รวม 23 ที่เที่ยวโอซาก้า ตามย่านฮิต เปิดใหม่ วางแผนเที่ยวโอซาก้าด้วยตัวเอง อัพเดตล่าสุด 2567
หากพูดถึงการเที่ยวโอซาก้า(Osaka)ก็พูดได้เต็มปากเต็มคำเลยว่าเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยสีสันจริงๆ สถานที่ท่องเที่ยวไม่ว่าแนวไหนก็มีให้ครบทั้งวัดวาอาราม ศาลเจ้าศักดิ์และสวยงาม สวนสนุกยิ่งใหญ่ฮอตฮิตระดับโลก สถาปัตยกรรมญี่ปุ่นแบบโบราณ แหล่งช้อปปิ้งใหญ่ยักษ์ไม่แพ้โตเกียว แถมอาหารยังเด็ดดวงมีแต่ของอร่อยๆแบบท้องถิ่นให้เลือกชิมมากมายเต็มไปหมด ทำให้กลายเป็นจุดหมายปลายทางฮอทฮิตตลอดกาลเมื่อมาเที่ยวยังญี่ปุ่นก็ว่าได้ ที่สำคัญค่าครองชีพไม่ว่าจะค่าอาหาร ที่พัก ก็ยังเบาๆกว่าโตเกียวอยู่พอสมควร เรียกได้ว่าโอซาก้าถือเป็นเมืองที่มีเสน่ห์ล้นเหลือจะไปครั้งแรกก็เป๊ะปัง จะไปกี่ครั้งก็ไม่มีคำว่าเบื่อ เมื่อมาเยือนแล้วจะต้องตามเก็บที่เที่ยวที่ไหนบ้างนั้นตามมาชม สถานที่ท่องเที่ยวน่าไปในโอซาก้า กันได้เลย
ในบทความนี้เราจะตอบคำถามสำคัญให้กับคนที่กำลังวางแผนเที่ยวโอซาก้าด้วยตัวเองอยู่ นอกจากสถานที่ท่องเที่ยวเด่นๆของเมืองนี้แล้ว เรายังจะตอบคำถาม เช่น โอซาก้ามีอะไรให้เที่ยวบ้าง มีย่านไหนน่าเที่ยวบ้าง ควรพักที่ย่านไหน มีของกินหรือร้านอาหารอะไรต้องลองบ้าง ไปช้อปปิ้งที่ไหน เดินทางยังไง ควรใช้เวลากี่วันและวางแผนเที่ยวยังไงดี จนถึงแต่ละฤดูในโอซาก้าแตกต่างกันอย่างไร สภาพอากาศเป็นยังไงบ้าง แบบครบจบที่เดียวเลย นอกจากนี้เรายังมีบทความที่เจาะลึกในแต่ละหัวข้อแยกให้ด้วยในตอนท้ายของบทความ หรือค้นหาที่กูเกิ้ล ด้วยคำว่า TalonJapan + หัวข้อที่ต้องการรู้ได้เลย
ย่านท่องเที่ยวในโอซาก้ามีอะไรบ้าง ?
เนื่องจากว่าโอซาก้าเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่ไม่แพ้โตเกียว การวางแผนท่องเที่ยวจึงควรจะรู้ว่าจะแบ่งพื้นที่การเที่ยวออกเป็นส่วนย่อยๆของแต่ละวันหรือช่วงเวลาอย่างไร เพื่อให้การเดินทางไม่ต้องย้อนไปย้อนมา โดยเราจะขอแบ่งเมืองโอซาก้าออกเป็นทั้งหมด 5 ส่วนด้วยกันดังนี้
ย่าน Namba: เป็นย่านที่คึกคัก มีชีวิตชีวา มีแหล่งช้อปปิ้ง ตลาด ถนนคนเดิน ร้านค้า ร้านอาหาร และแหล่งบันเทิงมากมาย ทำให้เป็นที่นิยมสำหรับทั้งนักท่องเที่ยวและคนท้องถิ่น สถานีรถไฟหลัก: Namba Station, Shinsaibashi Station , Nipponbashi Station มีไฮไลท์ที่เที่ยวเช่น โดทงบุริ ชินไซบาชิ และนัมบะ โด่งดังเพราะ ป้ายไฟนีออน ร้านอาหาร และถนนช้อปปิ้ง ตลาดคุโรมง และ ศาลเจ้า นัมบะ ยาสะกะ
ย่าน Umeda: เป็นย่านธุรกิจ ออฟฟิศ และการค้าที่คึกคักอีกแห่งหนึ่งของโอซาก้า มีตึกสูง ห้างสรรพสินค้า และแหล่งบันเทิงมากมาย สถานีรถไฟหลัก คือ Osaka Station หรือ Umeda Station มีไฮไลท์ที่เที่ยวเช่น Umeda Sky Building ตึกสูงที่มีจุดชมวิวแบบลอยฟ้า และ พิพิธภัณฑ์บะหมี่สำเร็จรูป
