อัพเดตล่าสุดเมื่อ 11 มกราคม 2566
เกียวโต(Kyoto)เป็นเมืองที่ได้ชื่อว่าเมืองแห่งศิลปะและวัฒนธรรมของญี่ปุ่นอย่างแท้จริง การมาเที่ยวญี่ปุ่นนอกจากเมืองหลวงอย่างโตเกียว(Tokyo)แล้ว เกียวโตก็เป็นอีกเมืองหนึ่งไม่ควรพลาดเพราะเป็นเต็มไปด้วย วัดและศาลเจ้าเก่าแก่โบราณ ซึ่งแต่ละที่ก็จะมีความสวยงาม แตกต่างกันไป ทำให้เมืองเกียวโตมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย
เราจึงรวมเอาที่เที่ยวฮิตๆที่คนไปเที่ยวมาแล้วประทับใจที่สุด 24 แห่งของเกียวโต เผื่อใครกำลังวางแผนอยู่จะได้ไม่พลาดที่จะใส่เข้าไปในโปรแกรมเที่ยวของตัวเองด้วย
>> จองที่พักเกียวโต ราคาพิเศษ กับ Traveloka <<
24. หมู่บ้านชาวประมงโบราณ อิเนะ
Photo by bryan… flickr.com/photos/bryansjs/25114115231 [CCSA2.0]
อิเนะ(Ine-Cho)เป็นหมู่บ้านชาวประมงอนุรักษ์ที่หลงเหลือยู่เพียงไม่กี่แห่งของประเทศญี่ปุ่น อยู่ทางตอนเหนือของเมืองเกียวโต แต่ที่นี่นั้นมีจุดเด่นเฉพาะตัวแตกต่างจากที่อื่นๆ คือจะมีการทำบ้านยื่นออกไปในน้ำแล้วมีช่องจอดเรืออยู่ภายในบ้าน เหมือนๆกับที่เราเห็นตามเมืองในยุโรปเช่น เมืองเวนิส ประเทศอิตาลี ตั้งอยู่ริมอ่าวอิเนะ(Ine Bay) ซึ่งจะสร้างอยู่ติดกันเรียงตลอดแนวยาวของชายฝั่งเกิดเป็นทัศนียภาพที่สวยงามแปลกตาไม่เหมือนกับที่ใดๆในญี่ปุ่น โดยบ้านแบบนี้เรียกว่า ฟูนะยะ(Funaya)
หากใครสนใจทัวร์ญี่ปุ่นลองเข้าไปชม แพคเกจโปรแกรมทัวร์ญี่ปุ่นราคาถูก 2563/2020 โดยถุงทองทัวร์ !!!
23. วัดเอนยาคุจิ(Enryakuji Temple)
Photo by tataquax from flickr.com/photos/25451699@N04/5253191101/ [CC by-sa 2.0]
วัดเอนยาคุจิ(Enryakuji Temple, 延暦寺) ตั้งอยู่ในเทือกเขาฝั่งตะวันออกของภูเขา Hiezanบริเวณระหว่างชายแดนของจังหวัดเกียวโตและจังหวัดชิงะ นับว่าเป็นวัดที่มีความสำคัญมากๆสำหรับพุทธศาสนานิกายเท็นไดเลยนะคะ เนื่องจากเป็นศูนย์กลางของนิกายนี้เลยก็ว่าได้ อีกทั้งยังเป็นวัดที่สำคัญแห่งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นอีกด้วย แรกเริ่มเดิมทีนั้นวัดแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อประมาณปี ค.ศ. 788 โดยท่านSaicho ผู้ซึ่งเป็นพระภิกษุสงฆ์ที่นำพุทธศาสนาเท็นไดจากประเทศจีนเข้าสู่ประเทศญี่ปุ่นนั่นเองล่ะค่ะ ที่นี่มีเหล่าพระสงฆ์ที่มีชื่อเสียงเคยศึกษาเล่าเรียนอยู่ที่นี่ไม่ว่าจะเป็น ผู้ก่อตั้งนิกายโจโด นิกายเซ็น และนิกายนิชิเรน
22. จุดชมวิวอามาโนะฮาชิดาเตะ (Amanohashidate Sandbar)
Photo by xanday from flickr.com/photos/xanday/9471035447 [CCSA2.0]
