50 สุดยอดสถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่น ที่ทำให้ต้องไปแล้วไปอีก 2567
Photo from https://www.flickr.com/photos/byond-travel/49616765178/
ประเทศญี่ปุ่นนอกจากความน่าสนใจด้านความเจริญก้าวหน้าแล้ว ก็ยังเป็นประเทศที่มีลักษณะทางภูมิประเทศที่ค่อนข้างพิเศษแตกต่างจากประเทศอื่นๆของโลก คือมีลักษณะเป็นเกาะที่มีเทือกเขาสูงมากกว่า 75% ของพื้นที่ มีอุณภูมิและสภาพอากาศในแต่ละฤดูกาลที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนทั้งหมด 4 ฤดู ผนวกกับศิลปะและวัฒนธรรมที่โดดเด่นของประเทศนี้ ทำให้มีสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆของญี่ปุ่นที่น่าสนใจมากมาย กระจายตัวกันอยู่ทั่วประเทศ ซึ่งแม้จะเป็นสถานที่เดียวกัน แต่ก็ยังมีมนเสน่ห์และความสวยงามที่แตกต่างกันไปในแต่ละฤดูกาลด้วย
ในบทความนี้เราจะรวมเอาสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจต่างๆทั่วประเทศญี่ปุ่นมาให้ชมกันทั้งหมด 50 แห่ง ซึ่งก็มีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลายประเภท แตกต่างกันไปทั้งศิลปะวัฒนธรรม ธรรมชาติ และแหล่งช้อปปิ้งต่างๆ เราไปดูกันเลยดีกว่าว่าที่เที่ยวเจ๋งๆในประเทศญี่ปุ่นจะมีอะไรบ้าง กับ 50 สุดยอดที่เที่ยวยอดฮิตทั่วญี่ปุ่น
1. ภูเขาไฟฟูจิ Mt. Fuji (Shizuoka/Yamanashi)
ที่ตั้ง: จังหวัดชิซุโอกะ(Shizuoka) และจังหวัดยามานาชิ(Yamanashi)
ภูเขาไฟฟูจิเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กหลักของประเทศญี่ปุ่น และยังเป็นภูเขาที่สูงที่สุดด้วย มีขนาดใหญ่ มองเห็นได้จากระยะทางไกลหลายร้อยกิโลเมตร ทำให้การเที่ยวภูเขาไฟฟูจิแบบที่ต้องการวิวฟูจิ จึงกินอาณาบริเวณกว้างมาก แต่แหล่งท่องเที่ยวหลักๆจะอยู่ที่ทะเลสาบทั้ง 5 ของภูเขาไฟฟูจิ(Fuji Kawagushiko) และทะเลสาบเมืองฮาโกเน่(Hakone Lake) หรือไม่งั้นก็จะเป็นกิจกรรมการปีนภูเขาไฟฟูจิที่เป็นที่นิยมมากเช่นกัน
2. ศาลเจ้าจิ้งจอกแดง(Fushimi Inari Shrine)
ที่ตั้ง: เมืองเกียวโต(Kyoto) ภูมิภาคคันไซ(Kansai)
ศาลเจ้าจิ้งจอกแดงเป็นศาลเจ้าที่มีความสำคัญมากแห่งหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น มีชื่อเสียงโด่งดังมาจากประตูโทริอิ (Torii Gate) หรือเสาประตูสีแดงที่เรียงตัวกันข้างหลังศาลเจ้าจำนวนหลายหมื่นต้นจนเป็นทางเดินได้ทั่วทั้งภูเขาอินาริทำให้เป็นภาพที่แปลกตาจึงไม่แปลกที่จะได้รับการโหวตให้เป็นสุดยอดสถานที่ท่องเที่ยวของประเทศญี่ปุ่นตามเว็บไซต์ท่องเที่ยวต่างๆอยู่ตลอดเวลา
3. หมู่บ้านหลังคาโบราณ ชิราคาวะโกะ (Shirakawa-go)
ที่ตั้ง: เมืองโทยาม่า(Toyama) ภูมิภาคชุบุ(Chubu)
หมู่บ้านหลังคาโบราณ ชิราคาวะโกะเป็นหมู่บ้านมรดกโลก(UNESCO) ที่มีชื่อเสียงด้านความสวยงามแปลกตาของหลังคาบ้าน แบบญี่ปุ่นโบราณ ซึ่งจะมีบรรยากาศที่เปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาลทั้ง 4 เช่นกัน โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวที่จะมีงานเทศกาลเปิดไฟส่องที่บ้านแต่ละหลังทำให้ยิ่งสวยงามมากยิ่งขึ้น
4. สวิสเซอร์แลนด์ญี่ปุ่น คามิโคจิ(Kamikochi)
คามิโคจิ(Kamikochi) ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่น(Japan Alps) ภายในจังหวัดนากาโน่(Nagano) ถ้าคนที่รักการท่องเที่ยวแนวสายลม ป่าเขาและสองเราที่นี่บอกเลยว่าสุโค่ยมากๆเชียวค่ะ เนื่องจากได้รับการยอมรับว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีทิวทัศน์ภูเขาที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ คามิโคจิเรียกได้ว่าเป็นสวรรค์ของนักเดินทางสายธรรมชาติและสายผจญภัยรักกาท้าทายเลยล่ะค่ะ
5. ห้าแยกชิบูย่า และย่านชินจูกุ(Shinjuku)
ที่ตั้ง: จังหวัดโตเกียว(Tokyo) ภูมิภาคคันโต(Kanto)
บริเวณใจกลางเมืองโตเกียวเป็นแลนมาร์คของความเป็นมหานครยุคใหม่ของญี่ปุ่นอย่างแท้จริง โดยเฉพาะบริเวณห้าแยกชิบูย่าที่กลายเป็นสัญญลักษณ์สำคัญจุดหนึ่งของเมืองโตเกียว รวมไปถึงย่านช้อปปิ้งกลางเมืองอย่างชินจูกุที่เป็นหนึ่งในย่านชื่อดังของเมืองโตเกียว ที่มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนกันมาหลักหลายล้านคนในแต่ละปี