ย่าน Nakanoshima: เป็นเกาะเล็ก ๆ ในใจกลางเมืองโอซาก้า ระหว่างแม่น้ำ Dojima และ Tosabori พื้นที่นี้มีสวนสวย พิพิธภัณฑ์ และสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานระหว่างสมัยใหม่ และแบบดั้งเดิม สถานีรถไฟหลัก: Nakanoshima Station มี Nakanoshima Park (สวนสาธารณะนาโนะชิมะ): สวนสวยที่มีดอกไม้ตามฤดูกาลและวิวแม่น้ำ Nakanoshima Museum of Art ที่เพิ่งเปิดใหม่ และ National Art Museum Osaka
ย่าน Nagai: มีสวนสาธารณะขนาดใหญ่ มีสวนพฤกษศาสตร์ สนามกีฬา และงานศิลปะดิจิทัล เป็นสถานที่พักผ่อนเงียบสงบที่มีพื้นที่สีเขียวและสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมมากมาย สถานีรถไฟหลัก: Nagai Station มีไฮไลท์ที่เที่ยวเช่น Nagai Botanical Garden และ teamLab Botanical Garden
ย่าน Tennoji: เป็นการผสมผสานระหว่างความดั้งเดิมและสมัยใหม่ มีสถานที่ทางประวัติศาสตร์ แหล่งช้อปปิ้ง และตึกที่เคยสูงที่สุดในญี่ปุ่น สถานีรถไฟหลัก: Tennoji Station มี Abeno Harukas (จุดชมวิวอาเบะโนะ ฮารุกัส), หอคอย Tsutenkaku Tower ในย่านชินเซไก และ วัด ชิเทนโนจิ
ย่านปราสาทโอซาก้า เป็นย่านประวัติศาสตร์ที่เป็นที่ตั้งของปราสาทโอซาก้าที่มีชื่อเสียง ล้อมรอบด้วยสวนสวยและสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมอื่น ๆ สถานีรถไฟหลัก: Osakajokoen Station มีไฮไลท์คือ Osaka Castle และ ศาลเจ้าโอซาก้าเทมมังงุ (Osaka Tenmangu Shrine)
ย่าน Osaka Bay จะเน้นสถานที่ท่องเที่ยวเน้นกิจกรรมหลากหลาย ทั้งสวนสนุก และจุดชมวิวริมอ่าวที่สวยงาม สถานีรถไฟหลัก: Universal City Station และ Osakako Station มีไฮไลท์คือ Universal Studio Japan สวนสนุกยอดฮิตอันดับ 2 ของญี่ปุ่น และ Osaka Aquarium Kaiyukan หนึ่งในพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก
พื้นที่รอบๆตัวเมืองโอซาก้าส่วนใหญ่จะเป็นที่เที่ยวทางธรรมชาติ อาจจะต้องใช้เวลาเดินทางออกจากเมืองประมาณ 20-60 นาที มักจะโดดเด่นตามฤดูกาล เช่น ไปดูใบไม้เปลี่ยนสีที่ สวนสาธารณะ Expo 70 หรือน้ำตกที่ Minoh Park เป็นต้น
เมื่อรู้จักกับย่านท่องเที่ยวต่างๆของโอซาก้ากันแล้ว มาอัพเดตสถานที่ท่องเที่ยวเปิดใหม่ล่าสุดของโอซาก้ากันก่อนเลย
1. Super Nintendo World โซนใหม่ใน Universal Studio Japan
Super Nintendo World – โซนเครื่องเล่นเปิดใหม่ล่าสุด ของ Universal Studios Japan ในเมืองโอซาก้า เปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2021 ดินแดนใหม่เอี่ยมนี้เป็นความฝันของแฟน Nintendo ตัวจริง มีทั้งร้านอาหาร แผงขายขนม การทักทายกับตัวละคร ร้านค้า และองค์ประกอบแบบอินเทอร์แอคทีฟมากมาย เป็นอะไรที่เหมาะกับทุกเพศทุกวัยเลยจริงๆไม่ว่าจะมาเป็นครอบครัว คู่รัก หรือกลุ่มเพื่อก็มาได้หมด