จุดชมวิวอามาโนะฮาชิดาเตะ (Amanohashidate Sandbar) มีอีกชื่อที่หลายๆคนอาจจะคุ้นเคยกันว่า สะพานสู่สรวงสวรรค์ (bridge in heaven) ตัวชื่อน่าจะมาจากการเป็นจุดชมวิวที่สวยจนเลื่องชื่อมากๆสามารถมองเห็นอ่าวมิยาสึ (Miyazu Bay) ยาวกว่า 3 กิโลเมตร ที่มีลักษณะเป็นสันทรายคดเคี้ยวเชื่อมต่อกันในส่วน สันทรายที่ทอดยาว มีความกว้างเพียง 20 เมตร และบริเวณนั้นจะมีต้นสนญี่ปุ่น (pine trees) อยู่มากถึง 8000 ต้น บางต้นจะมีรูปร่างเฉพาะที่ไม่ซ้ำกัน ด้านมุมที่ถือเป็นไฮไลท์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดก็คือ บริเวณจุดชมวิวของภูเขาทั้ง 2 ฝั่ง ซึ่งได้รับการยอมรับมานานหลายศตวรรษว่าเป็นที่สวยที่สุดอันดับต้นๆของประเทศญี่ปุ่นเลยเชียวล่ะค่ะ การันตีจากการติด 1 ใน 3 ของวิวชายทะเลที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น ซึ่งรองมากจากอันดับ 1 และ 2 อย่าง Miyajima และ Matsushima บอกได้เลยถ้าได้มาชมซักครั้งคุณจะยิ่งหลงรักวิวชายทะเลอย่างญี่ปุ่นแบบถอนตัวไม่ขึ้น ของเค้าดีๆจริงๆนะตัวเธอไม่ได้โม้
21. สตูดิโอโทเออิ(Toei Studio)
Photo by Franck Singler from flickr.com/photos/vol42/26386829635 [CCSA2.0]
สตูดิโอโทเออิ อุซุมาสะ อิกามูระ(Toei Studio) มีอีกสองชื่อเรียกที่ติดปากกันว่า Kyoto Studio Park หรือ Movie Land เรียกว่าเหมือนจำลองเป็นเมืองสมัยยุคเอโดะมาไว้ในที่นี่อย่างไงอย่างงั้นเลยล่ะค่ะ มีความสมจริงมากถึงมากที่สุด นับเป็นสตูดิโอที่เป็นสถานที่ถ่ายทำจริงของภาพยนตร์ดังหลายๆเรื่อง เรื่องความวมจริงที่ให้คะแนนเต็มร้อยเลยงานดีมาก ทั้งอาคารบ้านเรือน ร้านค้าต่างๆล้วนอิงตามรูปแบบตามประวัติศาสตร์ในยุคนั้นเป๊ะๆ โดยมีการจำลองสถานที่สำคัญมาอย่างสะพานเก่านิฮอนบาชิ (Nihonbashi Bridge), ที่ว่าการศาลโบราณ, สถานีตำรวจสมัยเมจิ และ ย่านเมืองเก่าโยชิวาระมาให้เห็นแบบไม่ต้องไปดูที่ไหนเพิ่มเลยก็ได้ ซึ่งที่ยิ่งทำให้อินกับบรรยากาศมากขึ้นก็ตรงการแต่งการของเจ้าหน้าที่ที่แต่งกายย้อนยุคกันหมดนี่แหล่ะ เรียกได้ว่าทรงผมเสื้อผ้ามาเต็มแบบดูรวมๆแล้วมีเสน่ห์เหลือเกิน
20. ย่านช้อปปิ้งถนนชินเคียวโกกุและเทอระมะชิ Shinkyogoku and Teramachi
ถนนคนเดินที่เป็นเส้นช้อปปิ้งกลางใจเมืองเกียวโตจะมีอยู่หลักๆ 2 เส้นคือ ชินเคียวโกกุ(Shinkyogoku) กับ เทอระมะชิ(Teramachi) ที่อยู่ขนานกัน เป็นตรอกเล็กๆอยู่บนถนนชิโจ โดริ(Shijo Dori)ที่เป็นถนนเส้นหลักวิ่งผ่าใจกลางเมืองเกียวโต
19. หมู่บ้านมิยาม่า(Miyama)
Photo by cotaro70s from flickr.com/photos/cotaro70s/23200662546/ [CC by-nd 2.0]