6. โตเกียว ดิสนีย์แลนด์(Tokyo Disneyland) และโตเกียวดิสนีย์ซี(Tokyo Disney Sea)
ที่ตั้ง: เมืองชิบะ(Chiba)ที่อยู่ติดกับโตเกียว ภูมิภาคคันโต(Kanto)
โตเกียวดิสนีย์แลนด์ เป็นสวนสนุกชื่อดังที่มีปริมาณนักท่องเที่ยวเข้าใช้บริการมากที่สุดของประเทศญี่ปุ่น ในปี 2013 มีจำนวนมากถึง 17.3 ล้านคน มากเป็นอันดับ 2 ของโลก จึงเป็นตัวการันตีถึงความเจ๋งของที่นี่ได้เป็นอย่างดี
7. ป้อมดาวห้าแฉก โงเรียวกาคุ (Fort Goryokaku)
ที่ตั้ง: เมืองฮาโกดาเตะ(Hakodate) ภูมิภาคฮอกไกโด(Hokkaido)
ป้อมโงเรียวกาคุ หรือ “ป้อมดาว 5 แฉก” เป็นพื้นที่ขนาดใหญ่รูปดาวเนื่องจากต้องการเพิ่มพื้นที่ในการวางปืนใหญ่นั่นเอง ซึ่งจะมองเห็นได้จากมุมสูง เป็นป้อมสร้างตามสไตล์ตะวันตก สร้างขึ้นในปีสุดท้ายของสมัยเอโดะ ปัจจุบันเป็นสวนสาธารณะเชิงประวัติศาสตร์ที่มีความสวยงามแตกต่างกันไปทั้ง 4 ฤดู มีทั้งดอกซากุระบาน ความเขียวชอุ่มของใบไม้ สีเหลืองแดงของช่วงใบไม้เปลี่ยนสี และความขาวโพลนของหิมะในฤดูหนาว
8. สวนกวางนารา(Nara Park)
ที่ตั้ง: เมืองนารา(Nara) ภูมิภาคคันไซ(Kansai)
สวนนารา เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ของในตัวเมืองนาราที่รวมเอาแหล่งท่องเที่ยวหลักๆของเมืองมาอยู่ในบริเวณเดียวกันนี้หลายแห่งด้วยกัน แต่หนึ่งในไฮไลท์สำคัฐของที่นี่ก็คือเหล่ากวางน้อยที่เดินกันอยู่เต็มสวนเลยทีเดียว ซึ่งในบริเวณนี้จะมีร้านขนมเซมเบ่ สำหรับเลี้ยงกวางที่จะเดินตามมากินอาหารของเราด้วย
9. เทศกาลแสงสี Nabana no Sato Winter Illumination
เทศกาล Nabana no Sato Winter Illumination เป็นหนึ่งในเทศกาลแสงสีที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น มีไฟประดับมากกว่า 8.5 ล้านดวงภายในสวนดอกไม้ ภายในสวนจะมีการประดับตกแต่งไฟอย่างสวยงาม มีทั้งทุ่งหญ้าขนาดใหญ่ที่นำไฟสีฟ้ามาตกแต่งให้ดูเหมือนทะเล นอกจากนี้ยังมีอุโมงค์ดวงไฟและจุดชมวิวที่สามารถขึ้นลิฟท์ไปด้านบน เมื่อมองลงมาจะเห็นสวนที่ประดับไฟเป็นมุมกว้าง เป็นอีกหนึ่งจุดที่พลาดไม่ได้เลย
10. ย่านเมืองเก่า Takayama Old Town
ย่านเมืองเก่าทาคายาม่า(Takayama Old town)เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากแห่งหนึ่งของจังหวัดกิฟุ(Gifu) เป็นย่านค้าขายที่เคยเจริญรุ่งเรืองอย่างมากในอดีตซึ่งยังคงได้รับการอนุรักษ์เอาไว้โดยรัฐบาลญี่ปุ่น ยังมีบ้านและอาคารต่างๆหลายหลักที่มีอายุหลายร้อยปีให้ชม ให้บรรยากาศบ้านเมืองสมัยเอโดะอย่างแท้จริง ซึ่งหลายๆแห่งยังเปิดเป็นพิพิธภัณท์ให้เข้าไปชมได้บรรยากาศและข้าวของต่างๆภายในบ้านได้ด้วย ส่วนใหญ่จะอยู่บริเวณถนน Sanmachi ทางฝั่งตะวันตกของสถานีรถไฟ Takayama นั่นเอง
11. วัดคิโยะมิซุ หรือวัดน้ำใส(Kiyomizu-dera)
ที่ตั้ง: เมืองเกียวโต(Kyoto) ภูมิภาคคันไซ(Kansai)
วัดคิโยะมิซุ หรือวัดน้ำใสเป็นหนึ่งในวัดที่ดังที่สุดของเมืองเกียวโต ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก(UNESCO) มีอาคารไม้ขนาดใหญ่ที่สร้างอยู่ริมภูเขาสูงจากพื้นถึง 13 เมตรโดยไม่ใช้ตะปูในการสร้างเลย โดยจะมีระเบียงที่ยื่นออกไปสำหรับชมวิวเมืองเกียวโตได้ด้วย นอกจากนี้ที่บริเวณทางเข้าของวัดยังมีถนนคนเดินที่มีบรรยากาศเมืองเก่าของเกียวโตให้เดินเล่นกันด้วย
12. ปราสาทฮิเมจิ(Himeji Castle)
ที่ตั้ง: เมืองฮิเมจิ(Himeji) ภูมิภาคคันไซ(Kansai)
ปราสาทฮิเมจิเป็นหนึ่งในปราสาทที่ยิ่งใหญ่และสวยงามมากที่สุดของประเทศญี่ปุ่น เป็น 1 ใน 4 ปราสาทที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก้(UNESCO) มีอาณาบริเวณกว้างขวางรวมทั้งสวนที่มีต้นซากุระที่สวยงามมากจนติดหนึ่งในสถานที่ชมดอกซากุระบานที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศเลยทีเดียว
13. วัดคินคะคุจิหรือวัดทอง(Kinkakuji)