Universal Studios Japan เรียกได้ว่ายิ่งใหม่มากที่สุดแห่งหนึ่งของเอเชียเลยกว่าได้ แนะนำให้ใช้เวลาแบบเต็มวันนั้นมาแต่เช้า ที่สำคัญซื้อพาสมาจะดีที่สุดไม่งั้นรอคิวจนอาจหมดสนุกง่ายๆ แน่นอนว่าโซน The Wizarding World of Harry Potter ต้องถูกใจเหล่าสกวกพ่อมดน้อยแน่ๆ ที่ประหนึ่งจองลองโลกเวทมนตร์มาลงที่นี่ก็ไม่ปาน อีกจุดหนึ่งที่หลายๆคนชอบก็น่าจะเป็น Minions Park ที่จะถูกใจเหล่าสกวกเจ้า MINIONS ตัวเหลือจอมซนอย่างแรง นอกจากจะมีโซนต่างๆมากถึง 15 โซน พร้อมเครื่องเล่นสนุกๆสุดมันส์แล้ว ยังมีขบวนพาเรดสุดอลังมาให้ดูกันแบบจุใจอีกกต่างหาก
การเดินทาง
นั่งรถไฟสาย JR Yumesaki Line มาลงที่สถานี Universal City เดินต่ออีกประมาณ 5 นาที
2. teamLab Botanical Garden
teamLab Botanical Garden เป็นพิพิธภัณท์ศิลปะแบบ Emersive Digital ที่ให้ประสบการณ์ในการรับชมโดยการสัมผัสและเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของผลงานศิลปะ ที่โด่งดังของญี่ปุ่นที่มีจัดอยู่หลายๆเมืองทั่วโลก และยังได้รับรางวัลอีกมากมาย โดยจัดขึ้นที่สวนสาธารณะ Nagai Park แต่สำหรับที่นี่จะพิเศษตรงที่เปิดเฉพาะเวลากลางคืนเท่านั้น
3. พิพิธภัณท์ศิลปะ Nakanoshima Museum of Art
พิพิธภัณท์ศิลปะ Nakanoshima Museum of Art เปิดใหม่ล่าสุด ในอาคาร Modern Minimal สีเข้ม สวยเด่น สะดุดตา บนเกาะกลางแม่นน้ำ Nakanoshima จัดแสดงผลงานศิลปะหลากหลายแบบผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนไปเรื่อยๆ ถ้าอยากรู้ว่าตอนนี้จัดแสดงอะไรอยู่ก็เข้าไปดูที่เว็บ Official ได้เลย
4. Nijigen no Mori หรือ Anime Park
Nijigen no Mori เป็นธีมพาร์คที่เอาใจสายอนิเมะที่มาในหลายๆธีมจนแฟนคลับญี่ปุ่นต้องหลงรัก ไม่ว่าจะเป็น Godzilla, Naruto, Dragon Quest, Crayon Shin-chan และแม้ว่าจะตั้งอยู๋บน เกาะ Awaji ไม่ได้อยู่ใน Osaka แต่ก็ไม่ไกลมาก สามารถจะไปเที่ยวแบบเช้าไปเย็นกลับ เก็บได้ครบหมดสบายๆ หรือจะค้างคืนก็มีที่พักในธีมอนิเมะ อย่างเช่น Dragon Quest ด้วยนะ
Web Official: https://nijigennomori.com/en/
มาต่อกันด้วยสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตห้ามพลาดตลอดกาลของโอซาก้ากันต่อเลย
5. ปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle)
ปราสาทโอซาก้าเป็นหนึ่งในสถานที่เที่ยวยอดฮิตที่สุดของเมือง และยังเป็นสัญญลักษณ์ประจำเมืองนี้ด้วย สร้างขึ้นตั้งแต่ปีค.ศ. 1583 มีสวนรอบปราสาทขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยต้นซากุระ ซึ่งจะสวยงามมากเมื่อถึงฤดูใบไม้ผลิช่วงปลายเดือนมีนาคม
การเดินทาง รถไฟใต้ดิน สถานี Osaka Business Park Station หรือ รถไฟ JR สถานี Osakajokoen Station
6. ย่านโดทงบุริ(Dontonburi) ชินไซบาชิ(Shinsaibashi) และนัมบะ(Namba)
