบางยุคสมัยด้วยนะคะ อย่างบางวัดก็จะมีรูปแบบที่ผสมผสานกันทั้งจีนและญี่ปุ่นจากการเข้ามาเผยแผ่พุทธศาสนานิกายต่างๆ ซึ่งจริงๆแล้วแหล่งท่องเที่ยวแนวนี้จะมีให้เห็นอยู่ทุกๆเมือง จะมากจะน้อยก็แตกต่างกันไป ส่วนมากถ้าคนชอบแนวนี้ก็มักจะเที่ยวเมืองเกียวโต ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองแห่งวัฒนธรรมและมรดกโลก เนื่องจากสิ่งปลูกสร้างต่างๆของเมืองนี้ส่วนใหญ่จะได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกโลกอย่างยูเนสโก้ จนมีฉายาเรียกเมืองเกียวโตว่าเมืองแห่งมรดกโลกนั่นเองล่ะค่ะ
11. เป็นบ้านเกิดของการ์ตูน วงดนตรี เกมส์ ภาพยนตร์ ชื่อดังมากมาย
สำหรับคนในยุค 80’s 90’s คงจะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี กับกระแสวัฒนธรรมจากญี่ปุ่นที่โหมเข้ามาในเมืองไทยยุคนั้น ทั้งการ์ตูนทีวี หนังสือการ์ตูน วงดนตรี J-Rock, J-Pop หนังดัง ซีรีย์ และรายการทีวีดังๆเข้ามามากมายพร้อมๆกัน ถึงแม้ว่าจะน้อยลงไปมากในปัจจุบัน แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้คนไทยทั่วไปคุ้นเคยและชื่นชอบกับความเป็นญี่ปุ่นผ่านวัฒนธรรมเหล่านี้ด้วย ซึ่งก็คงไม่น่าแปลกใจถ้านี่จะเป็นเหตุผลให้เราอยากจะลองไปประเทศต้นกำเนิดของการ์ตูนเรื่องโปรด หรือวงดนตรีที่เราชอบ
12. คอสเพลย์
ต่อเนื่องมาจากความรุ่งเรืองของ pop culture ในข้อ 11 จึงเกิดเป็นวัฒนธรรมการแต่งกายเลียนแบบตัวละครในการ์ตูน คอมมิค มังงะ หรือเกมส์ต่างๆซึ่งยิ่งใหญ่และโด่งดังไปทั่วโลก ไม่เว้นแม้แต่การแต่งกายแบบหลุดโลกของวัยรุ่นญี่ปุ่นในช่วงวันหยุดของย่านฮาราจูกุ ที่หลายๆคนอยากไปเห็นด้วยตาตัวเอง หรือแม้แต่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในนั้นด้วย
13. มีเอกลักษณ์ทางด้านวัฒนธรรม
เนื่องจากญี่ปุ่นเป็นประเทศที่เก่าแก่และมีวัฒนธรรมของตัวเองมาหลายชั่วอายุคน ทำให้มีวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ต่างๆมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการแต่งกาย การทักทาย การไหว้พระ การแสดงดนตรี รวมไปถึงประเพณีต่างๆที่สืบทอดกันมา หรือที่โดดเด่นที่สุดอย่างการ แช่ออนเซนกลางแจ้ง ที่แค่คิดก็อายม้วนกันแล้ว การเห็นคนแต่งกายด้วยกิโมโนตามท้องถนนจึงนับว่าไม่เป็นของแปลกใหม่แต่อย่างใด หรือจะเป็นการลากรถลากที่จะมีให้เห็นเฉพาะบางเมือง ซึ่งบอกเลยว่าเป็นการเที่ยวชมที่มีเสน่ห์เฉพาะตัวมากๆไม่เหมือนการไปด้วยวิธีการอื่นๆเลยล่ะค่ะ ขนาดการชงชายังจะมีพิธีขั้นตอนมากมายที่ทำให้คนที่นั่งดูแล้วมาชิมรู้สึกเลยว่ามันอร่อยกว่าแบบปกติทั่วๆไปยังไงไม่รู้
14. ฟรีวีซ่า
ญี่ปุ่นนับเป็นอีกหนึ่งประเทศที่ออกมาฟรีวีซ่าให้กับคนไทย ซึ่งอย่างที่รู้ๆกันค่ะว่าการมีขั้นตอนการทำวีซ่าจะเพิ่มความยุ่งยากให้กับการท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น เรียกได้ว่าเป็นนโยบายที่โกยคนเข้าประเทศได้อย่างมาก อีกทั้งยังถูกอกถูกใจนักท่องเที่ยวชาวไทยนักแล โดยเห็นได้ชัดว่าตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2556 ที่รัฐบาลญี่ปุ่นได้ยกเลิกวีซ่าแล้วนั้น กระแสการท่องเที่ยวญี่ปุ่นยิ่งจะบูมมากกว่าเดิมอีกเป็นเท่าตัว ซึ่งการฟรีวีซ่าของญี่ปุ่นทำให้นักท่องเที่ยวไทยสามารถอยู่เที่ยวได้เต็มๆ 15 วัน แบบว่าเที่ยวแบบจุใจไปเลย
15. ระยะเวลาการเดินทาง
ถ้าเทียบกับประเทศทางฝั่งยุโรปแล้วการเดินทางมาเที่ยวญี่ปุ่นนี่สบายกว่าเยอะ เพราะระยะเวลาการเดินทางแบบบินตรงเพียงแค่ 5-6 ชั่วโมงเท่านั้นเอง จึงเป็นตัวเลือกที่ดีในการท่องเที่ยวในประเทศที่ครบเครื่อง แต่ไม่อยากบินไกลๆให้ปวดเมื่อยไปทั้งตัว
16. ราคาตั๋ว
เมื่อก่อนโน้นราคาตั๋วไปญี่ปุ่นนี่ค่อนข้างจะโหดเอาเรื่อง เพราะขนาดทัวร์ขั้นต่ำจะไปญี่ปุ่นได้ก็ต้องเกือบๆห้าหมื่นแล้ว แต่เดี๋ยวนี้ไม่แล้วค่ะเพราะมีให้เลือกเยอะกว่าแต่ก่อนมาก แถมราคายังถูกกว่าเดิมเพียบมีทั้ง Low cost หรือ Full serviceให้เราเลือกตามงบประมาณ แถมยังจะมีโปรโมชั่นยั่วตายั่วใจออกมาแบบตลอดทั้งปีทั้งเลือกสอยกัน ทำให้งบประมาณการเที่ยวถูกขึ้นเยอะสามารถนำเงินส่วนต่างนี้ไปจัดหนักกับแพลนการเที่ยวอื่นๆได้อีกต่างหาก
17. ความแตกต่างเรื่องเวลา
ด้วยความที่เป็นโซนเอเชียที่ไม่ได้ไกลอะไรมากเลยทำให้เราไม่ต้องมานั่งปรับตัวเยอะแยะเรื่องเวลา เพราะญี่ปุ่นกับไทยแตกต่างกันแค่ 2 ชั่วโมงเองค่ะ เรียกได้ว่าชิลมากๆ มาแล้วไม่ต้องเซ็งที่ร่างกายปรับสภาพตามเวลาไม่ทันเหมือนโซนยุโรปหรือเมริกาที่เวลาต่างหันเป็นสิบชั่วโมง