ที่ตั้ง: เมืองเกียวโต(Kyoto) ภูมิภาคคันไซ(Kansai)
วัดคินคะคุจิหรือวัดทองเป็นหนึ่งในวัดที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของเมืองเกียวโต เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คทางวัฒนธรรมที่สำคัญของประเทศญี่ปุ่น มีอาคารไม้ที่ทาสีทองอยู่ริมบึงน้ำ ที่โดดเด่นและสวยงามกว่าที่ไหนๆในญี่ปุ่น ซึ่งจะมีความสวยงามแตกต่างกันไปในแต่ละฤดู ทั้งสวนดอกซากุระ หิมะขาวโพลน ใบไม้แดง และสีเขียวชอุ่มในฤดูร้อน นอกจากนี้ภายในวัดยังมีสวนสไตล์ญี่ปุ่นขนาดใหญ่ที่สวยงามให้เดินชมกันด้วย
14. สวนริมทะเลฮิตาชิ ซีไซด์ ปาร์ค (Hitachi Seaside Park)
ที่ตั้ง: จังหวัดอิบารากิ(Ibaraki) ภูมิภาคคันโต(Kanto)
สวนฮิตาชิ(Hitachi Park) เป็นสวนริมทะเลขนาดใหญ่ ที่มีชื่อเสียงด้านทุ่งดอกไม้ที่สวยงามอลังการมากที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น โดยเฉพาะทุ่งต้นโคเชีย(Kochia)ที่โดยปกติจะมีสีเขียวก็สวยงามแปลกตาอยู่แล้ว แต่พอเปลี่ยนเป็นสีแดงในช่วงฤดูใบไม้ร่วงก็ยิ่งสวยงามอลังการมากขึ้นไปใหญ่ นอกจากนี้ก็ยังมีทุ่งดอกไม้อย่างอื่นที่สวยงามอลังการไม้แพ้กันอีกหลายชนิดตามแต่ละช่วงเวลา ตั้งอยู่ห่างจากโตเกียวไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 130 กิโลเมตร
15. ศาลเจ้ากลางทะเล อิสึกุชิมะ แห่งเกาะมิยาจิมะ(Miyajima Itsukushima Shrine)
ศาลเจ้าอิสึกุชิมะ แห่งเกาะมิยาจิมะ หรือบางทีก็เรียกว่า ศาลเจ้ามิยาจิมะ เป็นศาลเจ้าที่มีชื่อเสียงโด่งดังจาก อาคารศาลเจ้าและประตูโทริอิสีแดงขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางทะเล จนดูเหมือนลอยอยู่ในน้ำในช่วงที่น้ำขึ้น ในส่วนของศาลเจ้าจะประกอบไปด้วยหลายอาคาร เช่น อาคารภาวนา อาคารหลัก และโรงละครโนะ ซึ่งจะเชื่อมต่อกันด้วยทางระเบียงทางเดินที่มีเสาด้านล่างอยู่ในทะเลเพื่อรับน้ำหนัก จึงเหมือนเป็นศาลเจ้าลอยน้ำ ที่มีสีแดงตัดกับสีน้ำเงินของน้ำทะเลอย่างโดดเด่น
16. ปราสาทมัตสึโมโตะ(Matsumoto Castle)
ที่ตั้ง: เมืองมัตซุโมโต้(Matsumoto) จังหวัดนากาโน่(Nagano) ภูมิภาคชูบุ(Chubu)
ปราสาทมัตสึโมโตะเป็นปราสาทที่โดดเด่นมากที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุุ่น เพราะเป็นปราสาทหลังดั้งเดิมที่ยังไม่เคยถูกทำลายมาก่อน แต่กลับคงความสมบูรณ์และสวยงามของปราสาทเอาไว้ได้ ทั้งๆที่มีอายุมากกว่า 400 ปีแล้ว มีการใช้สีดำเพื่อให้ดูขลัง มีอาคารหอคอย 2 อาคารที่สร้างเชื่อมต่อกัน มีความสูง 6 ชั้น รอบๆปราสาทจะมีสวนต้นซากุระที่จะออกดอกสวยงามในช่วงฤดูใบไม้ผลิ
17. ย่านโดทงโบริ (Dotonbori)
ที่ตั้ง: เมืองโอซาก้า(Osaka) ภูมิภาคคันไซ(Kansai)
โดทงบูริ หรือ ดงโทบุริ เป็นย่านกลางคืนที่คึกคักมากที่สุดของเมืองโอซาก้า ที่มีสัญญลักษณ์ของเมืองนี้อยู่ นั่นก็คือป้ายปูยักษ์ และป้ายนักวิ่งกูลิโกะ โดยจะมีแม่น้ำอยู่ตรงกลาง ซึ่งรอบๆก็จะมีแหล่งช้อปปิ้งมากมายเรียงรายกันไปแทบทุกทิศทุกทางเลย เรียกได้ว่าถ้าไม่ได้มาแถวนี้ก็เหมือนยังมาไม่ถึงโอซาก้านั่นเอง
18. วัดเซนโซจิ หรือ วัดอาสากุซะ หรือวัดโคมแดง
ที่ตั้ง: เมืองโตเกียว(Tokyo) ภูมิภาคคันโต(Kanto)
วัดเซนโซจิเป็นวัดชื่อดังที่สุดของเมืองโตเกียว อยู่ที่ย่านอาสากุซะ มีสัญญลักษณ์เป็นโคมสีแดงขนาดใหญ่ที่ประตูทางเข้า มีถนนด้านหน้าวัดที่เต็มไปด้วยร้านรวงขายขนมและของที่ระลึก เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีคึกคักมากตลอดทั้งวันของเมืองโตเกียว
19. ทุ่งดอกลาเวนเดอร์ที่ ฟาร์มโทมิตะ (Tomita Farm)
ที่ตั้ง: เมืองฟูราโน่(Furano) ภูมิภาคฮอกไกโด(Hokkaido)
ที่ภูมิภาคฮอกไกโด จะนิยมปลูกดอกไม้กันในช่วงฤดูร้อน โดยเฉพาะดอกลาเวนเดอร์ ที่ปลูกกันมานานเกือบ 100 ปีแล้ว และจุดชมทุ่งดอกลาเวนเดอร์ที่ดีที่สุดของฮอกไกโดคือที่ ฟาร์มโทมิตะ(Farm Tomita) ซึ่งมีวิวทิวทัศที่สวยงามจากฉากหลังเป็นภูเขาโทกะชิ(Tokachi mountain) ที่เปิดให้เข้าชมฟรีอย่างอิสระ ใกล้ๆกับทุ่งดอกไม้ยังมีร้านกาแฟ ร้านค้าจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากลาเวนเดอร์อีกด้วย
