7 ขั้นตอนวางแผนการเดินทางเที่ยวญี่ปุ่นยังไงให้ ปัง ไม่แป้ก
เชื่อว่าหลายๆคนที่ชื่นชอบประเทศยอดฮิตอย่างญี่ปุ่นนี่คงต้องคิดไว้ว่าอยากไปเที่ยวด้วยตัวเองซักครั้งใช่ไหมคะ บางคนที่ไม่เคยเที่ยวเองก็อาจจะกลัวยากบ้าง กลัวปัญหาบ้าง จนไม่กล้าหรือรีๆรอๆที่จะเที่ยวด้วยตัวเองอยู่ แต่จริงๆแล้วการเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองนี่ไม่ยากอย่างที่ใครหลายๆคนคิดเลยล่ะค่ะ เพียงแต่มันจะมีเคล็ดลับเล็กๆน้อยๆที่จะทำให้การท่องเที่ยวนั้นง่ายอย่างกับปอกกล้วยเข้าปาก ครั้งนี้เราจึงได้มี 7 ขั้นตอนการวางแผนเที่ยวญี่ปุ่นยังไงให้มันง่ายและปังกว่าที่เคย
1. เลือกช่วงเวลาที่ต้องการไปเที่ยว
อีกช่วงนึงที่ก็ฮอตไม่แพ้กันอย่างฤดูใบไม้ร่วง ประมาณเดือนตุลาคมจนถึงพฤศจิกายน เนื่องจากช่วงนี้ก็จะสวยไปคนละแบบกับฤดูใบไม้ผลิ หากก็สวยไม่แพ้กันเลยนะคะ ยิ่งแหล่งท่องเที่ยวแนวธรรมชาติต่างๆมาช่วงนี้รับรองว่าสวยอย่างกับภาพวาด วิวต่างๆดูมีสีสันเต็มไปหมด มองไปที่ไหนก็จะเห็นใบไม้หลากสีทั้งส้ม แดง เหลือง ยิ่งถ้าไปเที่ยวแถบภูเขานี่บอกเลยว่าฟินขั้นเทพ ซึ่งทั้งสองช่วงที่คนนิยมกันอย่างนึงที่คล้ายๆกันก็คืออากาศจะเย็นๆไม่ร้อนไปไม่หนาวเกิน แต่ถ้าอยากไปช่วงที่คนไม่เยอะและงบไม่มาก แนะนำให้ไปช่วงฤดูร้อน ประมาณ มิถุนายน ไปจนถึง กันยายน แม้ว่าจะร้อนแต่ข้อดีก็เยอะนะคะ เช่น ราคาหลายๆอย่างทั้งตั๋วหรือที่พักที่จะถูกกว่าสองฤดูแรก แม้อากาศบางเดือนนี่จะร้อนประหนึ่งอยู่เมืองไทยไปบ้าง แต่ก็มีงานเทศกาลฤดูร้อนแจ่มๆเพียบทั่วญี่ปุ่น ที่สำคัญสายช็อปตัวจริงมาช่วงนี้รับรองว่าต้องติดใจ บอกเลยว่าฤดูร้อนนี่เรียกว่าเป็นฤดูเซลล์ที่แท้ทรู ตามห้างสรรพสินค้าต่างๆเค้าลดกระหน่ำจนแทบจะต้องซื้อกระเป๋าเพิ่มเพื่อมาใส่ของที่ซื้อเลยล่ะค่ะ
2. เลือกสถานที่ที่อยากไป
3. หาตั๋วเครื่องบิน
4. เลือกประกันการเดินทาง