มิยาม่า(Miyama) นับพื้นที่ชนบทบนภูเขาที่ตั้งอยู่ห่างจากเกียวโตกลางไปประมาณ 30 กิโลเมตร เรียกได้ว่าเป็นชุมชนที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของยุคสมัยก่อนอย่างเต็มเปี่ยมเลยนะคะ มีบ้านโบราณกระจายอยู่ทั่วพื้นที่กว่า 200 หลังคาเรือน มีลักษณะคล้ายๆหมู่บ้านเล็กๆ และชุมชนหลายๆชุมชนกระจัดกระจายไปตามทางแคบหุบเขาที่คดเคี้ยว แหล่งท่องเที่ยวหลักของที่นี่คือหมูบ้านทางทิศเหนือ เรียกว่า คายาบูกิ โน ซาโตะ Kayabuki no Sato ซึ่งมีกระท่อมหลังคาสูงอยู่ในพื้นที่เกือบ 40 หลัง แต่ละบ้านมีการอนุรักษ์รูปแบบตัวอาคารด้านนอกด้วยวัฒนธรรมแบบดั้งเดิมที่มีชื่อเสียงเกี่ยวกับการมุงหลังคาแบบ kayabuki นี่ไม่ใช่แค่บ้านตัวอย่างที่สร้างให้คนได้ดูนะคะ เพราะเป็นบ้านจริงๆที่มีคนอยู่อาศัยจริงๆ ซึ่งเค้าก็คงการดำเนินชีวิตทำงานแบบคนทั่วๆไปในแถบนี้ เพียงแต่ด้วยสถาปัตยกรรมของบ้านที่คงความโบราณเป๊ะๆทำให้เราได้สัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่แท้จริงของชนบทในประเทศญี่ปุ่นอย่างถ่องแท้เลยล่ะค่ะ
18. วัดเบียวโดอิน (Byodoin Temple)
Photo by Yu-Jheng Fang from flickr.com/photos/132302061@N05/24202795552/ [CC by-sa 2.0]
วัดเบียวโดอิน (平等院, Byodoin Temple) ถือว่าเป็นวัดที่มีรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบโจโดที่โดดเด่นมากที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ค่ะ รูปแบบนี้เป็นที่รู้จักทั่วไปในชื่อ Buddhist Pure Land architecture หากจะบอกว่าแตกต่างจากสถาปัตยกรรมที่เราเห็นในในวัดญี่ปุ่นอย่างไรบ้างนั้น ก็สามารถพูดได้ว่าเป็นการสร้างที่ยึดเอาแนวคิดทางพระพุทธศาสนามาเป็นคอนเซ็ปต์หลักแล้วมีการเชื่อมโยงกันให้เป็นหนึ่งเดียว ดูได้จากการจัดสวนที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นดินแดนบริสุทธิ์ต่างอุดมคติในศาสนาพุทธและยังได้เป็นต้นแบบการสร้างของวัดภายหลัง เดิมทีที่นี่นั้นไม่ได้เป็นวัดแต่เป็นบ้านพักต่างอากาศของผู้ทรงอิทธิพลในช่วงเวลานั้น หากมาภายหลังนี่แหล่ะค่ะที่เกิดความเปลี่ยนแปลงจากการที่ลูกชายของเจ้าของได้เปลี่ยนจากบ้านพักมาเป็นวัดเบียวโอดิน จริงแล้วแรกที่นี่ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปีค.ศ. 998 แต่มาปรับเป็นวัดในปี ค.ศ. 1053 ซึ่งช่วงที่มีความเปลี่ยนแปลงเป็นวัดก็ได้มีการสร้างห้องโถงฟินิกซ์(Phoenix Hall)ที่โด่งดังขนาดกลายมาเป็นต้นสัญลักษณ์ด้านหลังของเหรียญเยนอีกต่างหาก ในส่วนนี้ก็น่าจะเป็นการการันตีความสำคัญของวัดแห่งนี้ได้ไม่ใช่น้อย
17. ปราสาทนิโจ(Nijo Castle)
photos by LizardJedi from flickr.com/photos/10807869@N03/23053308035/(cc by 2.0)
