4 แหล่งออนเซ็นที่เก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่น 2567
Photo by Takuya Tannakawa from Google Street View @ goo.gl/maps/YJpg6rfwNhu
ออนเซ็น(Onsen)ของประเทศญี่ปุ่นนับว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมทั้งจากชาวญี่ปุ่นเอง ไปจนถึงนักท่องเที่ยวต่างชาติทั่วทุกมุมโลก จนทำให้มีออนเซ็นใหม่ๆตามเรียวกังหรือโรงแรมผุดขึ้นมาอย่างมากมาย แต่หากกล่าวถึงออนเซ็นแล้วละก็ หลายคนคงอยากที่ได้สัมผัสกับออนเซ็นที่มีความเก่าแก่มากไปด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานมากกว่า ครั้งนี้เราจึงรวบรวมแหล่งออนเซ็นเซ็นจาก 4 เมือง ที่ถือเป็นออนเซ็นที่มีความเก่าแก่อันดับต้นๆของญี่ปุ่น และยังมีน้ำพุร้อนที่ดีต่อสุขภาพอีกด้วย
1. โดโกะ ออนเซ็น จังหวัดเอะฮิเมะ (Dogo Onsen, Ehime Prefecture)
โดโกะ ออนเซ็น ตั้งอยู่ทางตะวันออกของใจกลางเมืองมะสึยามะ(Matsuyama) จังหวัดเอะฮิเมะ (Ehime) นับเป็นแหล่งน้ำพุร้อนที่เก่าแก่มากที่สุดของประเทศญี่ปุ่น จากการมีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 3,000 ปี โดยมีการเล่าขานสืบต่อกันมาถึงความพิเศษของน้ำพุร้อนในการรักษาความเจ็บป่วยนานาชนิด ทำให้กลายมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวออนเซ็นยอดนิยมที่ดึงดูทั้งชาวญี่ปุ่นไปจนถึงนักท่องเที่ยวต่างชาติ
แหล่งท่องเที่ยวออนเซ็นที่ได้รับความนิยมมากที่สุดนั่นคือ โดโงะ ออนเซ็น ฮอนคัง (Dogo Onsen Honkan) ห้องอาบน้ำสาธารณะ สร้างขึ้นด้วยสไตล์โบราณเน้นวัสดุไม้เป็นหลัก ตัวโครงสร้างไม้ที่มีลักษณะคล้ายปราสาทสามชั้นอันงดงาม รวมทั้งเป็นเรือนแรกของรัฐที่ได้รับมอบหมายให้เป็นสินทรัพย์ทางวัฒนธรรมที่สำคัญในช่วงครบรอบ 100 ปี อีกทั้งยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับภาพยนตร์แอนิเมชั่นยอดนิยมของมิยาซากิเรื่อง “Spirited Away”อีกด้วย ที่นี่ยังมีห้องอ่างอาบน้ำพิเศษชื่อ “ยูชินเดน (Yushinden)” ซึ่งเป็นห้องอาบน้ำแบบพิเศษสำหรับเหล่าราชวงศ์ นอกจากนี้บรรยากาศรอบๆเมืองก็ยังคงรักษาความเป็นเมืองแบบยุคเก่าและเมืองตากอากาศได้อย่างครบถ้วน โดยสามารถแต่งชุดยูกาตะเดินเที่ยวชมภายในเมืองได้อย่างสบายๆ ที่สำคัญยังสามารถเดินทางท่องเที่ยวยังสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆได้อย่างสะดวกด้วยบริการขนส่งสาธารณะหลายรูปแบบ
2. อะริมะ ออนเซ็น จังหวัดเฮียวโงะ (Arima Onsen, Hyogo Prefecture)
อะริมะ ออนเซ็น ตั้งอยู่ในเขตคิตะ (Kita) เมืองโกเบ (Kobe) จังหวัดเฮียวโงะ (Hyogo) นับเป็นออนเซ็นหนึ่งในสามที่เก่าแก่มากที่สุดของประเทศญี่ปุ่น จากบรรยากาศที่เงียบสงบและทัศนียภาพอันงดงาม ทำให้กลายเป็นออนเซ็นที่ได้รับความนิยมในภูมิภาคคันไซ อีกทั้งสรรพคุณของน้ำพุร้อนที่มีสารประกอบ 7 ชนิดที่ได้รับการรับรองจากกระทรวงสิ่งแวดล้อมญี่ปุ่นว่ามีประโยชน์สำหรับการบรรเทาโรคต่างๆจนมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า “น้ำพุร้อนการแพทย์” โดยสามารถบรรเทาอาการต่าง “อาทิ การไหลเวียนโลหิต อาการปวดกล้ามเนื้อ ปวดหลัง โรคผิวหนังเรื้อรัง โรคภูมิแพ้ แผลไหม้ ความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดแดงอุดตัน”
