18 จุดเที่ยวชมภูเขาไฟฟูจิ วิวสุดอลังการ สวยเด็ดทุกมุม 2567

 

หากนึกถึงสัญลักษณ์ของประเทศญี่ปุ่นที่เห็นปุ๊บรู้ปั๊บเชื่อได้เลยว่าไม่พ้นต้องนึกถึง ภูเขาไฟฟูจิ กันแน่ๆ ด้วยความสูงมากถึง 3,776 เมตร ทำให้กลายเป็นภูเขาไฟที่มีความสูงอันดับหนึ่งของญี่ปุ่นอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่ว่าใครหากมาเยือนยังดินแดนแห่งนี้ล้วนหวังว่าจะได้ยลความงดงามของภูเขาไฟฟูจิซักครั้ง ซึ่งการชมภูเขาไฟฟูจินั้นสามารถชมได้จากหลายๆแห่ง โดยแต่ละแห่งจะงามปังๆขนาดไหนเตรียมตัวจดลิสต์แล้วตามมาดูกันเลย กับ 18 จุดเที่ยวชมภูเขาไฟฟูจิ วิวสุดอลังการ สวยเด็ดทุกมุม

 

ทะเลสาบคาวากูชิโกะนับว่าเป็นจุดชมที่ได้รับความนิยมมากที่สุดเลยก็ว่าได้ ด้วยทำเลที่ตั้งที่ตั้งอยู่รอบๆภูเขาไฟฟูจิ ล้อมรอบไปด้วยธรรมชาติที่มีความงดงามแตกต่างกันทุกฤดูกาล โดยมีเส้นทางให้เดินชมอยู่ทางทิศเหนือของทะเลสาบให้สามารถใช้เวลาเพลินๆเดินชิลล์สัมผัสอากาศบริสุทธ์พร้อมวิวภูเขาไฟฟูจิ

การเดินทาง

นั่งรถไฟมาสาย Azusa แล้วมาเปลี่ยนสายที่สถานี Otsuki เพื่อไปนั่งสาย Fujikyu Railway มาลงที่สถานี Kawaguchiko ต่อรถบัสรอบเมืองคาวางุจิโกะ (สายสีแดง) มาลงที่ป้ายพิพิธภัณฑ์ศิลปะคาวางุจิโกะ

 

 

 

 

แม่น้ำอุรุอิ Urui River อยู่ที่จังหวัด Shizuoka ถือเป็นอีกหนึ่งจุดชมดอกซากุระที่บรรดานักถ่ายภาพต่างพากันไปในช่วงต้นเมษายน เพราะจะได้เห็นวิวซากุระบานยาวตลอดริมแม่น้ำพร้อมกับฉากหลังเป็นภูเขาฟูจิ เรียกได้ว่าเป็นมุมยอดฮิตเลยก็ว่าได้ เพราะน้อยนักที่จะเห็นทั้งภูเขาฟูจิพร้อมกับซากุระบาน และยังมีธารน้ำไหลอีกด้วย

 

 

 

 

เสาโทริอิ Tenku no torii ตั้งอยู่ที่ศาลเจ้าอาซามะ ซึ่งศาลเจ้าแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม เนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งของการบูชาทางศาสนาของภูเขาไฟฟูจิ และเป็นที่มาของแรงบันดาลใจทางศิลปะ ศาลเจ้าตั้งตระหง่านมานานกว่า 1,000 ปี ในปี 2019 มีการติดตั้งโทริอิใหม่บนที่ดินระหว่างศาลเจ้าอาซามะและศาลเจ้ารองที่ฮานาโนะชิราทากิ เสาโทริอินี้ตั้งอยู่ริมภูเขา ทำให้มองเห็นทิวทัศน์ของคาวากุจิโกะ คาวากุจิโกมาจิ และภูเขาไฟฟูจิได้อย่างชัดเจน แต่ละฤดูก็จะมีความสวยงามแตกต่างกันไป เป็นอีกหนึ่งจุดยอดฮิตที่มักจะไปถ่ายรูปกัน

 

 

 

 

 

