ไปเที่ยวญี่ปุ่น กินอะไรดี รวม 18 อาหารและขนมห้ามพลาด ไปทั้งทีต้องลองให้ครบ 2567

Photo: [CC0.0] from pixabay.com/en/japanese-food-japan-food-ramen-2199962/

ญี่ปุ่นนับว่าเป็นสวรรค์ของนักกินเลยก็ว่าได้นะคะ เพราะของกินเค้าแน่นมากๆทั้งคาวหวานแม้กระทั่งผลไม้นานาชนิดนี่เด็ดๆทั้งนั้น แถมแต่ละอย่างอย่างเต็มไปด้วยเรื่องราวอีกทั้งมีความพิถีพิถันในทุกๆขั้นตอนแบบให้รู้ว่าเค้าใส่ใจในอาหารทุกอย่างจริงๆ บางอย่างที่เค้าจัดมานี่สวยจนแทบจะไม่กล้ากินเลยล่ะค่ะ แล้วมีเยอะขนาดนี้คิดว่าจะกินทั้งหมดก็คงจะไม่ไหวแน่ๆ เราจึงได้คัดเอาเมนูอาหารทีเด็ดของญี่ปุ่นที่ถ้ามาแล้วต้องได้ลองไม่พลาดมาให้เลือกกัน 18 ชนิด ซึ่งแต่ละอย่างจะรสชาติดีงามขนาดไหนตามมาค่ะ รับรองว่าที่คัดๆมานั้นของเค้าจริง

 

อาจฟังแล้วว่าเป็นอาหารที่ก็ไม่ได้แปลกใหม่อะไรสามารถหากินได้ทั่วไปในไทย แต่ที่ญี่ปุ่นนี่มันมีความแตกต่างนะคะ สิ่งแรกเลยก็เป็นความสดของวัตถุหลักอย่างพวกอาหารทะเลต่างๆที่เค้ามาใช้ที่สดจริงไรจริง เนื้อนี่หวานละลายความคาวไม่มีมาให้ละคายใจ ยิ่งหน้าหอยเม่นที่บางทีไปกินตามร้านอาหารในไทยแล้วมันไม่ถึงทั้งคาวทั้งไม่หวาน แต่ถ้าได้มาลองของต้นตำหรับรับรองว่าจะติดใจ ซึ่งซูชิที่ขายในญี่ปุ่นมักจะมีดั้งกันสองชนิดนั่นคือ nigirizushi และ temakizushi ถ้าจะให้ฟินสุดต้องไปกินแถวตลาดปลาสึกิจิในโตเกียวที่ร้านขายซูชิแถบนี้ส่วนใหญ่ความสดเข้าขั้นเทพ หรือถ้าอยากอร่อยในงบจำกัดก็สามารถไปที่ร้านซูชิสายพานที่ราคาดีงามกันกระเป๋าตังค์สุดๆ แถมภายในร้านมักจะมีน้ำชาเขียวฟรีๆไว้ให้ลูกค้าอีกด้วย

 

 

สายของสดต้องไม่พลาดซาชิมิ เพราะของเค้าสดมากๆเนื้ออย่างหวานกัดทีละลายในปากเลยนะคะ แถมยังจะมีเนื้อปลาให้เลือกหลายชนิดและหลายส่วนมากๆ เนื่องจากเชฟญี่ปุ่นยิ่งคนที่มีประสบการณ์สูงจะรู้กันว่าส่วนไหนมีมันเยอะส่วนไหนอร่อยแบบสุดๆ ซึ่งบอกเลยว่าบางส่วนหากินไม่ได้ในไทยด้วยนะคะ แถมยังไม่ได้มีเฉพาะปลาทั่วๆไปเนื่องจากคนญี่ปุ่นเค้านิยมปลาปักเป้ากันมากๆ จึงจะมีหลายๆร้านที่มีเชฟเฉพาะทางมีใบอนุญาตให้สามารถทำปลาชนิดนี้ได้ แถมยังมีอีกหลายเนื้อตามแต่ละท้องถิ่นที่แปลกๆอย่าง ซาชิมิเนื้อม้าที่เป็นของขึ้นชื่อของเมืองคุมาโมโต้ หรือจะเป็นซาชิมิเนื้อวาฬของขึ้นชื่อของเมืองชิบะที่หากินที่อื่นได้ยากมากๆ