ปราสาทนิโจ(Nijo Castle, 二条城) ตั้งอยู่ที่เมืองเกียวโต โดยถือเป็นอีกสิ่งปลูกสร้างหนึ่งของเมืองที่ได้ขึ้นทะเบียนมรดกโลกของยูเนสโก้ ปราสาทแห่งนี้นั้นมีอายุมานานหลายร้อยปีเลยนะคะ โดยถูกสร้างขึ้นเมื่อประมาณปี ค.ศ. 1603 ในการเป็นที่พำนักอาศัยของท่านโชกุนโทคุกาวะ ที่ถือเป็นบุคคลสำคัญเนื่องจากท่านนั้นเป็นโชกุนคนแรกของสมัยเอโดะราวๆปี ค.ศ.1603-1867ได้ค่ะ ซึ่งการสร้างปราสาทนี้นั้นเรียกได้ว่าไม่ใช่ง่ายๆเลยนะคะ อาจจะเป็นเพราะภายในมีอาคารมากถึงหลายส่วนอีกทั้งในยุคนั้นอาจมีอุปสรรคหลากหลายด้าน จนทำให้ต้องใช้เวลายาวนานกว่าจะสร้างเสร็จ หากที่เห็ฯในปุจจุบันก็ไม่ใช่เฉพาะที่ส้รางในยุคเอโดะเท่านั้นนะคะ ยังมีอีกหลายๆส่วนที่ได้ต่อเติมหรือสร้างขึ้นใหม่อีกภายหลังด้วยล่ะค่ะ
16. ตลาดนิชิกิ(Nishiki Market)
photos by Luca Mascaro from flickr.com/photos/lucamascaro/5626988090(cc by 2.0)
ตลาดนิชิกิ(Nishiki Market)ถือว่าเป็นตลาดที่ดังที่สุดในเมืองเกียวโตทีเดียวค่ะ ดูได้จากคึกคักอยู่ตลอดเวลาและมีผู้คนพลุกพล่าน เดินเลือกซื้ออาหารของสดและของแห้ง มีความหลากหลายของร้านค้าตลอดทั้งเส้น แม้จะเป็นถนนสายช้อปปิ้งสายแคบๆ ความยาวประมาณห้าช่วงตึก มีร้านค้าและร้านอาหารมากกว่า 100 ร้านค้าเรียงรายกันอยู่ มีทั้งของสดของแห้งไปจนถึงอาหารทะเลสดๆ, ภาชนะประกอบอาหาร, มีดญี่ปุ่น, และยังเป็นแหล่งที่มีชื่อเสียงที่มีอาหารตามฤดูกาลให้เลือกซื้อเลือกชิม ที่พลาดไม่ได้เลยจะเป็นสินค้าจำพวกอาหารพื้นเมืองของเกียวโตอย่างเช่น ขนมหวานที่มีเฉพาะเมืองเกียวโต, ผักดอง, และของทะเลตากแห้งแปลกๆ และซูชิแบบดั้งเดิมของเกียวโตอีกด้วย เรียกได้เลยว่าเป็นตลาดที่รวมทุกสิ่งโดยเฉพาะของกินนานาชนิดไว้ให้เลือกอย่างละลานตา จนได้รับฉายานามว่า “Kyoto’s Kitchen”ซึ่งแปลตรงๆได้ว่าครัวของเมืองเกียวโตนั่นเองค่ะ
15. ย่านกิออน(Gion)
Photo by tofuprod from flickr.com/photos/tofuprod/33679728081/ [CC by-sa 2.0]
กิออนเป็นย่านราตรีแห่งเกียวโต ที่จะสามารถเห็นเกอิชาเดินไปมาในบริเวณนี้ได้ ย่านนี้อยู่ใกล้ๆกับศาลเจ้ายาซากะ(Yasaka Shrine) และแม่น้ำคาโมะ(Kamo River) ถนนเส้นหลักจะเต็มไปด้วยร้านค้า ร้านดื่มชาและร้านอาหารมากมาย ซึ่งแต่ละร้านก็จะการแสดงโชว์จากเกอิโกะ(geiko) และไมโกะ(maiko) ซึ่งสวยงามและเป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก โดยในย่านนี้อาคารบ้านเรือนจะเป็นอาคารไม้แบบดั้งเดิม แต่ละหลังจะขนาดไม่ใหญ่ความกว้างประมาณ 5-6 เมตรเท่านั้น และจะเริ่มคึกคักในช่วงเย็นเป็นต้นไป
14. ศาลเจ้าเฮอัน(Heian Shrine)
Photo by Bill Hails from flickr.com/photos/billhails/26991906974/ [CC by-nd 2.0]
ศาลเจ้าเฮอันเป็นศาลเจ้าที่มีสถาปัตยกรรมที่สวยงามและโดดเด่นจากศาลเจ้าอื่นๆของญี่ปุ่น มีประวัติค่อนข้างสั้นเมื่อเทียบกับศาลเจ้าอื่นๆของเกียวโต โดยเริ่มก่อนสร้างขึ้นเมื่อร้อยกว่าปีก่อนเท่านั้น ศาลเจ้าถูกสร้างขึ้นเนื่องในโอกาสครบรอบปีที่ 1,100 ของเมืองเกียวโต และเพื่อรำลึกถึงจักรพรรดิองค์แรกและองค์สุดท้ายของเกียวโต อาคารหลักของศาลเจ้านี้ มีต้นแบบมาจากอาคารเดิมที่อยู่ในพระราชวังสมัยยุคเฮอันซึ่งมีขนาดเล็กกว่าของจริง ภายในมีส่วนที่เป็นสวนขนาดใหญ่ที่มีต้นซากุระอยู่มากมาย ทำให้ศาลเจ้าเฮอันเป็นจุดชมซากุระที่มีชื่อเสียงของเมืองเกียวโตด้วย
