สวนดอกไม้ อาชิคางะ Ashikaga Flower Park
photos by ★Kumiko★ from flickr.com/photos/kmkmks/13943653307 ( cc by 2.0 )
สวนดอกไม้ อาชิคางะ (Ashikaga Flower Park, あしかがフラワーパーク) เป็นหนึ่งในสวนดอกวิสทีเรียที่สวยงามและอลังการที่สุดของประเทศญี่ปุ่น บนพื้นที่ขนาดใหญ่กว่า 60 ไร่ ที่จัดแบ่งออกเป็นส่วนต่างๆมากมายให้นักท่องเที่ยวได้ชื่นชม โดยมีไฮไลท์อยู่ที่ อุโมงค์ต้นวิสทีเรียยาวเกือบ 100 เมตร และต้นวิสทีเรียขนาดใหญ่ยักษ์ อายุกว่า 140 ปีมาแล้ว อยู่ที่จังหวัดโทชิกิ(Tochigi) เมืองอาชิคางะ(Ashikaga) ห่างจากโตเกียวประมาณ 2 ชั่วโมงเท่านั้น
ดอกวิสทีเรียเป็นดอกไม้ที่ชาวญี่ปุ่นให้ความสำคัญมากเช่นเดียวกับดอกซากุระ โดยในภาษาญี่ปุ่น ดอกวิสทีเรียนี้จะอ่านออกเสียงว่า ฟูจิ เสียงเดียวกับภูเขาไฟฟูจิ ภูเขาประจำชาติ และยังถูกใช้เป็นชื่อตระกูลของคนญี่ปุ่นกันอย่างแพร่หลาย รวมไปถึงชุดการแสดงคาบูกิ ที่เป็นการแสดงละครเวทีของญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมด้วย ทำให้สวนแห่งนี้เมื่อถึงฤดูใบไม้ผลิซึ่งเป็นช่วงพีค จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาชมกันมากมาย
ต้นวิสทีเรียของสวนอาชิคางะ จะมีการทำตัวค้ำยันไว้เหนือหัว แล้วจะปล่อยให้ดอกห้อยลงมาจากกิ่งเป็นพวงทำให้เกิดเป็นทางเดินใต้ดอกวิสทีเรียหลากหลายสี เช่น สีม่วง, สีขาว, สีเหลือง และสีชมพู ถ้าต้นไหนอายุมากก็จะยิ่งแผ่รัศมีของกิ่งก้านออกไปได้ไกลมากหลายสิบเมตรเลยทีเดียว โดยเฉพาะต้นวิสทีเรียที่เก่าแก่ที่สุดของสวนนี้ มีอายุมากกว่า 140 ชื่อว่า “Great Miracle Wisteria” ที่ดูยิ่งใหญ่อลังการมากทีเดียว ซึ่งในช่วงพีคจะเปิดจนถึงดึกและมีการเปิดไฟส่องที่ดอกและต้นของวิสทีเรียด้วย ทำให้ได้บรรยายกาศการชมที่แตกต่างออกไปจากตอนกลางวันอีก
นอกจากอุโมงค์ต้นวิสทีเรียที่มีอยู่มากมายภายใน Ashikaga Flower Park นี้แล้ว ก็ยังมีการจัดสวนในโซนต่างๆอีกมากมายให้เดินชมกัน เช่น การสร้างพีรามิดดอกไม้ลอยอยู่กลางสระน้ำ, โดมดอกไม้, น้ำตกจำลอง และสระน้ำมากมายในสวนที่สะท้อนเอาสีสันของดอกไม้ต่างๆลงไปในน้ำด้วย
ดอกวิสทีเรียโดยทั่วๆไปจะบานเต็มที่ช่วงกลางเดือนเมษายนถึงกลางเดือนพฤษภาคม ซึ่งจะแตกต่างกันไปในแต่ละปี แต่นอกจากดอกวิสทีเรียแล้ว ที่สวน Ashikaga ก็มีดอกไม้สวยงามอื่นๆให้ชมอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น hydrangea, azalea, iris, peonies, water lilies, lilies, rhododendrons, crape myrtle และ lantana ซึ่งจะบานแตกต่างกันไปในแต่ละช่วงเวลาของปี
หลังจากการเที่ยวชมแล้ว ที่สวนนี้ยังมีโซนร้านอาหารและโซนขายของที่ระลึก ซึ่งจะมีไฮไลท์อยู่ที่ไอติมโคนแบบ softcream ที่ผลิตมาจากดอกไม้ต่างๆ ที่มีรสชาติหอมหวานจนหลายคนติดใจ
ในช่วงฤดูหนาวที่ไม่มีดอกไม้ให้ชมแล้ว ที่สวนแห่งนี้ได้เนรมิตดอกไม้ขึ้นมาเอง โดยการใช้ไฟ LED มากมายมาประดับประดาแทนดอกไม้ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ระหว่างเดือน ธันวาคมถึงกุมภาพันธ์ ในช่วงค่ำจนเป็นหนึ่งในงาน Winter Illumination ที่ได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ
ใครกำลังวางแผนจะไปเที่ยวสวนดอกไม้ อาชิคางะ (Ashikaga Flower Park) มาโหลด แผนผังภายในสวนภาษาญี่ปุ่นไปดูกันเล่นๆก่อนได้ตามนี้เลย
ดาวน์โหลดที่นี่: แผนที่สวนดอกไม้อาชิคางะ ช่วงกลางวัน |
ดาวน์โหลดที่นี่: แผนที่สวนดอกไม้อาชิคางะ ช่วงกลางวัน |
https://youtu.be/YoqpyBb5Www
การเข้าชม
แตกต่างกันไปตามช่วงเวลาและฤดูกาล
ราคาช่วงพีคอยู่ที่ 1,700 เยน และราคาต่ำสุดคือ 300 เยน
เดือนมีนาคมถึงปลายเดือนพฤศจิกายน 9:00-18:00
เดือนมีนาคมถึงปลายเดือนพฤศจิกายน
ช่วงพีคประมาณกลางเดือนเมษายนถึงกลางเดือนพฤษภาคม จะมีการเปิดไฟ Illumination ช่วงเย็นถึงค่ำ จะปิดเวลา 21:30
ช่วงที่มีการประดับไฟในฤดูหนาวประมาณเดือนธันวาคมถึงกุมภาพันธ์จะเปิดไฟประมาณ 15:30 to 21:00
ปิดแค่ 3 วันในหนึ่งปี คือ วันพุธและพฤหัสของสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนกุมภาพันธ์ และวันที่ 31 ธันวาคม
วิธีการเดินทาง
ให้นั่งรถไฟไปลงที่สถานี Tomita Station ซึ่งใช้เวลาจากโตเกียวประมาณ 70 นาทีโดยชินคันเซน ราคาประมาณ 4,000 เยน และประมาณ 120 นาทีสำหรับรถไฟปกติ ราคาประมาณ 2,000 เยน จากนั้นก็เดินต่ออีกประมาณ 900 เมตร หรือ 15 นาทีก็จะถึงสวน