 

 

อาหารจานเดียวง่ายอารมณ์นึกอะไรไม่ออกแล้วกินก๋วยเตี๋ยวแบบบ้านเรานี่แหล่ะค่ะ ซึ่งแต่ละร้านเค้าจะงัดทีเด็ดน้ำซุปหรือเส้นจะมีเอกลักษณ์มากๆ โดยราเม็งนั้นจะมีน้ำซุปแบ่งออกเป็น 5 ชนิดด้วยกัน นั่นคือ โชยุราเม็งที่จะพบมากในโตเกียว เรียกได้ว่าเป็นรสชาติพื้นฐานของแถบนี้เลยล่ะค่ะ ทงคตสึ น้ำซุปกระดูกหมูมีความข้นๆขาวรสชาติเข้มข้นอบอวลไปด้วยคอลาเจน สึเคเม็ง ที่จะแปลกหน่อยตรงจะไว้จิ้มเส้นไม่ได้ใส่รวมกันกับเส้นตอนเสิร์ฟ ชิโอะราเม็ง ถ้าแปลตรงๆก็เป็นน้ำซุปเกลือนั่นเองค่ะ รสชาติจะมีแค่ความเค็มแต่สดชื่นมากๆเวลาซด ยิ่งเมาๆมาตัวนี้ช่วยได้ และสุดท้ายมิโสะราเม็งที่มีต้นกำเนิดจากฮอกไกโด อันนี้จะเค็มๆนำมีรสชาติของมิโสะนำออกมาเด่นมากๆ ใครที่ชอบรสชาติมิโสะน่าจะชอบ มีอยู่ร้านนึงที่ดังมากๆในหมู่คนไทยก็คือ Ichiran ราเม็งข้อสอบ มีหลายสาขาในโตเกียว แต่ส่วนมากร้านจะคิดยาวนะคะ ถ้าใครรีบๆอาจจะรอไม่ไหว เอาจริงๆทุกๆร้านก็มีความอร่อยแตกต่างกันไป เรียกได้ว่าสูสีกันนะคะ ที่แน่ๆของญี่ปุ่นปริมาณเค้าจะเยอะรับรองว่าอิ่มชัวร์ค่ะ

 

 

เมนูหมูชุบไข่และเกล็ดขนมปังแบบทอดกรอบนอกนุ่มใน ยิ่งเวลาหิวจัดๆนี่อยู่ท้องดีนักแลล่ะค่ะ ส่วนมากจะเป็นเมนูพื้นฐานของร้านอาหรญี่ปุ่นเท่าๆไปหากินได้ไม่ยาก ซึ่งที่ชอบหมูทอดของต้นตำหรับแท้ๆที่เค้ามักจะจัดหนักจัดเต็มเนื้อหมูชิ้นโตๆแทรกมันแบบพอดิบพอดี มันทำให้ตัวหมูมีความนุ่มชุ่มช่ำราดซอสเค็มๆหวานๆกินกับข้าวร้อนๆนี่ฟินมาก ที่สำคัญเป็นเมนูราคาไม่แพงแต่อิ่มอย่างแรง

 

 