20. กำแพงหิมะทาเทยาม่า คุโรเบะ(Tateyama Kurobe Alpine)
ที่ตั้ง: เมืองโทยาม่า(Toyama) ภูมิภาคชูบุ(Chubu)
กำแพงหิมะทาเทยาม่า คุโรเบะ หรือ Snow Wall จะเกิดจากการทับถมของหิมะที่สูงมากถึง 20 เมตรเลยทีเดียว โดยจะเกิดปรากฏการณ์นี้เฉพาะในฤดูใบไม้ผลิช่วงประมาณกลางเดือนเมษายน-กลางเดือนมิถุนายนของทุกปี ซึ่งในพื้นที่ส่วนอื่นๆของญี่ปุ่นถือว่าเป็นฤดูใบไม้ผลิที่ดอกไม้ต่างจะบานสะพรั่งกันอย่างสวยงาม นอกจากนี้บริเวณนี้ยังสามารถเข้าชมในฤดูอื่นๆที่จะมีความสวยงามแตกต่างกันไปด้วย เช่นการชมใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง และการชมทุ่งดอกไม้ในฤดูร้อน
21. พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำชุราอูมิ(Churaumi Aquarium)
ที่ตั้ง: เมืองนาฮา, เกาะโอกินาว่า
พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำชุราอูมิได้ชื่อว่าเป็นพิพิธภัณท์สัตว์น้ำที่ดีที่สุดในประเทศญี่ปุ่น มีแท้งค์สัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่ภายในนอกจากจะมีปลาทะเลหายากมากมายแล้ว ยังมีปลาฉลามวาฬอยู่ถึง 3 ตัวด้วยกัน
22. Snow monster และสกีรีสอร์ที่ Mount Zao
ซาโอะออนเซนสกีรีสอร์ท(Zao Onsen Ski Resort) เป็นที่ที่จะพบต้นไม้แช่แข็ง เพียงไม่กี่ที่ในประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากปริมาณหิมะที่ตกหนักและลมเย็นแช่แข็ง โดยจะพบได้ในบริเวณรอบๆยอดเขาซาโอะ สวยงามที่สุดในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ นักท่องเที่ยวสามารถเข้าถึงบริเวณนั้นได้โดยนั่งกระเช้า และเรือกอนโดล่า และในช่วงเย็นต้นไม้แช่แข็งเหล่านี้จะถูกประดับประดาด้วยไฟสว่างไสว อาจจะชมจากด้านนอกหรือในร้านกาแฟอุ่นๆ ก็สวยงามไม่แพ้กัน
23. เทือกภูเขาไฟอะโซะ(Aso Mountain)
ที่ตั้ง: จังหวัดคุมาโมโต้(Kumamoto) และจังหวัดโออิตะ(Oita) ภูมิภาคคิวชู(Kyushu)
ภูเขาไฟอะโซะ(Aso Mountain)เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่น่าตื่นตามากอีกแห่งหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น ที่มีสภาพเป็นเนินเขา ทุ่งหญ้า กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ทำให้มีจุดชมวิวที่สวยงามอยู่มากมาย ที่บริเวณตอนกลางของภูเขาอะโซะจะมีปากปล่องที่ยังไม่ดับ จะมีน้ำอยู่ภายในที่มีไอเดือดอยู่ตลอดเวลา สามารถนั่งกระเช้าขึ้นไปชมได้
24. เมืองชนบท อาราชิยาม่า(Arashiyama)
ที่ตั้ง: เมืองเกียวโต(Kyoto) ภูมิภาคคันไซ(Kansai)
เมืองชนบทอาราชิยาม่าเป็นเมืองเล็กๆที่อยู่ทางทิศตะวันตกของตัวเมืองเกียวโต ที่มีเสน่ห์อยู่ที่ความลงตัวระหว่างความสวยงามทางธรรมชาติและบ้านเมืองตามชนบทของญี่ปุ่น มีแหล่งท่องเที่ยวฮิตๆคือ วัด ศาลเจ้า ป่าไผ่ สวนลิง และการนั่งรถไฟชมวิวในช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ที่เรียกกันว่า Sagano Romantic Train
25. เกาะภูเขาไฟซากุระจิมะ(Sakurajima)
ที่ตั้ง: จังหวัดคาโกชิม่า(Kagoshima) และภูมิภาคคิวชู(Kyushu)
ภูเขาไฟซากุระจิมะ เป็นหนึ่งในภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่นอยู่มากที่สุดลูกหนึ่งของญี่ปุ่น เป็นเกาะที่เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟใต้ทะเล และจากการระเบิดครั้งใหญ่อีกครั้งเมื่อปี 1914 ทำให้เกาะเชื่อมต่อกับแผ่นดินอีกฝั่งของคาบสมุทรโอซุมิ แม้แต่ในปัจจุบันก็ยังคงมีการปะทุให้เห็นเป็นกลุ่มควันและขี้เถ้าอยู่เรื่อยๆตลอดเวลา บางครั้งถึงกับปกคลุมไปทั่วทั้งเมืองคาโกชิมะเลยทีเดียว
26. สวนลิงจิโกคุดานิ(Jigokudani Yaen Park)
ที่ตั้ง: เมืองนากาโน่(Nagano) ภูมิภาคชูบุ(Chubu)
สถานที่สำหรับดูลิงแช่ออนเซนท่ามกลางหิมะที่ถือว่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวแปลกของญี่ปุ่น ตั้งอยู่กลางหุบเขาจิโกคุดานิ มีบ่อน้ำที่สร้างขึ้นสำหรับเจ้าลิงทั้งหลาย ซึ่งจากประตูทางเข้าสวนเดินเข้าไปเพียง 5 นาที นักท่องเที่ยวจะพบเห็นลิงตลอดเส้นทางที่ไปยังสระน้ำ โดยพวกมันจะจับกลุ่มกันเป็นกลุ่มใหญ่ๆ มีความคุ้นเคยกับมนุษย์ แต่อย่างไรก็ตามห้ามเข้าไปจับหรือให้อาหารโดยเด็ดขาด