13. วัดนันเซ็นจิ(Nanzenji)
photos by Takeshi Kuboki from flickr.com/photos/kuboki/5206330089(cc by 2.0)
วัดนันเซ็นจิ(Nanzenji)ตั้งอยู่ในแถวๆเชิงเขากาชิยะมะ ของเมืองเกียวโตนั่งเองค่ะ วัดแห่งนี้นั้นนับเป็นวัดนิกายเซ็นของศาสนาพุทธที่มีความสำคัญไม่น้อยเลยทีเดียว โดยเป็นวัดที่มีอาณาบริเวณกว้างขวางมากๆ ภายในนั้นยังเป็นที่ตั้งของอีกหลายๆวัดอีกต่างหาก ซึ่งจริงๆแล้วตัววัดได้ถูกสร้างขึ้นประมาณศตวรรษที่ 13 โดยองศ์จักรพรรดิคาเมยามะ (Kameyama) ที่แรกเริ่มเดิมทีเพียงแค่ต้องการจะสร้างที่พำนักอาศัยช่วงที่ท่านอายุมากๆในวัยเกษียณอายุแล้ว หากภายหลังก็ได้กลายมาเป็นวัดนันเซ็นจิในที่สุด แต่เมื่อเกิดสงครามขึ้นในสมัยมุโรมาชิ (Muromachi )สิ่งปลูกสร้างหลายๆส่วนได้ถูกเผาทำลายลงอย่างมากมาย จนเรียกได้ว่าต้องทำการบูรณะใหม่แทบทั้งหมดในภายหลังแล้วก็อยู่มาจนถึงปัจจุบันนี่แหล่ะค่ะ
12. วัดเรียวอันจิ หรือวัดสวนหิน(Ryoanji Temple)
วัดเรียวอันจิ(Ryoanji) นับได้ว่าเป็นวัดที่สมัยเฮอัน (Heian Period)ที่มีชื่อเสียงมากๆเกี่ยวกับความงดงามของสวนหิน เรียกได้ว่ามากที่สุดในเกียวโตและยังเป็นอันดับต้นของประเทศญี่ปุ่นเลยล่ะค่ะ ซึ่งด้วยความโด่งดังนี่เองทำให้กลายเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั้งในและนอกประเทศจำนวนมากในแต่ละวัน ตัวสวนหินนั้นไม่ได้มีหลักฐานแบบชี้ชัดว่าเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ด้วยความมีเอกลักษณ์ของการออกแบบสวนแห่งนี้นี่เองที่ทำให้มีชื่อเสียงขจรไปไกลขนาดนี้ บอกเลยว่าถ้าอยากมาเห็นสวยหินงามๆในเกียวโตที่วัดวัดเรียวอันจินี่ถือว่าเป็นตัวเลือกอันดับแรกเลยทีเดียวเชียวค่ะ
11. วัดโยชิมิเนะเดะระ(Yoshiminedera Temple)
Photo by Tetsuji Sakakibara from flickr.com/photos/tetsuji0105/11065515995/ [CC by-sa 2.0]
วัดโยชิมิเนะเดะระ(Yoshiminedera Temple) ตั้งอยู่ที่ภูเขาทางทิศตะวันตกของเมืองเกียวโต (Kyoto) นับเป็น เป็นวัดของพุทธศาสนานิกายเท็นได(Tendai)ที่คล้ายๆกับวัดดังอย่าง
วัดน้ำใส(Kiyomizudera) ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเลยล่ะค่ะ โดยวัดแห่งนี้ค่อนข้างจะมีพื้นที่บริเวณที่กว้างขวาง เต็มไปด้วยทัศนียภาพของธรรมชาติที่พาให้ใจได้ชุ่มชื่น และยังได้สัมผัสกับความเป็นธรรมชาติแบบใกล้ชิด
[wp_ad_camp_1]
10. ย่านริมน้ำพอนโตโชะ(Pontocho)
photos by Opponent from commons.wikimedia.org/wiki/File:Kamo_river_and_Pontocho_by_txkun_in_Kyoto.jpg(cc by 2.0)