ทั้งสามย่าน ย่านโดทงบุริ(Dontonburi) ชินไซบาชิ(Shinsaibashi) และนัมบะ(Namba) เป็นย่านฮิตที่อยู่ในบริเวณเดียวกันติดกัน เป็นถนนสายช้อปปิ้งกึ่งอินดอร์ที่มีความยาวมากถึง 600 เมตร เต็มไปด้วยร้านค้าปลีก ร้านเฟรนไชส์ ร้านเสื้อผ้าราคาแพงและ เสื้อผ้าแฟชั่นชั้นนำ รวมถึงร้านอาหารและร้านขนมด้วย กลางคืนนี่เต็มไปด้วยสีสันของบรรดาร้านค้าต่างๆคึกคักมากๆ ของกินต่างๆก็เยอะแยะมากมาย โดยเฉพาะต้องถ่ายถ่ายรูปที่ป้ายไฟกูลิโกะ (Glico Running Man sign) ที่ชื่อเสียงโด่งดังเสมือนเป็นสัญลักษณ์อีกอย่างของโอซาก้าเลยทีเดียว
การเดินทาง รถไฟ Subway Midosuji Line/Nagahori Line สถานี Shinsaibashi Station
7. จุดชมวิวอาเบะโนะ ฮารุกัส(Abeno Harukas)
การเดินทาง เดินได้จากสถานีรถไฟ Tennoji Station
8. ศาลเจ้าสุมิโยชิ (Sumiyoshi Taisha)
หนึ่งในศาลเจ้าที่ทั้งเก่าแก่และมีชื่อเสียงโด่งดังมากที่สุดของญี่ปุ่น ดูได้จากปริมาณผู้คนที่เข้ามาขอพรช่วงปีใหม่มากถึง 2 ล้านคน สถาปัตยกรรมของที่นี่ก็นับว่ามีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นไม่แพ้ที่ไหนๆ โดยเฉพาะจุดไฮไลท์ยอดนิยมที่นักท่องเที่ยวต้องมาถ่ายรูปกันที่บริเวณสะพานไม้สีแดงโซริฮาชิ (Sorihashi Bridge)ที่ว่ากันว่าเมื่อข้ามแล้วจะพบเจอแต่สิ่งที่เป็นมงคลกับชีวิต แถมยังวิวทิวทัศน์ดีงามเป็ฯอันดับต้นๆของแถบคันไซอีกด้วย
การเดินทาง นั่งรถไฟสาย Hankai Tramway ลงที่สถานี Sumiyoshikoen เดินอีกประมาณ 3 นาที
9. พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูคัง (Osaka Aquarium Kaiyukan)
การเดินทาง นั่งรถไฟสาย Subway Chuo Line ลงที่สถานี Osakako เดินต่ออีกประมาณ 11 นาที
10. ตลาดคุโรมง(Kuromon Ichiba Market)
ตลาดคุโรมง โอซาก้า เป็นตลาดที่มีชื่อเสียงและเก่าแก่มากที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองโอซาก้า จนได้รับสมญานามว่าเป็น ครัวของโอซาก้า(Osaka’s Kitchen) กันเลยทีเดียว มีบรรยากาศภายในเป็นทางเดิน Arcade เล็กๆทอดยาวประมาณ 600 เมตร 2 ข้างทางจะเต็มไปด้วยร้านค้าต่างๆกว่า 160 ร้านค้า ขายทั้งของสด และแบบพร้อมทาน มีของกินเล่นและอาหารพื้นเมืองมากมายหลายชนิดให้ได้ชิมกัน
การเดินทาง อยู่เกือบติดกับสถานีรถไฟใต้ดิน Nippombashi Station สาย Sakaisuji Line ออกที่ทางออก No.5 หรือ10
11. หมู่บ้านอเมริกา (America Mura)
ย่านแฟชั่นสุดคูลของโอซาก้าที่เต็มไปด้วยอายของความเป็นอเมริกัน ให้อารมณ์ประหนึ่งย่านชิบุย่าในโตเกียวก็ไม่ปาน หากแต่ก็มีบรรยากาศที่เป็นเอกลักษณ์มากกว่าเพราะจะเน้นไปที่ร้านค้าและแฟชั่นของอเมริกันเป็นหลัก ยิ่งช่วงสุดสัปดาห์นี่จะเต็มไปด้วยวัยรุ่นมาชุมนุมกันจัดกิจกรรมฮิปๆไม่ว่าจะเป็นเต้น ร้องเพลง และเล่นดินตรีให้เห็นกันอยู่เนืองๆ นับว่าเป็นย่านหนึ่งที่มากไปด้วยสีสันของเมืองโอซาก้าก็ว่าได้
การเดินทาง
- นั่งรถไฟสาย Yamatoji line ลงสถานี JR Namba เดินต่ออีกประมาณ 8 นาที