27. สวนเค็นโรคุเอ็น(Kenrokuen Garden)
ที่ตั้ง: เมืองคานาซาวะ(Kanazawa) จังหวัดอิชิคาว่า(Ishikawa) ภูมิภาคชูบุ(Chubu)
สวนเค็นโรคุเอ็นเป็นสวนที่มีความสวยงามติดหนึ่งใน 3 สวนสวยของประเทศญี่ปุ่น เป็นสวนขนาดใหญ่ที่ภายในมีการจัดแต่งสวนแบ่งออกเป็น 6 แบบด้วยกัน มีการใช้เทคนิคขั้นสูงหลายอย่างตามสวนสไตล์เซน รวมทั้งสวนนี้จะสวยงามเป็นพิเศษในช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่จะเห็นต้นไม้สีแดงภายในสวนที่ถูกเลือกในตำแหน่งที่ลงตัวมากด้วย
28. สวนสนุกยูนิเวอแซล สตูดิโอ Universal Studio Japan
สวนสนุก USJ เป็นสวนสนุกแห่งแรกของยูนิเวอร์ซัล สตูดิโอส์ ที่เปิดในเอเชีย และเป็นสวนสนุกที่มีคนมาเที่ยวมากเป็นอันดับสองของญี่ปุ่น รองจาก Tokyo Disney Resort และยังมีโซนเครื่องต่างๆมากมายที่อัพเดตต่อเนื่องตลอดเวลา ล่าสุดก็คือโซนแฮร์รี่ พอตเตอร์
29. ย่านมินาโตะ มิเรอิ (Minato Mirai)
ที่ตั้ง: เมืองโยโกฮาม่า(ํYogohama) ภูมิภาคคันโต(Kanto)
ย่านมินาโตะ มิเรอิ เป็นย่านริมทะเลของเมืองโยโกฮาม่าซึ่งเป็นเมืองท่าหลักที่อยู่ใกล้กับเมืองหลวงโตเกียว ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนกลายเป็น landmark หลักของเมืองโยโกฮาม่าไปแล้ว ด้วยตึกสูงรูปทรงสวย ที่ตั้งตระหง่านริมทะเลอยู่มากมาย ที่ให้บรรยากาศระหว่างความเก่าและใหม่ผสมกันอย่างลงตัว
30. ลานสกียูซาวะ Yuzawa
ที่ตั้ง: จังหวัดนิอิกาตะ(Niigata) ภูมิภาคชุบุ(Chubu)
ลานสกียูซาวะ(Yuzawa) ตั้งอยู่ภายในจังหวัดนีงาตะ(Niigata) เรียกได้ว่าเป็นที่เล่นสกีสุดฮอตสำหรับนักเล่นสกีจำนวนมากเลยล่ะค่ะ โดยที่ลานสกียูซาวะนั้นถือได้ว่าเป็นหนึ่งในลานสกีที่ใหญ่ที่สุด แถมถ้าจะเดินทางเช้าไปเย็นกลับจากโตเกียวนี่ก็สบายมากเลยนะคะ เพราะสามารถเดินทางจากโตเกียวมายังลานสกีแห่งนี้ใช้เวลาเพียง 2 ชั่วโมงเท่านั้นเอง ซึ่งถ้าจะมาก็สามารถมากันได้ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนจนถึงปลายเดือนพฤษภาคมของทกปีค่ะ ลานสกีแห่งนี้ไม่ได้มีดีแค่นี้นะคะ เพราะยูซาวะยังมีชื่อเสียงโด่งดังเรื่องการเป็นแหล่งออนเซนธรรมชาติชั้นยอดอีกอย่าง การใช้บริการถ้าไม่ได้พักที่ไหนในแถวๆนี้จะไปที่ห้องอาบน้ำสาธารณะเพื่อสัมผัสกับการแช่แบบคนท้องถิ่นแท้ๆก็ได้
31. ย่านฮาราจูกุ(Harajuku)
ที่ตั้ง: จังหวัดโตเกียว(Tokyo) ภูมิภาคคันโต(Kanto)
ย่านฮาราจูกุ(Harajuku) เป็นย่านแฟชั่นแปลกหลากสไตล์ของบรรดาเหล่าวัยรุ่น ชิคๆ เก๋ๆ ที่มีให้ดูกันเพียบ ย่านนี้อยู่ระหว่างชินจูกุและชิบูย่า เป็นเหมือนศูนย์รวมของวันรุ่นญี่ปุ่นที่มีสไตล์การแต่งตัวและแฟชั่นที่จัดจ้านไม่ซ้ำใคร ถนน Takeshita Dori เส้นนี้จะเต็มไปด้วยร้านค้า ร้านเสื้อผ้าแฟชั่น ขนมเครปและร้านอาหาร ซึ่งเป็นเหมือนจุดนัดพบและเดินเล่นของบรรดาเหล่าวัยทีน ที่แต่งตัวแบบคอสเพลย์, แต่งตามตัวการ์ตูนแอนนิเมะ หรือเป็นแนวพังค์ก็พบได้ที่ย่านนี้
32. สวนและพิพิธภัณท์สันติภาพฮิโรชิม่า Hiroshima Peace Park
ที่ตั้ง: เมืองฮิโรชิม่า(Hiroshima) ภูมิภาคชูโกกุ(Chugoku)
สวนสันติภาพฮิโรชิม่าเป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่กินพื้นที่ประมาณ 120,000 ตารางกิโลเมตร ตั้งอยู่ใจกลางเมืองฮิโรชิม่า(Hiroshima)ที่สร้างขึ้นเพื่ออุทิศเป็นอนุสรณ์สถานให้กับการทิ้งระเบิดปรมาณูเมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 และพิพิธภัณฑ์ซึ่งประกอบไปด้วย 2 ส่วนหลักๆคือส่วนที่จะจัดแสดงเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของเมืองฮิโรชิม่า และอีกส่วนจะเกี่ยวกับการถูกทิ้งระเบิด ซึ่งจะมุ่งเน้นไปที่สิ่งที่เกิดขึ้นกับมนุษย์โดยละเอียด และเนื่องจากญี่ปุ่นเป็นเพียงประเทศเดียวในประวัติศาสตร์มนุษย์ที่เคยถูกทิ้งระเบิดนิวเคลีย จึงเป็นที่สนใจคนผู้คนทั่วโลกที่เดินทางมาที่นี่