พอนโตโชะ(Pontocho)นั้นเป็นกินพื้นที่บริเวณตั้งแต่ถนนชิโจ(Shijo-dori) ถึงถนนซันโจ(Sanjo-dori) โดยตลอดเส้นทางเดินที่เป็นเส้นแคบๆไม่ใหญ่ไม่เล็กนั้นจะขนานไปกับแม่น้ำคาโมะ พูดได้เลยว่าไม่มีใครในเกียวโตจะไม่รู้จัก เนื่องจากเป็นทั้งแหล่งกินดื่มยอดฮิตและยังเป็นย่านเดินเล่นริมน้ำสุดชิวยามเย็นเลยทีเดียวค่ะ ถ้าใครที่อยากจะมาหาร้านอาหารนั่งบรรยากาศดีๆแนะนำต้องมาที่นี่ด่วนๆ เพราะตลอดสองฝั่งข้างทางมีร้านอาหาร ผับ บาร์ มากมาย โดยเฉพาะยากิโทริ (yakitori) อาหารปิ้งย่างแบบดั้งเดิม ร้านค้าส่วนมากมักจะเปิดให้บริการในช่วงเย็นไปจนถึงดึกๆ จะมีแค่บางร้านส่วนน้อยเท่านั้นที่จะเปิดในช่วงกลางวันซึ่งก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ดีนะคะ ถ้ามาช่วงกลางวันก็ได้อารมณ์ไปอีกแบบหนึ่ง แต่ถ้าจะดีที่สุดก็คงจะเป็นช่วงค่ำๆนี่แหล่ะค่ะ ยิ่งร้านที่ติดๆริมแม่น้ำคาโมะ (Kamogawa)ที่จะตั้งอยู่ทางฝั่งขวาของเส้นพอนโตโชะ บอกได้เลยว่าบรรยากาศโรแมนติกแบบสุดๆไปเลย เรียกว่าจ่ายหลักร้อยไปจนพันแต่วิวเนี่ยหลักล้านชัดๆ
9. วัดกินคะคุจิ หรือวัดเงิน(Ginkakuji Temple)
Photo by Ankur P from flickr.com/photos/ankurp/35450810783/ [CC by 2.0]
วัดกินคะคุจิหรือวัดเงินแห่งเกียวโต เป็นวัดในนิกายเซนถูกสร้างขึ้นโดยโชกุนอาชิคากะ โยชิมาสะ(Ashikaga Yoshimasa) โดยท่านใช้เวลาในปั้นปลายชีวิตหลังเกษียณอายุอาศัยอยู่ที่นี่ และต้นแบบของวัดแห่งนี้ได้อิทธิพลมาจาก
วัดคินคะคุจิ(Kinkakuji Temple) หรือวัดทอง ซึ่งเป็นที่พักของปู่ของเขาในช่วงเกษียณอายุเช่นเดียวกัน หลังจากที่ท่านโชกุนเสียชีวิต บ้านของท่านก็ได้ถูกเปลี่ยนให้เป็นวัดกินคะคุจิหรือวัดเงินในปัจจุบัน
8. วัดซันจูซันเก็นโด หรือวัดเจ้าแม่กวนอิมพันมือ(Sanjusangendo Temple)
Photo by Devin Lieberman from flickr.com/photos/devinlieberman/28689547942/ [CC by 2.0]
วัดซันจูซันเก็นโด (Sanjusangendo Temple) ตั้งอยู่ทางตะวันออกของเมืองเกียวโต ซึ่งจะมีอีกชื่อหนึ่งที่คนทั่วๆไปรู้จักกันนั่นก็คือ วัดเจ้าแม่กวนอิม 1000 มือนั่นเองค่ะ พอฟังชื่อปุ๊บก็น่าจะพอรู้ๆกันว่าจุดเด่นของที่นี่น่าจะเป็นแม่กวนอิมแน่ๆ โดยภายในวัดนั้นจะมีองค์เจ้าแม่กวนอิมพันมือ (Senju Kannon)จำนวนมากถึง 1,001 องค์ด้วยกัน วัดแห่งนี้ได้ถูกค้นพบในราวๆปี ค.ศ. 1164 ช่วงที่เพิ่งพบวัดนั้นตัววัดมีความเสียหายที่เกิดจากการถูกไฟไหม้อย่างมาก ต่อมาภายหลังจากที่พบนี่แหล่ะค่ะถึงได้ถูกบูรณะฟื้นฟูส่วนต่างๆจนกลับมาสมบูรณ์อย่างที่ได้เห็นในปัจจุบัน
7. วัดโคเคเดระ หรือวัดสวนมอส(Kokedera Moss Temple)
photos by Andreas Tack from commons.wikimedia.org/wiki/File:Kyotogarden.jpg(cc by public domain)