ชื่อเมนูที่คนไทยคุ้มเคยเป็นอย่างดี โดยจริงๆแล้วก็มีต้นกำเนิดมาจากญี่ปุ่นนี่เองล่ะค่ะ แต่ของดั้งเดิมแบบแท้ๆจะเป็นน้ำซุปสีดำรสชาติเค็มนำหวานตาม ด้วยความที่คนญี่ปุ่นเค้าติดเค็มในร้านอาหารญี่ปุ่นส่วนมากก็จะเค็มกว่าที่คนไทยกินไปซักหน่อย หากก็อร่อยแบบดั้งเดิมดีนะคะ จุดที่ทำให้เมนูนี้โดดเด่นก็ตรงเนื้อวัวหรือเนื้อหมูที่เค้าใส่มามันดีงามมากๆ ชิ้นเต็มปากเต็มคำลายสุดๆ ส่วนมากเค้าจะเสิร์ฟมาเป็นหม้อเหล็กเล็กๆทำให้กักเก็บความร้อนได้ดี  แถมเมนูนี้ยังมีผักเพียบเหมะกับสายสุขภาพแบบสุดๆไปเลยล่ะค่ะ

 

 

ถ้าบอกยากินิคุหลายๆคนอาจจะไม่แน่ใจว่าเป็นเมนูอะไร จริงๆแล้วก็คือเมนูปิ้งย่างยอดนิยมนี่เองค่ะ เรียกได้ว่ามาถึงดินแดนที่มีเนื้อวัวชั้นเลิศทั้งทีไม่ลองนี่พลาดแล้วจริงๆ ส่วนใหญ่เนื้อที่เค้ามาใช้จะมีคุณภาพมากๆอย่างที่รู้ๆกันว่าเนื้อวัวญี่ปุ่นนี่สุดยอดยิ่งเป็นเนื้อ A5 ที่ถ้าไปกินในไทยราคามหาโหด แต่ในญี่ปุ่นเราจะสามารถหาเนื้อดีๆกินในราคาที่ถูกกว่าไทย บางคนที่ติดว่าต้องมีน้ำจิ้มไม่ต้องกังวลไปว่าถ้าไม่มีแล้วจะไม่อร่อย เนื่องจากเนื้อดีๆบางทีกินเปล่าๆไม่จิ้มอะไรก็เทพแล้วล่ะค่ะ ยิ่งในแถบโอซาก้าที่เป็นต้นตำหรับถ้าไปนี่ต้องหาลองให้ได้ทีเดียวเชียว

 

 

บางคนเรียกว่า พิซซ่าญี่ปุ่น หากินที่อร่อยๆได้ยากมากๆในเมืองไทย แต่ถ้าไปญี่ปุ่น โดยเฉพาะเมืองโอซาก้า จะเจอร้านที่ขายเฉพาะโอโคโนมิยะกิเลยอยู่มากมาย ซึ่งถ้าเป็นร้านดังๆก็คงไม่ต้องบอกว่าจะต้องรอนานขนาดไหน ภายในร้านมักจะเล็กๆ และมีเตาใหญ่ที่มีกระทะแบนๆอยู่หนึ่งชุด และทุกๆโต๊ะจะมีเตาและกระทะแบนของตัวเอง โดยคนทำจะมาทำให้ที่กระทะที่โต๊ะเราเลย หรือไม่ก็ทำที่กระทะใหญ่ก่อนจบเกือบเสร็จแล้วมาจบ ตัดแบ่งที่กระทะโต๊ะเรา ได้ทั้งรสชาติ ได้ทั้งบรรยากาศแบบยากจริงๆที่เมืองไทย ซึ่งแต่ละท้องถิ่นของญี่ปุ่นก็จะมีรูปแบบหน้าตาแตกต่างกันไป อย่างสไตล์ฮิโรชิม่าก็จะมีการใส่เส้นหรือผักกาด ต้องมักจะมีกะหล่ำปีหั่นฝอยพูนๆ และอีกแบบที่นิยมกันมากที่สุดก็เป็นสไตล์โอซาก้าที่เครื่องทุกอย่างแบบพอดี เครื่องจะแน่นๆ เอาจริงๆเค้าก็มีการพลิกแพลงให้เมนูของแต่ละร้านมีความน่าสนใจและมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนร้านอื่นๆ อาจะเป็นตรงส่วนผสมที่บางทีก็มีโมจิหรือชีสมาโปะ หากที่แน่ๆมันชิ้นใหญ่มากๆกินคนเดียวนี่อาจจะแน่นไปสองคนกำลังดีค่ะ