33. วัดโทไดจิ(Todaiji)
ที่ตั้ง: เมืองนารา(Nara) ภูมิภาคคันไซ(Kansai)
วัดโทไดจิหรือวัดพระใหญ่แห่งเมืองนารา เป็นวัดพุทธที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงที่สุดของเมืองนารา มีอายุมากกว่า 1,300 ปี อีกทั้งอาคารวิหารหลักยังเป็นอาคารไม้ขนาดใหญ่ที่สุดในโลกด้วย โดยที่ภายในก็จะเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นอีกต่างหาก นอกจากนี้ที่ด้านหน้าประตูทางเข้าวัดจะมีกวางน้อยมารอกินอาหารอีกฝูงใหญ่เลยทีเดียว
34. คิบูเนะ(Kibune)
ที่ตั้ง: จังหวัดเกียวโต(Kyoto), ภูมิภาคคันไซ(Kansai)
คิบูเนะเป็นเมืองชนบทเล็กๆที่อยู่ในภูเขาทางตอนเหนือของเกียวโต มีชื่อเสียงด้านความงามตามธรรมชาติที่ผสานกับศิลปะและวัฒนธรรมของญี่ปุ่น โดยมีศาลเจ้าคิบูเนะที่มีชื่อเสียงตั้งอยู่ด้วย มีชื่อมาจากตำนานที่ว่าเทพเจ้าได้เดินทางจากเมืองโอซาก้าโดยใช้เรือสีเหลือง ล่องตามแม่น้ำขึ้นมาที่ภูเขาทางเหนือของเกียวโต และมาถึงปลายทางที่เมืองแห่งนี้ จึงเรียกตั้งชื่อเมืองตามตำนานว่า คิบูเนะ หรือ เรือสีเหลือง
35. ปราสาทนิโจ(Nijo Castle)
ที่ตั้ง: เมืองเกียวโต(Kyoto) ภูมิภาคคันไซ(Kansai)
ปราสาทนิโจเป็นปราสาทที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก(UNESCO) ที่จริงน่าจะเรียกว่าพระราชวังมากกว่า เพราะไม่ได้เป็นหอคอยแบบปราสาทอื่นๆของประเทศญี่ปุ่น ตั้งอยู่ใกล้กับใจกลางของเมืองเกียวโต ภายในมีการจัดแสดงห้องต่างๆของจักรพรรดิญี่ปุ่น รวมทั้งสวนสไตล์ญี่ปุ่นที่สวยงามให้ชมกันด้วย
36. พิพิธภัณฑ์ระเบิดปรมาณูนางาซากิ(Nagasaki Atomic Bomb Museum)
ที่ตั้ง: จังหวัดนางาซากิ(Nagasaki) ภูมิภาคคิวชู(Kyushu)
พิพิธภัณฑ์ระเบิดปรมาณูนางาซากิเป็นอีกหนึ่งแหล่งศึกษาเกี่ยวกับผลของสงครามและระเบิดนิวเคลีย มีการจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ และรูปถ่ายของสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนและหลังการถูกทิ้งระเบิดปรมาณู และด้วยความที่ประเทศญี่ปุ่นเป็นเพียงประเทศเดียวในโลกที่เคยถูกทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ทำให้เป็นที่สนใจของคนทั่วโลกไปด้วย
37. วัดซันจูซันเก็นโด หรือวัดเจ้าแม่กวนอิมพันมือ (Sanjusangendo Temple)
ที่ตั้ง: เมืองเกียวโต(Kyoto) ภูมิภาคคันไซ(Kansai)
วัดซันจูซันเก็นโดเป็นวัดเก่าแก่อายุกว่าพันปี อยู่ทางตะวันออกของเมืองเกียวโต ภายในวัดมีพระพุทธรูปของเจ้าแม่กวนอิมพันมือ ขนาดเท่าคนจริง จำนวนมากถึง 1001 องค์ตั้งวางเรียงรายอยู่ภายในวิหารที่เป็นอาคารไม้แบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น
38. ศาลเจ้าเมจิ จิงกู (Meiji-jingu Shrine)
ที่ตั้ง: ย่านฮาราจูกุ(Harajuku) เมืองโตเกียว(Tokyo) ภูมิภาคคันโต(Kanto)
ศาลเจ้าเมจิ จิงกูเป็นศาลเจ้าเก่าแก่ และมีชื่อเสียงมากที่สุดของเมืองโตเกียว อยู่ติดกับสถานีรถไฟฮาราจูกุ มีพื้นที่สวนล้อมรอบขนาดใหญ่เหมือนกับเป็นป่าใจกลางเมือง ว่ากันว่าภายในมีต้นไม้อยู่มากกว่า 1 แสนต้น ชาวเมืองโตเกียวจะนิยมมาไหว้พระขอพรกันที่ศาลเจ้าแห่งนี้ โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลต่างๆเช่น วันปีใหม่
39. งาน snow and ice festival sapporo
ที่ตั้ง: เมืองซัปโปโร เกาะฮอกไกโด
งานเทศกาลน้ำแข็งและหิมะที่เมืองซัปโปโร(Sapporo Yuki Matsuri) หรือ Supporo Snow Festival นับเป็นเทศกาลฤดูหนาวสุดปังประจำปีของเมืองซัปโปโรที่ดังมากๆ เรียกได้ว่าถ้าพูดถึงเทศกาลฤดูหนาวของญี่ปุ่นต้องนึกถึงงานนี้เป็นอันดับแรกๆเลยล่ะค่ะ อีกทั้งยังเป็นเทศกาลหิมะที่ยิ่งใหญ่มากที่สุดของญี่ปุ่นอีกด้วยนะคะ ซึ่งแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวญี่ปุ่นเองและชาวต่างชาติรวมกันกว่า 2 ล้านคนเชียวค่ะ โดยเทศกาลนี้ จะจัดขึ้นทุกๆปีในช่วงต้นของเดือนกุมภาพันธ์ กินระยะเวลาประมาณ 1 สัปดาห์ แต่ละปีเค้าจัดใหญ่จัดเต็มมากๆการมีธีมแตกต่างกันไปในทุกๆปียิ่งทำให้มีความน่าสนใจเข้าไปอีกค่ะ