ด้วยบรรยากาศความงดงามและคุณประโยชน์โดดเด่นทางการแพทย์ของน้ำพุร้อนแห่งนี้ ทำให้มีการเขียนถึงในเอกสารทางประวัติศาสตร์ของ Nihon-Shoki ซึ่งเขียนขึ้นในยุคมัยนาระ กล่าวว่าที่นี่เป็นที่ที่จักรพรรดิโคเมได้มาประทับเป็นระยะเวลา 3 เดือน ทั้งยังมีผู้มีชื่อเสียงในยุคดังกล่าวอย่าง Sei-Shonagon ได้มีการเขียนถึงอะริมะ ออนเซ็นในบทประพันธ์ “Makura-no-Sushi” โดยภายหลังจากแผ่นดินไหวได้ทำลายหลายๆสิ่งของที่นี่ก็ยัง Hideyoshi Toyotomi ผู้ที่เคยมาเยือนและประทับใจในความงดงามของที่นี่ ได้ทำการบริจาคเงินจำนวนมากเพื่อนำมาบูรณะให้กลับมางดงามดังเดิม
3. นันกิ ชิระฮามะ ออนเซ็น จังหวัดวากายามะ (Nanki-Shirahama Onsen, Wakayama Prefecture)
นันกิ ชิระฮามะ ตั้งอยู่ในเขตนิชิมุโระ (Nishimuro)ของเมืองชิระฮามะ (Shirahama) จังหวัดวากายามะ (Wakayama) นับเป็นเมืองออนเซ็นในแถบคันไซที่ได้รับความนิยมมากที่สุดแห่งหนึ่ง จากการเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่า 1,000 ปีและน้ำพุที่มากไปด้วยแร่ธาตุสำคัญหลายชนิดที่ดีต่อผิวหากก็ยังมีคุณประโยชน์ในการรักษาโรค ท่ามกลางบรรยากาศสวยงามของริมชายฝั่งทะเลที่หาได้ยากจากที่อื่น โดยมีแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมอย่างมากนั่นคือ ซากิโนะยุ (Saki-no-yu) ออนเซ็นแบบโอเพ่นติดริมฝั่งทะเลที่เก่าแก่มากที่สุดของเมือง ที่ทั้งได้แช่น้ำพุร้อนผ่อนคลายร่างกาย พร้อมๆไปกับชมวิวทิวทัศน์ทะเล ไม่เพียงแค่ออนเซ็นที่โดดเด่นเท่านั้น แต่ช่วงฤดูใบไม้ผลิที่มีซากุระบานสะพรั่งยังเป็นฤดูที่นักท่องเที่ยวมักมาเยือนมากที่สุดอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีเสน่ห์ดึงดูดจากความงดงามของธรรมชาติในทุกๆฤดูที่ทำให้สามารถเที่ยวได้ทั้งปี
4. อิวากิ ยูโมโตะ ออนเซ็น จังหวัดฟุกุชิมะ (Iwaki Yumoto Onsen, Fukushima Prefecture)
อิวากิ ยูโมโตะ ออนเซ็น ตั้งอยู่ด้านริมชายฝั่งมหาสมุทรในเขตฮะมะโดริของเมืองอิวากิ จังหวัดฟูกูชิม่า นับเป็นหนึ่งในออนเซ็นที่เก่าแก่ของญี่ปุ่นที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 1,200 ปี อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในสถานที่สำคัญที่ถูกกล่าวถึงในหนังสือสำคัญทางประวัติศาสตร์ชื่อ “Enkishiki Shinmei Chou” ไม่เพียงแค่ความเก่าแก่เท่านั้นที่เป็นที่พูดถึง หากยังโดดเด่นด้วยคุณสมบัติอันน่ามหัศจรรย์ของน้ำพุร้อนโดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่ทำให้เพิ่มความสามารถในการรักษาโรคด้านผิวหนังมากเป็นพิเศษและความผิดปกติของระบบภายในร่างกายแบบเรื้อรัง จนกลายมาเป็นออนเซ็นอีกหนึ่งแห่งที่มีสรรพทางการแพทย์และการบำบัดอย่างยอดเยี่ยม