วัดโคเคเดระ หรือวัดสวนมอส ได้ชื่อมาจากการจัดสวนภายในวัด ที่ถูกปกคลุมไปด้วยต้องมอสเกือบทั้งหมด วัดแห่งนี้ยังได้รับการบันทึกเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก้อีกด้วย (Unesco World Heritage Sites) ในการเข้าชมนั้นจะต้องรับได้การอนุญาตจากทางวัดก่อน สามารถทำการจองได้โดยการส่งจดหมายมาที่วัด จากนั้นทางวัดส่งจดหมายเชิญกลับมาให้ และนำจดหมายนั้นมายื่นเมื่อมาถึงได้เลย
6. ย่านฮิกาชิยาม่า(Higashiyama)
บรรยากาศตรอกฮิกาชิยามะ
ย่านฮิกาชิยาม่า(Higashiyama)เป็นถนนโบราณสำหรับเดินเล่นช้อปปิ้ง กินบรรยากาศเก่าแก่ของเมืองเกียวโต สองข้างทางจะเต็มไปด้วยร้านค้า ร้านขนมมากมาย โดยย่านนี้จะอยู่บนเนินเขาทางตะวันออกของเกียวโต โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณระหว่างวัดน้ำใส(Kiyomizudera) ไปจนถึงศาลเจ้ายาซากะ(Yasaka) จะเป็นถนนทางเดินแคบๆ สองข้างทางจะมีอาคารไม้ทรงโบราณแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม ซึ่งเป็นทั้งร้านอาหาร ร้านขนมพื้นเมือง ให้ความรู้สึกถึงเมืองเก่าที่ยังคงมีความเป็นเอกลักษ์ของเกียวโตในสมัยก่อนอยู่
5. เมืองชนบทคิบูเนะ(Kibune)
photos by uetchy from flickr.com/photos/26613076@N07/8160176835(cc by 2.0)
คิบูเนะ(Kibune)เป็นเมืองชนบทเล็กๆที่อยู่ในเขาทางตอนเหนือของเกียวโต มีชื่อเสียงด้านความงามตามธรรมชาติที่ผสานกับศิลปะและวัฒนธรรมของญี่ปุ่น โดยมีศาลเจ้าคิบูเนะที่มีชื่อเสียงตั้งอยู่ด้วย ตามตำนานเทพเจ้าเดินทางจากเมืองโอซาก้าโดยใช้เรือสีเหลือง ล่องตามแม่น้ำขึ้นมาที่ภูเขาทางเหนือของเกียวโต และมาถึงปลายทางที่เมืองแห่งนี้ จึงเรียกตั้งชื่อเมืองตามตำนานว่า คิบูเนะ หรือ เรือสีเหลือง
[wp_ad_camp_1]
4. เมืองชนบทอาราชิยาม่า(Arashiyama)
Photo by Alvin Leong from flickr.com/photos/leonghongrui/14214271098/ [CC by 2.0]
อาราชิยาม่า(Arashiyama)เป็นอีกเขตหนึ่งที่นักท่องเที่ยวนิยมมากัน อยู่ทางตะวักตกของเกียวโต จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวชมกันอย่างคับคั่งในช่วงที่ดอกซากุระบานและช่วงใบไม้แดงหรือใบไม้เปลี่ยนสี โดยเฉพาะการนั่ง
รถไฟสายโรแมนติกซากาโน่(Sagano) และ
ทางเดินป่าไผ่แปลกตาที่อยู่หลัง
วัดเทนริวจิ วัดดังของอาราชิยาม่า
3. วัดคินคะคุจิ หรือวัดทอง (Kinkakuji Temple)
Photo by E_Miyagawa from flickr.com/photos/149700220@N04/33937913244/ [CC by-sa 2.0]
วัดคินคะคุจิ(Kinkakuji) หรือที่หลายคนเรียกกันว่า