40. เนินทรายต็อตโตริ Tottori Sand Dunes
ที่ตั้ง: เมืองต็อตโตริ ภูมิภาคชูโกกุ(Chukoku)
เนินทรายต็อตโตริ (Tottori Sand Dunes)ตั้งอยู่ห่างจากใจกลางเมืองต็อตโตริ (Tottori) ประมาณ 16 กิโลเมตร แถบๆเลียบชายฝั่งทะเลญี่ปุ่น(Sea of Japan) อยู่ในเขตของอุทยานแห่งชาติซานินไคกัน(Sanin Kaigan National Park) นับว่าเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กของเมืองต็อตโตริที่ไม่ว่าใครก็ห้ามเลยล่ะค่ะ ด้วยความที่เป็นเนินทรายที่มีขนาดใหญ่ มีความสูง50 เมตร และมีความกว้างถึง 2 กิโลเมตร ที่สำคัญชื่อเสียงของที่นี่นั้นโด่งดังระดับประเทศเลยนะคะ ด้วยความที่เนินทรายแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นมานับพันปี การก่อเกิดของเนินทรายแห่งนั้นเกิดจากการที่ทรายที่ใกล้แม่น้ำเซนไดกาวะ(Sendaigawa River) ถูกชะล้างออกไปสู่ทะเล แล้วกระแสน้ำในมหาสมุทรก็พัดพาไปอยู่ตามแนวชายฝั่ง แต่ตัวเนินทรายนี้จะไม่ได้มีภูมิทัศน์เหมือนเดิมทุกๆครั้งนะคะ เพราะกระแสน้ำและลมก็ยังพัดเข้าชายฝั่งอย่างต่อเนื่องทำให้เนินทรายมีภูมิทัศน์ที่เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ซึ่งก็เป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นไม่น้อยเพราะว่าคาดเดาไม่ได้นี่เองค่ะว่ามาแล้วจะเปลี่ยนไปอะไรไปบ้าง เรียกว่ามากี่ครั้งก็ไม่มีคำว่าน่าเบื่อแน่ๆ
41. ลานสกี Niseki
ที่ตั้ง: เมืองนิเซโกะ(Niseko) เกาะฮอกไกโด
ในเมืองนิเซโกะ(Niseko)มีชาวต่างชาติอาศัยอยู่และมาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะชาวออสเตรเลีย ร้านเช่าและขายอุปกรณ์สกีกว่า 80% ดำเนินการโดยชาวต่างชาติ นอกจากนี้ยังมีโรงเรียนนานาชาติ อพาร์ตเมนท์และซูเปอร์มาร์เก็ตที่วางขายสินค้านำเข้าสำหรับชาวต่างชาติโดยเฉพาะ และเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับชาวต่างชาติ บ่อน้ำแร่บางแห่งในเมืองนิเซโกะจึงอนุญาตให้ผู้มีรอยสักและผู้ที่ใส่ชุดว่ายน้ำลงแช่ได้ ซึ่งนับเป็นเรื่องแปลกในเมืองอื่นของประเทศญี่ปุ่น ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจในเมืองก็ใช้ภาษาอังกฤษมากขึ้น โดยจัดให้มีเจ้าหน้าที่ที่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ 3 คนประจำการตลอดเวลา เพื่อรองรับผู้มาติดต่อชาวต่างชาติ ที่คิดเป็น 80% ของจำนวนผู้มาติดต่อทั้งหมด เรียกได้ว่าเมืองนี้เป็นเมืองที่ การสื่อสารง่ายที่สุดเมืองหนึ่งของญี่ปุ่นเลยทีเดียว
42. พิพิธภัณท์สัตว์น้ำ โอซาก้า(Kaiyukan Osaka Aquarium)
ที่ตั้ง: เมืองโอซาก้า(Osaka) ภูมิภาคคันไซ(Kansai)
พิพิธภัณท์สัตว์น้ำ โอซาก้าเป็นหนึ่งในสวนสัตว์น้ำที่ดีที่สุดของประเทศญี่ปุ่นเหมาะกับการใช้เวลาดูสัตว์น้ำที่นี่ซักครึ่งวัน หรือถ้ามีความสนใจอยู่แล้ว อาจจะอยู่ได้เกือบทั้งวันเลยทีเดียว ภายในมีสิ่งที่น่าสนใจอยู่หลายอย่างโดยเฉพาะแท้งค์ยักษ์ที่มีฉลามวาฬอาศัยอยู่
43. เกาะร้างฮาชิมะ (Hashima Island, 軍艦島)
ที่ตั้ง: จังหวัด นางาซากิ(Nagasaki), ภูมิภาคคิวชู(Kyushu)
ถึงจะเป็นเกาะร้างแต่ก็มีชื่อเสียงและมีหนังดังๆหลายเรื่องมาถ่ายทำหรือใช้เป็นแรงบันดาลใจในหนัง เช่น 007 Skyfall
(2013) และ หนังผีไทย ฮาชิมะโปรเจค โดยได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดย UNESCO ด้วย สร้างขึ้นเพื่อเป็นเหมืองแร่ถ่านหินที่มีคนงานอยู่หลายหมื่นคนจนสร้างเมืองขึ้นมาบนเกาะแต่ถูกทิ้งร้างเอาไว้เมื่อเหมืองปิดตัวลงตั้งแต่ปี 1974
44. สวนชินจูกุเงียวเอน(Shinjuku Gyoen)
ที่ตั้ง: เมืองโตเกียว(Tokyo) ภูมิภาคคันโต(Kanto)
สวนชินจูกุเงียวเอนเป็นสวนสาธารณะที่มีขนาดใหญ่ที่ของเมืองโตเกียวตั้งอยู่ใจกลางเมืองย่านชินจูกุ มีชื่อเสียงที่สุดในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่จะมีดอกซากุระบานสะพรั่งเต็มสวน กลายเป็นหนึ่งในจุดชมซากุระยอดนิยมของชาวโตเกียว
45. ตลาดนิชิกิ (Nishiki Market)
ที่ตั้ง: ตัวเมืองเกียวโต(Kyoto) ภูมิภาคคันไซ(Kansai)