 

 

อาหารขึ้นชื่อของเมืองโอซาก้าที่หาทานได้ทั่วญี่ปุ่น แต่ถ้าอยากจะลองแบบต้นตำหรับก็ต้องไปโอซาก้าเลยค่ะรับรองว่าเด็ดเจ้าดังไม่ดังก็อร่อยตามมาตรฐานเค้าทั้งนั้น นับเป็นเมนูที่ดูง่ายทานง่ายจะเด็กหรือผู้ใหญ่ก็ติดใจ ถ้าไปซาก้าก็แนะนำให้ไปร้าน Kougaryu ร้านดังเก่าแก่ที่ไม่ใช่แค่ในโอซก้านะคะ แต่เป็นระดับภูมิภาคเลยล่ะค่ะ อย่างร้านนี้เค้าจะมีเอกลักษณ์นอกจากรสชาติที่กลมกล่อมแล้วนั้นจะมีการโรยหอมญี่ปุ่นซอยแบบลนๆ กินคู่กับทาโกยากินี่อย่างฟิน โดยแต่ละร้านเค้าจะมีทีเด็ดไม่เหมือนกันทั้งน้ำซุปที่ใช้หรือรสสัมผัสที่ได้ ที่แน่ๆชิ้นจะโตมากๆอร่อยเต็มคำสุดค่ะ

 

 

ของทอดเสียบไม้ที่เป็นอาหารท้องถิ่นขึ้นชื่ออีกอย่างของโอซาก้า ทีเด็ดของอาหารนี้นั่นก็คือการทอดแบบสดๆใหม่จิ้มน้ำจิ้มหลากหลายสูตร ซึ่งส่วนมากแต่ละร้านเค้าจะมีน้ำจิ้มให้เลือกเพียบเลยนะคะ แบบว่าทำให้ของทอดนี่ไม่เลี่ยนกินไม่มีเบื่อเลยล่ะค่ะ แถมของที่เอามาทอดก็หลากหลายมีทั้งเนื้อสัตว์และผักอีกหลายชนิด บางร้านก็จะมีทีเด็ดตรงแป้งที่จะทำมาจากมันเทศที่จะทำให้ความกรอบมันละมุนกว่าที่เคย บรรยากาศร้านส่วนมากจะเป็นร้านเคาท์เตอร์ เค้าจะทอดแบบสดๆใหม่ๆแกล้มด้วยกะหล่ำปลีซอยซักนิดอร่อยลืมตาย

 

 

อาหารแนวต้มๆที่นับเป็นของขึ้นชื่อของเมืองฟุกุโอกะ เรียกว่าน่าจะเป็นที่ชื่นชอบมากๆในช่วงหน้าหนาวเลยล่ะค่ะ ซึ่งเมนูนี้ส่วนมากจะเจอในแถบๆฟุกุโอกะนะคะ แต่ด้วยความนิยมจึงทำให้แม้ในโตเกียวก็จะพอมีร้านให้ได้ชิมกัน โดยโมตสึนาเบะเป็นเมนูที่มีเนื้อหมูหรือวัวพร้อมผักเยอะๆ เพียงแต่รสชาติจะอออกแนวเผ็ดร้อนอยู่บ้างเพราะจะมีส่วนผสมของพริกและกระเทียม ถ้าตามต้นตำหรับก็จะมีเครื่องในต่างๆอีกด้วยนะคะ ซึ่งพอกินจะเสร็จแล้วตามธรรมเนียมจะมีการใส่เส้นชัมปงหรือข้าวลงในน้ำซุปที่เหลือ เรียกได้ว่าอิ่มอร่อยจนหยดสุดท้ายเลยทีเดียว

 

 