- นั่งรถไฟใต้ดินสาย Midosuji Line ลงที่สถานี Shinsaibashi เดินต่ออีกประมาณ 7 นาที
12. ชิงช้าสวรรค์เท็มโปซาน และย่านริมอ่าวโอซาก้า
การเดินทาง นั่งรถไฟสาย Subway Chuo Line ลงที่สถานี Osakako เดินอีกประมาณ 8 นาที
13. สวนอนุสรณ์งานเอ๊กซ์โป 70 (Expo ’70 Commemorative Park)
สวนอนุสรณ์งานเอ๊กซ์โป 70 หรือที่รู้จักกันอีกชื่อว่า สวนสาธารณะอนุสรณ์บัมบาคุ ถือเป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่เคยเป็นสถานที่จัดงาน Japan World Expo มีสัญลักษณ์โดดเด่นอย่างหอหอยพระอาทิตย์ (Tower of the Sun) ช่วงที่น่ามามากที่สุดก็เป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิ เนื่องจากมีการจัดเทศกาลซากุระอันแสนโด่งดังของแถบคันไซ จากการที่มีต้นซากุระมากถึง 5,500 ต้น
การเดินทาง นั่งรถไฟสาย Osaka Monorail Main Line ลงที่สถานี Banpaku-Kinen-Koen เดินอีกประมาณ 7 นาที
14. พิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งชาติโอซาก้า (National art museum Osaka)
พิพิธภัณฑ์ศิลปะที่รวบรวมเอาศิลปะหลากหลายแขนงตั้งแต่อดีตจนถึงในปัจจุบัน รวมไปถึงนิทรรศการคอนเลคชั่นพิเศษๆมาจัดแสดงให้ดูเป็นช่วงๆ แต่ตัวอาคารนี่ก็สามารถดึงดูดความสนใจได้แล้วไม่มากก็น้อย เพราะดูโดดเด่นออกมากจากบรรยากาศรอบๆมากทีเดียว ซึ่งก็ได้ถูกออกแบบโดยเซซาร์ เปลลี (Cesar Pelli) สถาปนิกชื่อดังระดับโลกชาวอาร์เจนตินา-อเมริกัน มีรูปแบบเอกลักษณ์ด้วยโครงสร้างแบบเส้นโค้งที่ฟะซาดและวัสดุโลหะ
การเดินทาง นั่งรถไฟสาย Nakanoshima ลงที่สถานี Watanabebashi เดินอีกประมาณ 5 นาที
15. ศาลเจ้าโอซาก้าเทมมังงุ (Osaka Tenmangu Shrine)
อีกศาลเจ้าที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของญี่ปุ่น โด่งดังด้านการขอพรเรื่องการเรียนและการสอบต่างๆ ทำให้ช่วใกล้สอบนี่คราคลั่งไปด้วยเหล่านักเรียน นักศึกษาจำนวนมาก ที่จะขอพรกันให้การสอบลุล่วงไปด้วยดีหรือสอบเข้าที่ต่างตามที่มุ่งหวังผ่าน แต่ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดน่าจะเป็นจากการเป็นสถานที่จัดงานเทศกาล Tenjin Matsuri ที่ติดหนึ่งในสามเทศกาลที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นนั่นเอง
การเดินทาง นั่งรถไฟสาย Sakaisuji Subway Lines ลงที่สถานี Minamimorimachi Station เดินต่ออีกประมาณ 6-7 นาที
16. ตึกอูเมดะสกาย(Umeda Sky Building)
เป็นสถาปัตยกรรมอาคารสูงสุดไฮเทคในย่านคิตะของโอซาก้า ตั้งอยู่ใกล้ Osaka and Umeda Station หรือรู้จักกันในชื่อ New Umeda City ตึกแห่งนี้มีความสูงถึง 173 เมตร
การเดินทาง จากสถานี Osaka Station หรือ Umeda Station เดินไปประมาณ 15 นาที
17. สวนสาธารณะนาโนะชิมะ (Nakanoshima Park)