วัดทองก็เนื่องจากที่วัดนี้จะมีอาคารหลักเป็นสีทองเกือบทั้งหลังตั้งโดดเด่นอยู่กลางน้ำ ทำให้เเกิดเป็นเงาสะท้อนกับพื้นน้ำเบื้องหน้า จนเกิดเป็นภาพที่สวยงามกลายเป็นอีกสัญญลักษณ์หนึ่งของเมืองเกียวโต และวัดคินคะคุจิยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับหลายชายของโชกุนที่สร้างวัดนี้ ให้สร้าง
วัดกินคะคุจิหรือวัดเงินขึ้นด้วย
2. วัดคิโยะมิซุ หรือวัดน้ำใส (Kiyomizu-dera)
วัดคิโยะมิซุ หรือวัดน้ำใสเป็นหนึ่งในวัดที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดของญี่ปุ่น ถูกสร้างขึ้นเมื่อปีค.ศ. 780 มีน้ำที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติจากน้ำตกโอโตวะ (Otowa Waterfall)ไหลผ่าน ทำให้เป็นที่มาของชื่อ “วัดน้ำใส” นอกจากนี้ยูเนสโกได้บันทึกให้วัดแห่งนี้ขึ้นเป็นมรดกโลก (UNESCO world heritage sites) อีกด้วย อาคารที่มีชื่อเสียงของวัดแห่งนี้ก็คืออาคารไม้ขนาดใหญ่ ที่เสาของอาคารมีความสูงถึง 13 เมตรจากพื้นดิน และโถงอาคารถูกสร้างให้ยื่นออกไปภายนอกทำให้บริเวณนี้เป็นจุดชมวิวที่สวยงาม มองเห็นเมืองเกียวโตในฤดูต่างๆ และยังเป็นจุดชมซากุระและชมใบไม้แดงที่ขึ้นชื่อของเกียวโตอีก นอกจากนี้อาคารไม้ของวัดคิโยะมิซุสร้างขึ้นโดยไม่มีการใช้ตะปูตอกแม้แต่ตัวเดียวในการก่อสร้าง
1. ศาลเจ้าเทพเจ้าจิ้งจอกอินาริ หรือศาลเจ้าแดง (Fushimi Inari Shrine)
ทางเดินใต้เสาโทริอิในศาลเจ้าแดง
ศาลเจ้าแดงหรือศาลเจ้าจิ้งจอกเป็นศาลเจ้าของศาสนาชินโต(Shinto)ที่มีความสำคัญมากแห่งหนึ่งของเมืองเกียวโต(Kyoto) มีชื่อเสียงโด่งดังจากประตูโทริอิ (Torii Gate) หรือเสาประตูสีแดงที่เรียงตัวกันข้างหลังศาลเจ้าจำนวนหลายหมื่นต้นจนเป็นทางเดินได้ทั่วทั้งภูเขาอินาริ ที่ผู้คนเชื่อกันว่าเป็นภูเขาศักสิทธ์ โดยเทพอินาริจะเป็นตัวแทนของความอุดมสมบูรณ์ การเก็บเกี่ยวข้าว รวมไปถึงพืชผลไร่นาต่างๆ และมักจะมีจิ้งจอกเป็นสัตว์คู่กาย(บ้างก็ว่าท่านชอบแปลงร่างเป็นจิ้งจอก) จึงสามารถพบเห็นรูปปั้นจิ้งจอกมากมายด้วยเช่นกัน ศาลเจ้าแห่งนี้มีความเก่าแก่มากถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ก่อนสร้างเมืองเกียวโตซะอีก คาดกันว่าจะเป็นช่วงประมาณปีค.ศ. 794 หรือพันกว่าปีมาแล้ว
เป็นอย่างไรกันบ้างกับแหล่งท่องเที่ยวสุดฮิตทั้ง 24 แห่งของเมืองเกียวโต อันที่จริงแล้วเกียวโตยังมีอะไรที่น่าสนใจให้เที่ยวอีกเยอะมากๆ ทั้งพิพิธภัณท์แห่งชาติเกียวโต ตลาดนิชิกิ วัดและศาลเจ้าอื่นๆที่น่าสนใจ นอกเหนือจากนี้ก็ยังมีอีกเยอะ ใครจะไปเที่ยวเกียวโตแบบเจาะลึกคงต้องเผื่อเวลาไว้ซักหนึ่งสัปดาห์เต็มๆกันเลยทีเดียว
>> จองที่พักเกียวโต ราคาพิเศษ กับ Traveloka <<
▌ข้อมูลเตรียมตัวเที่ยวเกียวโตที่ต้องรู้
>>> แนะนำ โรงแรมที่พัก เด็ด ทั่วเมืองเกียวโต อัพเดตล่าสุด <<<
แนะนำ โรงแรมที่พัก เด็ด ทั่วเมืองเกียวโต อัพเดตล่าสุด
▌ข้อมูลเตรียมตัวเที่ยวเกียวโตที่ต้องรู้