ประกันการเดินทางมักจะเป็นหนึ่งในสิ่งที่ผู้คนมักจะมองข้าม เพราะมันเป็นของที่ไม่อยากใช้ เพราะไปเที่ยวคงไม่มีใครอยากจะคิดว่าตัวเองจะเกิดอุบัติเหตุ หรือเจ็บป่วยให้เสียเวลา เสียอารมณ์กันหรอก แต่ถ้าเกิดฉุกเฉินต้องใช้ขึ้นมาจริงๆล่ะก็ เจ้าประกันการเดินทางจะช่วยเซฟค่าใช้จ่ายของคุณไปได้อย่างมากเลยทีเดียว โดยเฉพาะใครที่ไปเป็นครอบครัวมีผู้สูงอายุหรือเด็กๆไปด้วยก็ยิ่งควรมีไว้ให้อุ่นใจ และถ้าจะไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่น เราก็ควรจะมีประกันที่มีบริษัทแม่อยู่ที่นู่นเลย รวมทั้งบริษัทลูกที่ไทยด้วย จะทำให้การติดต่อประสานงานนั้นราบรื่นมากขึ้น
ด้วยเหตุผลดังกล่าวทำให้เราแนะนำให้ใช้บริการประกันภัยเจ้าดังของญี่ปุ่น อย่าง SOMPO เพราะมีประสบการณ์มายาวนาน ยิ่งไปญี่ปุ่น ยิ่งอยากแนะนำให้ซื้อกับ SOMPO เพราะ SOMPO มีบริการพิเศษ ในฐานะเป็นเจ้าถิ่น ไม่ต้องสำรองจ่ายได้ทั้งผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอก มีแพคเกจหลากหลายแบบให้เลือก คุ้มครองตั้งแต่อายุ 1-75 ปี หากเกิดเหตุสามารถโทรไปที่เบอร์ +662-205-7775
เหตุผลสำคัญอีกเรื่องก็คือ ค่าประกันภัยเมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายตลอดทริปแล้ว ถือว่าถูกมากๆๆๆ ถูกกว่าค่า SIM internet ด้วยซ้ำ อย่างในรูปที่แนบให้ดู คือราคาเริ่มต้นสำหรับหนึ่งคนไป 5 วัน แค่สามร้อยกว่าบาทเอง แต่คุ้มครองเราทุกอย่างโดยทั่วไปแนะนำแค่แพคเกจ A หรือแบบถูกสุดก็ดูจะเพียงพอแล้ว เพราะครอบคลุมค่าใช้จ่ายสูงถึงสองล้านบาท พร้อมกรณีอื่นๆอีกมากมาย ที่น่าสนใจเช่น การประกันกระเป๋าสัมภาระหรือของใช้ส่วนตัวของเราอีก 5,000 บาทต่อชิ้น ซึ่งตรงนี้หลายๆคนคงเคยเห็นหรือผ่านตาเรื่องกระเป๋าพังของหายเยอะแยะมากมายทางโซเชี่ยลกันอยู่แล้ว นอกจากนี้ยังรวมกรณีเครื่องบินดีเลย์จนถึงโดนเทเลยอีกหนึ่งหมื่นบาทด้วย
ใครสนใจเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่เลยจ้า https://traveljoy.sompo.co.th/
พิเศษสุดสำหรับแฟนเพจ TALONJAPAN
ใช้ได้ตั้งแต่วันนี้ – 31 ม.ค. 62 เลย หรือ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม m.