สวนสาธารณะริมแม่น้ำที่ตั้งอยู่ท่ามกลางตึกอาคาร จนได้ฉายาว่าโอเอซิสของโอซาก้า รวมทั้งเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจยอดนิยมของชาวเมือง โดยเฉพาะการมีสวนกุหลาบขนาดใหญ่กว่า 4,000 ต้น มีจำนวนสายพันธุ์ถึง 100 ชนิด ที่จะพากันชูช่อออกดอกผลิใบพร้อมเพรียงกันช่วงกลางเดือนพฤษภาคมจนถึงกลางเดือนตุลาคม ด้วยความงดงามนี่เองจึงทำให้ติดอันดับหนึ่งใน 100 สุดยอดทัศนียภาพอันงดงามของเมืองโอซาก้าในที่สุด
การเดินทาง
- นั่งรถไฟสาย Midosuji Line ลงที่สถานี Yodoyabashi เดินต่ออีกประมาณ 9 นาที
- นั่งรถไฟสาย Keihan Line ลงที่สถานี Kitahama เดินต่ออีกประมาณ 5-6 นาที
18. Tsutenkaku Tower
19. ศาลเจ้า นัมบะ ยาสะกะ Namba Yasaka Shrine
ศาลเจ้านัมบะ ยาซากะ(Namba Yasaka Shrine) ตั้งอยู่ในย่านนัมบะของเมืองโอซาก้า สามารถเดินเท้าจากจุดถ่ายรูปยอดฮิตอย่างป้ายโฆษณากูลิโกะประมาณ 15 นาทีเท่านั้น มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นอย่างหัวสิงโตปั้นหน้าตาดุดันขนาดใหญ่ตั้งอยู่ด้านหน้า ด้วยความสูง 17 เมตร ความกว้าง 11 เมตรและความลึก 7 เมตร โดยเชื่อกันว่าปากของสิงโตตัวใหญ่นั้นจะสามารถกลืนกินสิ่งไม่ดีต่างๆ ปัดเป่าความชั่วร้ายให้หายไป และนำพามาโชคลาภเข้ามา ซึ่งกลายเป็นที่นิยมสำหรับนักท่องเที่ยวที่จะมาสักการะขอพระเรื่องการเรียนหรือด้านการงานให้เกิดความสำเร็จตามที่มุ่งหวัง อีกทั้งด้วยงานปั้นสิงโตที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นแม้จะมีใบหน้าท่าทางที่จะดูดุไปอยู่บ้างก็กลายเป็นจุดถ่ายรูปยอดนิยมสำหรับผู้คนที่มาเยือนศาลเจ้าแห่งนี้เลยทีเดียว
20. พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ Nifrel (Nifrel Aquazoo)
สุดยอดอควาเรียมที่นำเสอการจัดแสดงสัตว์น้ำแบบใหม่ โดยนำเอาเทคโนโลยีแบบ Interactive เข้ามาทำให้การดูสัตว์น้ำไม่ธรรมดาอีกต่อไป แสง สี เสียงมาแบบจัดเต็มแปลกแหวกแนวกว่าที่อื่น ที่ทำให้คุณต้องร้องว้าวมาแบบไม่รู้ตัว แถมยังสามารถดูจั้ตว์น้ำได้อย่างใกล้ชิดแบบที่ไม่สามารถทำได้จากที่อื่นๆ ที่สำคัญยังมีโซนสัตว์หายากที่มีทั้งสัตว์แปลกๆ ไปจนถึงเจ้านกแพนกวิ้นสุดน่ารัก และเสือโคร่งขาวมาให้ได้ตื่นเต้นกันแบบไม่มีเบรค
การเดินทาง
นั่งรถไฟสาย Osaka Monorail ลงที่สถานี Bampuku-Kinen-Koen เดินประมาณ 4 นาที
21. พิพิธภัณฑ์บะหมี่สำเร็จรูป (Momofuku Ando Instant Ramen Museum)
พิพิธภัณฑ์ที่ไม่เพียงได้เห็นประวัติความเป็นมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ยังมีจุดไฮไลท์อย่างการสร้างสรรค์บะหมี่ถ้วยในรูปแบบของตัวเองไม่ว่าจะน้ำซุป เครื่องเคียงต่างๆ ทั้งยังได้เพ้นท์ถ้วยตามจิตนาการแบบมีถ้วยเดียวในโลก ถือได้ว่าทั้งได้ความรู้ ได้ความสนุกสนาน พร้อมของติดไม้ติดมือที่น่าประทับใจไม่รู้ลืม
การเดินทาง
นั่งรถไฟสาย Hankyu-Takarazuka Line ลงสถานี Ikeda ทางออก Masumi-cho Homen เดินต่ออีกประมาณ 6-7 นาที