เจดีย์ชูเรโตะ(Chureito Pagoda) เป็นเจดีย์ห้าชั้นบนเนินเขาที่สามารถมองเห็นเมืองฟูจิโยชิดะ(Fujiyoshida City) และภูเขาไฟฟูจิในระยะไกลได้อย่างชัดเจนและงดงาม เจดีย์นี้ตั้งอยู่บนศาลเจ้าอาราคุระเซนเกน(Arakura Sengen Shrine) ซึ่งถูกสร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงสันติภาพปี 1963 ซึ่งจากตัวอาคารหลักของศาลเจ้าต้องขึ้นบันไดไปเกือบ 400 ขั้น

การเดินทาง

จาก Otsuki Station(35 นาที 960 เยน) และKawaguchiko Station(10 นาที 300 เยน) นั่งรถไฟ Fujikyu Railway Line ไปลงที่ Shimo-Yoshida Station แล้วเดินต่ออีก 10 นาที เจดีย์ตั้งอยู่บนเนินเขาซึ่งต้องเดินขึ้นไปอีกประมาณ 5 นาที

 

 

 

 

ดอกชิบะซากุระหรือพิงค์มอสถือว่ามีความสวยที่เป็นเอกลักษณ์เหมือนใคร หนึ่งในช่วงที่นักท่องเที่ยวนิยมไปมากที่สุดก็เป็นบริเวณสวนดอกชิบะซากุระในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่จะมีการจัดเทศกาลดอกชิบาซากุระ ที่นอกจากจะได้เห็นความงดงามของทุ่งดอกดอกชิบาซากุระที่ผลิบานพร้อมๆกันกว่า 800,000 ต้น โดยมีฉากเบื้องหลังเป็นภูเขาไฟฟูจิมันเป็นอะไรที่แลดูพร้อมพรั่งมากๆ ซึ่งเทศกาลนี้จะมีขึ้นช่วงกลางเดือนเมษายนไปจนถึงปลายเดือนพฤษภาคมของทุกปี

การเดินทาง

เมื่อนั่งรถไฟมาลงที่สถานี Kawaguchiko ต่อรถบัสมาลงที่ป้าย Fuji Shibazakura Iriguchi

 

 

 

 

เมืองโตเกียวมีตึกสูงระฟ้าที่เปิดให้นักท่องเที่ยวได้ขึ้นไปชมวิวมุมสูงได้อยู่หลายอาคาร เช่น Tokyo Tower, Tokyo Skytree และ Tokyo Metropolitan Government Building ซึ่งจากมุมสูงนี้เอง ในวันที่อากาศปลอดโปร่งเราจะสามารถมองเห็นไปได้ไกลถึงยอดเขาฟูจิ เป็นวิวเมืองโตเกียวกับภูเขาไฟฟูจิที่สวยงามแปลกตาอีกมุมหนึ่ง

 

 

 

 

หมู่บ้านโอชิโนะฮักไก (Oshino Hakkai) เป็นจุดท่องเที่ยวที่สร้างเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ประกอบด้วยบ่อน้ำ 8 บ่อในโอชิโนะ ตั้งอยู่ระหว่างทะเลสาบคาวากูจิโกะ(Lake Kawaguchiko) กับทะเลสาบยามานาคาโกะ(Lake Yamanakako) ซึ่งเป็นพื้นที่เก่าของทะเลสาบแห่งที่ 6 ที่แห้งขอดไปเมื่อ 200-300 ปีที่ผ่านมา บ่อน้ำทั้ง 8 นี้เป็นน้ำจากหิมะที่ละลายในช่วงฤดูร้อน ที่ไหลมาจากทางลาดใกล้ๆภูเขาไฟฟูจิผ่านหินลาวาที่มีรูพรุนอายุกว่า 80 ปี ทำให้น้ำใสสะอาดเป็นพิเศษ

การเดินทาง

จาก Kawaguchiko Station และ Gotemba Station นั่งรถบัส ใช้เวลา 1 ชั่วโมง

 

 

 

 

จะดีแค่ไหนที่ได้สนุกไปกับการช็อปปิ้งท่ามการวิวภูเขาไฟฟูจิ ถ้าได้บรรยากาศดีๆแบบนี้แล้วละก็ต้องมาที่ยังโกเทมบะ พรีเมี่ยม เอาท์เล็ท (Gotemba Premium Outlets) เอาท์เล็ทที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับต้นๆของญี่ปุ่น แต่ที่โดดเด่นมีเสน่ห์กว่ามครก็คงได้เห็นวิวภูเขาไฟฟูจิงามๆด้านหลังอีกด้วย