เรียกได้ว่าเป็นเมนูท้องถิ่นอันแสนจะเลื่องชื่อของแถบฮอกไกโดเชียวล่ะค่ะ เพราะโซนนั้นเป็นโซนที่เวลาอากาศหนาวนี่บอกเลยว่าหนาวเว่อร์ อาหารแนวร้อนๆเลยจะได้รับความนิยมมาก เตาเค้าจะอารมณ์คล้ายๆกับกระทะเนื้อย่างเกาหลีบ้านเรา เนื้อที่กินจะเป็นเนื้อแกะติดมันเวลากินตอนช่วงหน้าหนาวนี่บอกเลยว่าอย่างฟิน จริงๆแล้วก็มีร้านแถบโตเกียวอยู่บ้างแต่ถ้าอยากกินต้นตำหรับจริลๆท่ามกลางบรรยากาศฟินๆ แนะนำให้ไปกินแถวฮอกไกโด ซัปโปโรอะไรประมาณนั้นค่ะ

 

 

ดูเป็นขนมพื้นบ้านที่หากินได้ง่ายทั่วไปนะคะ แต่ของญี่ปุ่นที่เป็นของแท้เค้าแน่นอนจริงๆ ส่วนมากตัวแป้งจะทำกันสดๆใหม่ๆ บางร้านนี่ถึงกับมีการทำโชว์หน้าร้านให้เหฯกันจะๆเลยล่ะค่ะ ตัวแป้งจะเหนียวนุ่มเคี้ยวทีละมุนมากๆ ไส้แบบดั้งเดิมก็จะเป็นถั่วแดงกวนที่ออกจะหวานๆยิ่งกินคู่กับชาเขียวร้อยๆที่รสชาติขมนิดๆบอกเลยว่ายิ่งอร่อย ร้านค้าพวกขนมดั้งเดิมก็จะมีขายกันอยู่มากแม้กระทั่งเซเว่นยังมีนะคะ แบบว่าทั้งอร่อยและราคาสบายกระเป๋าด้วยล่ะค่ะ

 

 

ด้วยความที่ญี่ปุ่นเป็นแหล่งผลิตชาเขียวคุณภาพขั้นยอด วัตถุดิบคุณภาพขนาดนี้การันตีได้เลยว่าชาเขียวเค้าจะต้องละมุนมากแน่ๆ ซึ่งก็มีให้เลือกชิมกันหลายร้านเลยล่ะค่ะ ทั้งนมทั้งชาเขียวจะค่อนข้างถึง แต่ร้านที่แนะนำว่าต้องลองก็ต้องร้าน Suzukien โดยสาขายอดฮิตสุดก็จะเป็นย่านอาซากุสะ เพราะร้านนี้เค้าจะมีไอศกรีมชาเขียวให้เลือกมากถึง 7 ระดับ ถ้าชอบแนวละมุนๆก็แนะนะให้ทาน 1-3 แต่ถ้าอยากรู้ว่าเข้มขั้สุดเป็นไงก็ต้องระดับ 7 เลยค่ะ รับรองว่าเข้มกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว

 

 

แม้ญี่ปุ่นจะไม่ใช่ประเทศเกษตรกรรมหรือมีพื้นที่เพาะปลูกเหมือนเมืองไทย จึงไม่ได้มีผลไม้หลากหลายแบบให้เลือกมากมายตลอดทั้งปี แต่ถึงจะมีให้เลือกอยู่แค่ไม่กี่ประเภทแต่ก็รับรองได้ถึงคุณภาพที่อัดแน่น เช่น สตอเบอรรี่ลูกใหญ่ หวานฉ่ำ หรือ เมล่อนหอมหวานยิ่งกว่าน้ำเชื่อม ยิ่งถ้าไปตรงหน้าที่ผลไม้นั้นออกพอดี ก็รับรองว่าจะได้ทั้งของถูกและดี มีให้ชิมมากมาย โดยเฉพาะตามซุปเปอร์ช่วงค่ำที่มีการลดกระหน่ำคุ้มเว่อร์ๆเลย