22. จุดชมวิวอาเบะโนะ ฮารุกัส(Abeno Harukas)
อยู่บนตึกสูง 300 เมตร ซึ่งเป็นตึกระฟ้าที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น ตรงข้ามกับสถานีรถไฟ Jr Tennoji Station นอกจากเป็นจุดชมวิวแล้ว ยังมีห้างสรรพสินค้า พิพิธภัณฑ์ศิลปะ และโรงแรมอีกด้วย ดาดฟ้าชมวิวมีชื่อว่า Harukasu 300 อยู่บนชั้น58-60 (รวมสามชั้น) ซึ่งเข้าชมโดยขึ้นลิฟท์ที่ชั้น 16 บนชั้นที่ 58 จะมีลานระเบียงไม้ ร้านคาเฟ่ และร้านขายของที่ระลึก บนชั้นที่ 60 สามารถชมวิวได้แบบ 360 องศา
การเดินทาง เดินได้จากสถานีรถไฟ Tennoji Station
23. วัด ชิเทนโนจิ Shitennoji
วัดชิเทนโนจิ(Shitennoji) ไม่เพียงแต่เป็นวัดพุทธแห่งแรกของญี่ปุ่นเท่านั้นนะคะ แต่ยังได้ชื่อว่าเป็นวัดที่มีความเก่าแก่มากที่สุดของญี่ปุ่นเลยทีเดียวล่ะค่ะ ซึ่งวัดแห่งนี้ได้มีเจ้าชายโชโทคุผู้ที่ลื่อมใสในพระพุทธศาสนาจนท่านได้ให้การสนับการสร้างวัดแห่งนี้ขึ้นในปี 593 ถ้านับจนถึงปีนี้ก็เป็นเวลาราวๆ 1,400 ปีแล้ว โดยจะเห็นได้ว่าตัววัดได้มีการถูกบูรณะอยู่เรื่อยๆทำให้ยังคงสภาพที่ยังคงความงดงามอยู่จนถึงปัจจุบันนี้ เรียกได้ว่าแม้จะถูกไฟไหม้มานับครั้งไม่ถ้วนแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรวัดแห่งนี้ได้แต่น้อย ความงดงามนี่ยังคงสไตล์เดิมๆเหมือนสมัยศตวรรษที่ 6 อย่างไรอย่างนั้น
เที่ยวโอซาก้าควรใช้เวลากี่วัน
การเที่ยวโอซาก้าแนะนำให้ใช้เวลา 3 ถึง 5 วันเพื่อสัมผัสประสบการณ์ที่หลากหลาย ตัวอย่างการวางแผนเที่ยวโอซาก้าแบบสั้นๆได้ประมาณนี้:
วันที่ 1: เที่ยวใจกลางเมืองโอซาก้า – เยี่ยมชมปราสาทโอซาก้า เดินเล่นที่ชินไซบาชิและโดทงโบริ และชมวิวจากตึกอุเมดะสกาย
วันที่ 2: เที่ยวใจกลางเมืองโอซาก้า – เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์โอซาก้า ศาลเจ้าสุมิโยชิไทฉะ และตลาดคุโรมงอิจิบะ
วันที่ 3: วันเดย์ทริปไป นาราหรือเกียวโต – เลือกไปวัดโทไดจิในนาราหรือวัดคิงคะคุจิและศาลเจ้าฟุชิมิอินาริในเกียวโต
วันที่ 4: เที่ยวสวนสนุกหรือสวนสัตว์ – เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำโอซาก้า สวนสนุกยูนิเวอร์แซลสตูดิโอส์ญี่ปุ่น และผ่อนคลายที่สปาเวิลด์
เมนูเด็ดของเมืองโอซาก้า
โอซาก้าเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องอาหารอร่อย มีอาหารที่ห้ามพลาดมากมาย โดยเฉพาะ Takoyaki และ Okonomiyaki:
- ทาโกะยากิ (Takoyaki): ลูกกลมๆ ทำจากแป้งที่ใส่ปลาหมึกยักษ์ มีขายทั่วไปตามถนน Dotonbori และตลาดต่างๆ
- โอโคโนมิยากิ (Okonomiyaki): แพนเค้กรสเค็มที่ใส่ส่วนผสมต่างๆ เช่น กะหล่ำปลี หมู และอาหารทะเล สามารถหาทานได้ที่ร้านในย่าน Shinsekai
- คุชิคัตสึ (Kushikatsu): ของทอดที่นำเนื้อสัตว์และผักมาชุบแป้งทอด นิยมทานที่ย่าน Shinsekai