5. หาพาสที่เหมาะกับการเดินทาง
6. เลือกโรงแรมที่จะทำให้เราเดินทางสะดวก สะอาด ปลอดภัย
อีกสิ่งหนึ่งที่ถือเป็นหัวใจของการเดินทางเลยก็คือ การเลือกที่พักค่ะ เพราะที่พักก็เป็นส่วนประกอบสำคัญที่จะกำหนดงบท่องเที่ยวและความสะดวกในการไปแหล่งท่องเที่ยวต่างๆของเราได้นะคะ อย่างแรกเราจะต้องรู้ก่อนว่าเราจะไปเที่ยวที่ไหนบ้านเพื่อเลือกย่านที่พัก โดยที่พักในญี่ปุ่นก็มีหลายระดับและยังมีอีกหลายประเภท ตั้งแต่โรงแรมทั่วไป โฮสเทล และเรียวกัง การเลือกย่านที่ดีที่สุดก็คือย่านที่ใกล้กับสถานีรถไฟ เนื่องจากทำให้ง่ายกับการเดินทางไปไหนมาไหนและไม่ต้องแบกของช็อปปิ้งมากนัก ที่สำคัญควรหลีกเลี่ยงย่านที่แลดูไม่ปลอดภัย ที่แม้บางทีอาจจะใกล้แหล่งท่องเที่ยวแต่ก็ถือว่าไม่ปลอดภัยขนาดคนญี่ปุ่นเองยังหลีกเลี่ยง อย่างในโตเกียวก็จะเป็นย่าน Kabukicho ที่เรียกกันว่าเป็นย่านโคมแดง ผับบาร์เพียบ ส่วนในโอซาก้าที่ควรหลีกเลี่ยงไม่ควรพักแถวนั้นอย่างแรงนั่นก็คือ ย่าน Kamagasaki ที่ถือว่าเป็นย่านที่เสื่อมโทรมอารมณ์คล้ายๆสลัมญี่ปุ่นประมาณนั้นค่ะ ซึ่งสิ่งที่ควรจะคำนึงนอกจากราคาความปลอดภัยก็สำคัญมากๆนะคะ แม้จะประหยัดขนาดไหนแต่ถ้าไม่ปลอดภัยมันเสี่ยงเกินไปไม่คุ้มค่ะ
7. เลือกสถานที่กิน สถานที่ช้อปที่ใกล้เคียงกับที่เราไป
ด้วยความที่ญี่ปุ่นได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั่วทั้งสารทิศ ดังนั้นแหล่งท่องเที่ยว แหล่งกิน แหล่งช็อปปิ้งของแต่ละเมืองนี่อย่างเพียบแบบเลือกกันแทบจะไม่ถูกเลยนะคะ ถ้ายึดเอาตามแหล่งท่องเที่ยวที่เราแพลนหลักๆแล้วว่าจะไปที่ไหนบ้างเป็นตัวยืนพื้นว่าเราจะไปแถบไหนน่าจะง่ายสุดที่เราจะเลือกแหล่งกินหรือช็อปปิ้ง เพราะถ้าจะไปเที่ยวทางนึง แต่แหล่งที่จะกินหรือช็อปปิ้งอยู่ทางนึงมันทำให้เสียเวลาในการท่องเที่ยวและอาจจะทำให้เหนื่อยไป อย่างถ้าอยากเที่ยวย่านอาซากุสะในโตเกียวแล้วอยากหาแหล่งกินหรือช็อปปิ้งก็แนะนำให้มากันที่ถนนนากามิเสะ ที่ตั้งอยู่บริเวณวัดเซ็นโซจิ หรือจะมาที่ Tokyo Asakusa Station ก็ได้นะคะ เพราะด้านล่างของสถานนี่เนี่ยเป็นแหล่งช็อปปิ้งสุดปังทั้งของกินหรือของฝากมีให้เดินอย่างเยอะ หรือถ้าไปโอซาก้าแล้วมองหาแหล่งช็อปปิ้งก็ต้องย่านชินไซบาชิที่ร้านค้าอย่างเยอะ จุดปักหมุดการเที่ยวก็น่าจะอยู่แถวๆย่านนนี้จะดีสุด ไม่เปลืองทั้งเวลาและประหยัดเงินในกระเป๋าอีกด้วยล่ะค่ะ
เป็นไงกันบ้างคะลองดูขั้นตอนที่เราแนะนำสำหรับการวางแผนการท่องเที่ยวญี่ปุ่นแล้วไม่ยากอย่างที่คิดกันใช่ไหมเอ่ย ซึ่งก็ทำตามได้ไม่ยากซักนิดเลยล่ะค่ะ บอกเลยว่าถ้าลองทำกันตามลำดับขั้นตอนแล้วมันไม่ยากอย่างที่กลัวๆกันแน่นอน ถ้าลองทำแล้วได้ผลยังไงก็มาบอกเราได้นะคะ เชื่อเลยว่าถ้าได้ลองเที่ยวด้วยตัวซักครั้งแล้วจะติดใจอยากมีครั้งสองครั้งสามตามมาชัวร์ค่ะ