 

 

ถ้าใครเคยไปญี่ปุ่น มักจะสังเกตว่าบริเวณหน้าวัดหรือศาลเจ้าดังๆของเมือง มักจะเป็นถนนเส้นยาวๆที่เต็มไปด้วยร้านค้าขายของที่ระลึกต่างๆซึ่งหนึ่งในนั้นจะเป็นขนมที่ทำกันสดใหม่ หลายๆเจ้าจะทำกันตรงนั้นเลย มีหลากหลายรสชาติและหลายแบบให้เลือก ตามแต่พื้นที่กันไป โดยส่วนมากแต่ละร้านจะทำกันเอง มีสูตรของตัวเองที่ถึงแม้จะมีรูปร่างหน้าตาคล้ายกัน แต่รสชาติจะไม่เหมือนกันซะทีเดียว ตรงข้ามกับหลายแหล่งขายของฝากเมืองไทย ที่ขายของเหมือนกันรับมาจากแหล่งเดียวกัน ทำให้นี่ก็เป็นอีกสีสันของการไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยนะ

 

 

 

ถือได้ว่าเป็นขนมปังยอดฮิตตลอดกาลของญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ค่ะ จะเห็นได้ว่าทั่วทั้งญี่ปุ่นจะมีเจ้าเมล่อนปังขายอยู่ทั้งนั้น เรียกว่าขนาดร้านสะดวกซื้อต่างๆยังมีให้ได้ลองแวะชิมกัน เอาจริงๆแล้วเมล่อนปังไม่ได้มีไส้เป็นเมล่อนแต่อย่างใดนะคะ ชื่อเมล่อนปังนี้มาจากการที่ลายของขนมปังมันคล้ายๆเมล่อนนั่นเอง แต่ถ้าอยากลองร้านที่คิดว่าเด็ดจริงๆแนะนำให้ได้ย่านอาซากุสะร้านชื่อว่า Asakusa Kagetsu-do หาไม่ยากเลยค่ะเพราะร้านมักจะมีคิวยาวอยู่เสมอๆ โดยร้านนี้เค้าจะอบเมล่อนปังวันต่อวัน และมีแค่แบบดั้งเดิมเท่านั้น แล้วถ้าอยากลองแบบแปลกใหม่ดูบ้านเดี๋ยวนี้ก็มีเมล่อนปังไอศกรีมให้ได้ลองกันนะคะ ว่ากันว่ามีร้านเมล่อนปังไอศกรีมที่อร่อยติดอันโลกที่แถวๆชิบูย่าในโตเกียวให้ได้ลองชิมกันด้วย โดยร้านนี้ชื่อว่า Sekai de Nibanme ni Oishii Yakitate Meron Pan Aisu ชื่ออาจจะยาวจำยาก แต่ให้สังเกตป้ายสีเขียวสะท้อนแสงและคนเยอะๆไว้ค่ะนั่นแกล่ะใช่เลย บอกเลยว่าของเค้าทั้งขนมปังหอมๆกรอบนอกนุ่มในเข้ากันสุดๆกับไอศกรีมเลยล่ะค่ะ

 

 

ส่วนมากเราจะติดปากกันว่าเครปญี่ปุ่นก็เพราะต้นตำหรับแท้ๆมาจากญี่ปุ่นนี่เองล่ะค่ะ ยิ่งถ้าโตเกียวแล้วนี่ต้องมาลองให้ได้เลยนะคะที่ Takeshita street ในฮาราจุกุ บอกเลยว่าร้านเครปเพียบ แต่ละร้านเมนูเยอะมากๆแป้งเค้าเนียนแบบสุดๆ ไส้เยอะ ครีมนี่อย่างฟินอยากได้คำเดียวว่าอร่อยแบบที่ชิ้นเดียวไม่พอเลยล่ะค่ะ