การเดินทาง

นั่งรถไฟสาย Gotemba Line ลงที่สถานี Gotemba ต่อด้วยรถบัสมาลงที่ป้าย Gotemba Premium Outlets

 

 

 

 

สวนสาธารณะโออิชิ (Oishi Park) เป็นสวนสาธารณะที่ตั้งอยู่ข้างๆทะเลสาบคาวากูชิโกะ โดยเป็นจุดที่สามารถเห็นทั้งทะเลสาบคาวากูชิโกะและภูเขาไฟฟูจิเป็นทิวทัศน์ด้านหลังอีกต่างหาก สวนแห่งนี้จะมีความงามขั้นสุดช่วงฤดูร้อนในกลางเดือนมิถุนายนไปจนถึง กลางกรกฎาคมของทุกปี ที่จะได้เห็นทุ่งดอกลาเวนเดอร์สีม่วงบานสะพรั่งพริ้วปลิวไสวไปทั่วบริเวณ

การเดินทาง

เมื่อนั่งรถไฟมาลงที่สถานี Kawaguchiko ต่อด้วยนั่งบัส Fujikyu Retro Bus ลงที่ป้าย Kawaguchiko Natural Living Center

 

 

 

 

Photo from https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/9/93/%E4%B8%89%E5%B

สะพานแขวนมิชิมะ (Mishima Sky Walk) แลนด์มาร์คแห่งเมืองชิซุโอ ที่น่าจะมีความยาวมากที่สุดของญี่ปุ่นด้วยความยาวถึง 400 เมตร ท่ามกลางธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ แน่นอนว่าเป็นอีกจุดที่สามารถชมวิวภูเขาไฟฟูจิได้ในรูปแบบนี่ทั้งสวยงามและหวาดเสียวนิดๆพอกรุบกริบๆ จะมีความสวยงามเป็นพิเศษในช่วง 9 โมงเช้าซึ่งเป็นช่วงที่มีอุณหภูมิต่ำ อีกทั้งยังสามารถเพลิดเพลินกับพระอาทิตย์ตกที่สวยงามตั้งแต่เดือนตุลาคมถึงกุมภาพันธ์อีกด้วย

การเดินทาง

นั่งรถไฟสาย Tokaido Line ลงสถานี Mishima ต่อด้วยรถบัสหมายเลย 5 ลงที่ Mishima Sky Walk

 

 

 

 

 

ถือเป็นจุดฮอทฮิตที่ไปง่ายมากๆ แถมยังได้ภาพรถไฟชินคันเซ็นที่ขึ้นชื่อเรื่ององความทันสมัยมีพื้นหลังเป็นภูเขาไฟฟูจิที่เหมือนเป็นงานสร้างสรรค์ของธรรมชาติ ซึ่งถือเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวที่เดินทางระหว่างโตเกียวและโอซาก้าที่โดยสารรถไฟชินคันเซ็นที่ไม่น่ามีใครพลาดที่จะเก็บภาพ

การเดินทาง

นั่งรถไฟ Tokaido-Sanyo Shinkansen ลงสถานี Shin-Fuji

 

 

 

 

ทะเลสาบอาชิโนโกะ(Lake Ashinoko) เกิดขึ้นหลังจากการประทุของภูเขาไฟฮาโกเน่เมื่อ 3,000 ปีก่อน โดยมีฉากหลังเป็นภูเขาไฟฟูจิที่งดงามซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเมืองฮาโกเน่ สามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้อย่างชัดเจนในช่วงฤดูหนาว หรือช่วงเช้ากับใกล้ค่ำของแต่ละวัน

การเดินทาง

การชมที่ดีที่สุดคือการล่องเรือชมไปรอบๆทะเลสาบ

 

 

 

สำหรับคนที่บินจากไทยไปลงที่สนามบินนาริตะ จะมีโอกาสได้เห็นภูเขาไฟฟูจิจากมุมสูงบนเครื่องบินได้ ทั้งขาไปและขากลับ จะอยู่ก่อนถึงสนามบินหรือหลังจากเครื่องบินขึ้นประมาณ 30 นาที ซึ่งจากความสูงและความใหญ่ของฟูจิ คุณจะเห็นได้ชัดเจนจากหน้าต่างเครื่องบินเลยทีเดียว