- ราเมง (Ramen): โอซาก้ามีร้านราเมงหลากหลายสไตล์ ตั้งแต่ราเมงน้ำซุปกระดูกหมูไปจนถึงราเมงเผ็ด
- เทปันยากิ (Teppanyaki): สามารถลองชิมได้ที่ร้านเทปันยากิระดับหรูในโอซาก้า
- ขนมและของหวาน: ร้านขนมในโอซาก้ามีให้เลือกมากมาย เช่น ขนมโมจิ ขนมเค้กหรือแพนเค้กเนื้อเด้ง
การเดินทางไปโอซาก้า
การเดินทางไปโอซาก้าสามารถทำได้หลายวิธี:
- เครื่องบิน: สนามบินหลักคือ Kansai International Airport (KIX) และ Osaka Itami Airport (ITM) มีเที่ยวบินตรงจากหลายเมืองใหญ่ทั่วโลก
- รถไฟชินคันเซ็น (Shinkansen): การเดินทางจากโตเกียวไปโอซาก้าด้วยรถไฟชินคันเซ็น ใช้เวลาประมาณ 2.5-3 ชั่วโมง โดยลงที่สถานี Shin-Osaka
- รถบัสและรถเช่า: มีบริการรถบัสจากเมืองต่างๆ ในญี่ปุ่น หรือสามารถเช่ารถเพื่อเดินทางเอง
การเดินทางภายในเมืองโอซาก้า
การเดินทางภายในโอซาก้ามีระบบขนส่งที่สะดวกและครอบคลุม:
- รถไฟใต้ดิน (Subway): โอซาก้ามีระบบรถไฟใต้ดินที่เชื่อมโยงทุกส่วนของเมือง สถานีสำคัญ เช่น Namba, Umeda และ Tennoji
- รถไฟ JR: JR Osaka Loop Line เชื่อมโยงสถานที่สำคัญต่างๆ ในโอซาก้า
- รถบัส: บริการรถบัสครอบคลุมพื้นที่ต่างๆ ในเมือง
- บัตร IC card: บัตร IC เช่น ICOCA และ Suica สามารถใช้กับระบบขนส่งสาธารณะได้ทั้งรถไฟและรถบัส
บัตร และ pass ของโอซาก้า
การใช้บัตรและ pass ช่วยให้การเดินทางในโอซาก้าสะดวกและประหยัด:
- Osaka Amazing Pass: ให้เข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ ฟรี และใช้เดินทางในระบบขนส่งสาธารณะได้แบบไม่จำกัด
- Kansai Thru Pass: เหมาะสำหรับการเดินทางในภูมิภาคคันไซ รวมถึงโอซาก้า เกียวโต นารา และโคเบ
- JR Pass: เหมาะสำหรับการเดินทางทั่วญี่ปุ่น รวมถึงการเดินทางในโอซาก้าด้วย JR
- Osaka Visitors’ Ticket: บัตรสำหรับนักท่องเที่ยวที่ให้ส่วนลดค่ารถไฟใต้ดิน
เที่ยวโอซาก้าช่วงไหนดี
การเลือกช่วงเวลาเที่ยวโอซาก้าขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและกิจกรรมที่ต้องการ เพราะแต่ละฤดู แต่ละเดือน ก็จะมีสภาพอากาศและบรรยากาศ รวมถึงไฮไลท์ที่แตกต่างกัน:
- ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม-พฤษภาคม): อากาศเย็นสบาย มีเทศกาลดอกซากุระที่สวน Kema Sakuranomiya Park และ Osaka Castle Park
- ฤดูร้อน (มิถุนายน-สิงหาคม): อากาศร้อนและชื้น มีเทศกาลดอกไม้ไฟ เช่น Tenjin Matsuri
- ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน-พฤศจิกายน): อากาศเย็นสบาย มีเทศกาลใบไม้เปลี่ยนสีที่ Minoo Park และ Expo ’70 Commemorative Park
- ฤดูหนาว (ธันวาคม-กุมภาพันธ์): อากาศหนาว มีงานเทศกาลปีใหม่และประดับไฟที่ Osaka Hikari Renaissance
เรื่องต้องรู้ของคนเที่ยวโอซาก้า
>>> แนะนำ โรงแรมที่พัก โอซาก้า อัพเดตล่าสุด <<<
>>> รวมที่เที่ยวโอซาก้า สุดฮิต ห้ามพลาด <<<