ตลาดนิชิกิเป็นตลาดที่รวมเอาอาหารหลากหลายประเภท ทั้งของสด และของหมักดองจนได้ชื่อว่าเป็นครัวหลักของเมืองเกียวโต เป็นตลาดที่คนท้องถิ่นจะมาแวะจับจ่ายใช้สอยกัน จึงอาจจะไม่มีร้านค้าเช่นของฝากของที่ระลึกมากนักแต่จะได้บรรยากาศของตลาดญี่ปุ่นอย่างแท้จริง
46. 8 บ่อนรก จิโกกุ Jigoku Meguri Beppu
ที่ตั้ง: เมืองเบปปุ(Beppu) ภูมิภาคคิวชู(Kyushu)
บ่อนรกหรือจิโกกุ (地獄, jigoku) ที่เบปปุ(Beppu)แหล่งออนเซนที่มีชื่อเสียงลำดับต้นๆของญี่ปุ่น เรียกได้ว่าถ้ามาเบปปุแล้วไม่มาล่ะก็เหมือนมาไม่ถึงเลยล่ะค่ะ เนื่องจากนับเป็นหนึ่งในจุดท่องเที่ยวหลักของเมืองเบบปุโดยหลักๆแล้วนั้นบ่อนรก จิโกกุมีอยู่ด้วยกันถึง 8 บ่อแต่ละบ่อล้วนแต่มีเอกลักษณ์ความพิเศษแตกต่างกันไปแนะนำว่ามาทั้งทีควรเดินชมให้ครบจะฟินสุดค่ะ
47. โซนมรดกโลก เมืองนิกโก้
ที่ตั้ง: จังหวัดโทชิกิ(Tochigi) ภูมิภาคคันโต(Kanto)
นิกโก้(Nikko)มีชื่อเสียงโด่งดังในเรื่องความสวยงามของวัดและศาลเจ้าต่างๆที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจาก UNESCO เช่น ศาลเจ้าโทโชกุ (Toshogu) และวัดรินโนจิ(Rinnoji) เพราะในอดีตนิกโก้เคยเป็นศูนย์กลางของศาสนาพุทธนิกายชินโต ทำให้มีศาลเจ้าและวัดที่สวยงามหลายแห่ง นอกจากนี้ยังมีธรรมชาติที่สวยงามที่อุทยานแห่งชาติโอคุนิกโก้(Okuniko) ที่มีทั้งภูเขาและทะเลสาบ โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ร่วง จะมีใบไม้เปลี่ยนสีมากมายตามหุบเขากลายเป็นสถานที่ชมใบไม้เปลี่ยนสียอดนิยมของคนญี่ปุ่นด้วย
48. โอเอะโดะออนเซ็น Ooedo Onsen Monogatari
ที่ตั้ง: จังหวัดโตเกียว ภูมิภาคคันโต(Kanto)
โอเอะโดะออนเซ็น(Ooedo Onsen Monogatari) ตั้งอยู่ในย่านโอไดบะ(Odaiba)ของเมืองโตเกียว(Tokyo) เรียกได้ว่าเป็นออนเซ็นรูปแบบที่น่าสนใจมากๆเลยนะคะ เพราะมีการผสมผสานระหว่างบ่อออนเซ็นรวมกับสวนสนุกอย่างลงตัว ทำให้ไม่ว่าอายุเท่าไหร่ก็มาเพลิดเพลินกับที่นี่ได้ไม่มีคำว่าน่าเบื่อเลยล่ะค่ะ สิ่งที่ถือได้ว่าเป็นเสน่ห์ก็ตรงมีการออกแบบตกแต่งให้มีบรรยากาศประหนึ่งหลุดเข้ามายังยุคสมัยเอโดะอย่างไรอย่างนั้น
49. ช่องเขาทาคาชิโฮ – Takachiho-kyo
ที่ตั้ง: เมืองมิยาซากิ(Miyazaki) ภูมิภาคคิวชู(Kyushu)
ช่องเขาทาคาชิโฮ (高千穂峡, Takachiho-kyō)ตั้งอยู่ไม่ไกลกับภูเขาไฟอะโซะ(Aso)ของเมืองทาคาชิโฮในจังหวัดมิยาซากิ โฮะ นับว่าเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีชื่อเสียงของจังหวัดมิยาซากิ(Miyazaki)เลยล่ะค่ะ ที่นี่มีอีกชื่อเรียกสั้นๆว่า “ทาคาชิโฮะ” โดยหุบเขาแห่งนี้ถือกำเนิดมาจากรอยแตกของภูเขาที่มีแม่น้ำโกคาเซะ(Gokase)ตัดผ่าน 2 ข้างจะเป็นหินสูงชันเหมือนหน้าผาที่เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟจนมีรูปร่างคดเคี้ยวคล้ายๆกับมังกรอย่างไงอย่างั้น ยังไม่หมดแค่นั้นนะคะด้านในยังมีน้ำตกสูงไหลผ่านอีกต่างหาก น้ำตกที่ว่านี้ชื่อว่า น้ำตกมินาอิโนทาคิ(Minainotaki) มีความสูงถึง 17 เมตร เมื่อไหลผ่านตัดหุบเขาช่วงน้ำไม่มากนักก็ยังไหลเอื่อยๆลงมาที่ธารน้ำสีน้ำเงินอมเขียว กับความเขียวขจีของแมกไม้และหินสีเทา
50. หาด Sunayama beach เกาะ Miyakojima, Okinawa
เกาะมิยาโกะ(Miyako Island) ห่างจากหมู่เกาะโอกินาว่าไปทางทิศใต้ประมาณ 300 กิโลเมตร และห่งจากหมู่เกาะยาเอยาม่าไปทางทิศเหนือประมาณ 100 กิโลเมตร แหล่งท่องเที่ยวที่รู้จักกันดีคือชายหาดที่งดงาม จุดหมายของนักดำน้ำดูปะการัง เนื่องจากคลื่นลมสงบตลอดทั้งปี
ชายหาดซูนายามะ(Sunayama Beach) มีทรายสีขาวละเอียดตัดกับน้ำทะเลสีฟ้าสดใส สามารถเดินจากลานจอดรถไปยังชายหาดได้ในระยะใกล้ๆ นับเป็นชายหาดอีกแห่งหนึ่งที่สวยงามของเกาะมิยาโกะ สิ่งอำนวยความสะดวกรอบๆ ได้แก่ ห้องอาบน้ำ และสุขา
ครบแล้วกับ 50 สถานที่ท่องเที่ยวสุดเจ๋งในประเทศญี่ปุ่น หวังว่าบทความนี้จะช่วยเป็นไอเดียให้กับหลายๆคนที่กำลังหาที่เที่ยวใหม่ๆกันอยู่ หรือถ้าใครเคยไปที่ไหนแล้ว อยากเพิ่มเข้าไปในลิสน์นี้ คอมเม้นมาแชร์กันได้เลยนะ