 

 

 

 

ศาลเจ้าที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่ามีอายุเป็นพันปี ตั้งอยู่บริเวณฐานภูเขา  นอกจากจะได้ชมสถาปัตยกรรมแบบญี่ปุ่นโบราณแล้วนั้น จากทำเลที่ตั้งยังสามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิจากบริเวณศาลเจ้าได้อีก ซึ่งถือเป็นกลมกลืนอย่างลงตัวของความเชื่อกับธรรมชาติ

การเดินทาง

นั่งรถไฟสาย Minobu Line ลงสถานี Fujinomiya เดินประมาณ 10 นาที

 

 

 

 

หากใครชอบท่องเที่ยวแนวทะเลๆแต่ก็อยากเห็นวิวภูเขาไฟฟูจิสวยๆไปพร้อมกัน ต้องไปที่เมืองคามาคุระแล้วปักหมุดที่ชายหาดยูอิงาฮามะ  รับรองว่าวิวสวยคุ้มค่าการเดินทาง หาดทรายสีขาวทอดยาว สายลม สองเรา เคล้าคลอไปกับพื้นหลังภูเขาไฟฟูจิ พร้อมกิจกรรมสนุกๆอย่างกีฬาทางน้ำนานชนิด แม้กระทั่งนอนอาบแดดเบาๆก็เพลินสุดแล้ว

การเดินทาง

นั่งรถไฟสาย Enoden Railway ลงสถานี Yuigahama

 

 

 

 

เนินเขานิฮอนไดระ (Nihondaira) เนินเขาแห่งนี้ตั้งอยู่ที่เมืองชิซูโอกะที่มีชื่อเสียงอย่างมากจากการเป็นแหล่งปลูกชาเขียวชั้นยอดของญี่ปุ่น ช่วงที่นักท่องเที่ยวนิยมมาที่นี่มักจะเป็นกลางเดือนเมษายนไปจนถึงต้นเดือนตุลาคมของทุกๆ ปี เพราะจะอยู่ในฤดูเก็บเกี่ยวชาขียว ทำให้เห็นถึงทัศนียภาพใบชาที่เขียวชอุ่มที่ตัดกับภาพภูเขาไฟฟูจิ วันไหนท้องฟ้าสีฟ้าใสๆตัดสีเขียวนี่เห็นแล้วสดชื่นมากๆ

การเดินทาง

นั่งรถไฟสาย Tokaido Hikari ลงสถานี Shizuoka ต่อด้วยรถบัส Shizutetsu Justline ลงป้าย Nihondaira

 

 

 

 

บางทีการไปชมวิวสวยๆก็อาจต้องมีความลำบากบ้างนิดนึง โดยจากจุดนี้จะสามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิแบบใกล้มากๆ ซึ่งสามารถเดินขึ้นไปตามเส้นทางเดินป่าของภูเขาที่จะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที พูดได้เลยว่าคุ้มค่ากับการเดินแบบเห็นแล้วหายเหนื่อยแน่นอน

การเดินทาง

เมื่อนั่งรถไฟมาลงที่สถานี Kawaguchiko ต่อด้วยรสบัสเส้นทางเทนคาจายะ ลงที่ป้ายมิทสึโทเกะ โทซันงุจิ

 

 

 

 

ทะเลสาบยามานาคาโกะ (Lake Yamanakako) เป็นทะเลสาบที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดาทะเลสาบ 5 แห่งรอบภูเขาไฟฟูจิ และได้รับการพัฒนาให้เป็นเมืองเล็กๆมีโรงแรม โฮมสเตย์ ที่แคมปิ้ง และร้านอาหารบริเวณทิศตะวันตกและทิศตะวันออก สามารถมองเห็นทัศนียภาพอันงดงามของภูเขาไฟฟูจิได้โดยรอบ โดยเฉพาะชายฝั่งทิศเหนือ ซึ่งเป็นจุดนิยมที่มีมุมมองของทะเลสาบและภูเขาเรียกว่า Panorama Dai จุดชมวิวนี้ตั้งอยู่ติดกับลานจอดรถของทางขึ้นภูเขาทิศตะวันออกเฉียงเหนือของทะเลสาบ