ศาลเจ้าอิซุโมะ ไทชะ Izumo Taisha
ศาลเจ้าอิซุโมะ ไทชะ(Izumo Taisha) ตั้งอยู่ในเมืองอิซุโมะ(Izumo) ในจังหวัดชิมะเนะ(Shimane) การเดินทางมาก็ไม่ยากเลยค่ะ เพราะสามารถนั่งรถไฟไปทางทิศตะวันตกของมัตสึเอะ(Matsue)เพียง 1 ชั่วโมงก็ถึงแล้ว ที่นี่นั้นแม้ว่าจะไม่มีการบันทึกอย่างแน่ชัดว่าสร้างขึ้นเมื่อใด แต่ถ้าได้จากการประมาณแล้วเชื่อว่าเป็นศาลเจ้าที่อยู่ในช่วงต้น 700 ปีก่อนคริสต์ศักราชนับๆแล้วนี่อายุเป็นพันกว่าปีเลยทีเดียวค่ะ โดยมีบทความพูดถึงศาลเจ้าแห่งนี้ในพงศาวดารและตำนานเรื่องเล่าของชาวญี่ปุ่นอีกด้วย ศาลเจ้าแห่งนี้จึงได้รับการยอมรับให้เป็นศาลเจ้าที่เก่าแก่และมีความสำคัญที่สุดในประเทศญี่ปุ่น สมัยก่อนโน้นเมืองอิซุโมะ ได้ถูกปกครองโดยตระกูลที่มีอิทธิพลในช่วงก่อนประวัติศาสตร์ ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นภูมิภาคที่มีบทบาทสำคัญในประเทศญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ จุดที่ทำให้ผู้คนล้วนมีความศรัทธาอันแรงกล้าต่อศาลเจ้านี้ส่วนสำคัญก็ตรงที่มีเทพเจ้าโอคุนินุซึโนะ โอคะมิ(Okuninushino Okami) ประดิษฐานอยู่นั่นเองล่ะค่ะ ซึ่งถ้าว่ากันตามตำนานแล้วนั้นมีการเล่าขานต่อๆกันมาว่า เทพโอคุนินุซึองค์นี้เป็นผู้ที่ผู้สร้างพื้นที่ประเทศญี่ปุ่น และปกครองโดยอิซุโมะ รวมทั้งยังเป็นเทพเจ้าของความสัมพันธ์ และการสมรสอันดี แน่นอนว่าคนนี่มาสักการะขอพรแต่ละปีอย่างแน่น แล้วการขอพรนี่ก็มีขั้นตอนของเค้านะคะ บอกเลยว่าควรทำให้ถูกต้องไม่งั้นอาจไม่ได้ตามที่ขอนะเออ ขั้นตอนนั่นก็คือ การปรบมือ 4 ครั้ง แทนการปรบมือธรรมดา2 ครั้ง ความหมายคือ 2 ครั้งสำหรับตนเอง และอีก 2 ครั้งสำหรับคนรักของตน หรือคนที่ตนกำลังแอบรัก
จากการที่สร้างมานานนี่เองที่ทำให้เริ่มมีความชำรุดทรุดโทรมไปบ้าง หากช่วงปีค.ศ.1744 ศาลเจ้าอิซุโมะ ไทชะ ก็ได้รับบูรณะใหม่เหมือนกับศาลเจ้าไอเซะ(Ise Shrines) และนั่นก็จุดที่เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงด้านพิธีการสำคัญตามประเพณีเต็มรูปแบบของศาลเจ้าที่เปลี่ยนมาจักขึ้นทุกๆ 60 ปีเท่านั้น โดยการบูรณะครั้งล่าสุดที่ผ่านมาคือ ปี 2008 และเสร็จสมบูรณ์ในฤดูใบไม้ผลิของปี 2013 และการปรับปรุงอาคารจูกุชะจะยังคงอยู่ในช่วงซ่อมแซมจนถึงเดือนมีนาคม 2016 อีกช่วงหนึ่งที่นับว่ามีความสำคัญก็คือในทุกๆปี วันที่ 10-17 ของเดือน 10 ตามปฎิทินจันทรคติที่มักจะตรงกับเดือนพฤศจิกายนนี่ล่ะค่ะ จะมีการรวมตัวกันของ เทพเจ้าชินโตทั้ง 8 ล้านองค์ทั่วแผ่นดินที่ศาลเจ้าแห่งนี้ เนื่องจากญี่ปุ่นนั้นเชื่อว่าเดือน10 ตามปฎิทินจันทรคติ เป็นเดือนแห่งเทพ (Kamiarizuki “month with deities”) และเดือนที่เหลือ เป็นเดือนที่ปราศจากเทพ (Kannazuki “month without deities”) ตามประเพณีคามิอะริ(Kamiari) อีกทั้งยังจะมีการจัดเทศกาลขึ้นที่ศาลเจ้าในช่วงเดือนแห่งเทพ บอกเลยว่าใครมาช่วงนี้นี่พีคมากๆเลยทีเดียวค่ะ
เมื่อเดินเข้ามาสู่บริเวณศาลเจ้าแล้วสิ่งแรกที่จะเห็นตั้งแต่หน้าประตูทางเข้าเลยก็จะเป็นประตูยักษ์โทริ(Giant Torii) ไปตามถนนช้อปปิ้งที่เรียงรายไปด้วยร้านค้าและร้านอาหาร สุดปลายทางถนนจะพบประตูไม้โทริ ซึ่งเป็นทางเข้าบริเวณศาลเจ้า เริ่มมาก็อย่างชิลแล้วเพราะจะเดินแวะนั่นชิมนี่ได้แบบสบายๆบรรยากาศดีงามมากๆ พอถัดไปเมื่อเข้าไปด้านในแล้วเดินต่อไปทางทิศเหนือมีเนินให้ลงแบบเบาๆ12 เมตร ก็จะถึงจุดที่เรียกว่าถึงมัตสุ โน ซันโด(Matsu no Sando) ที่แบ่งออกเป็น 3 เลน ด้วยต้นสนเรียงกัน 2 แถว ซึ่งตรงนี้ระวังกันนิดนึงนะคะเพราะจะมีกฎนิดหน่อยว่าจะต้องเดินเว้นเลนกลางไว้ เนื่องจากเค้าเชื่อกันว่าเลนตรงกลางเนี่ยเป็นเส้นทางสำหรับเทพเจ้าเท่านั้น พอผ่านต้นสนมาปุ๊บก็จะพบกับประตูโทริสีบรอนซ์ จริงๆแล้วตรงบริเวณนี้นี่แหล่ะค่ะที่ถือเป็นเขตพื้นที่ศาลเจ้า โดยเข้ามาแล้วเราจะสัมผัสได้ถึงความเป็นท้องถิ่นอย่างเห็นได้ชัด จากโครงสร้างไม้ผูกด้วยเชือกศักดิ์สิทธิ์(Shimenawa) บ่งบอกถึงการปรากฏตัวของเทพเจ้า และพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะในแถบอิซุโมะเท่านั้น
บอกเลยว่าศาลเจ้าแห่งนี้มีจุดน่าสนใจมากมายให้หลายคนได้เข้าไปค้นหาและสัมผัสกัน ไม่ว่าจะเป็น หลังห้องโถงบูชา คือห้องโถงหลัก(Honden) ที่มีความสูง 24 เมตร นับเป็นอาคารที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น โครงสร้างปัจจุบันสร้างขึ้นเมื่อปี 1744 ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมเรียกว่า ไทชะ ซุกูริ(Taisha-zukuri) ซึ่งมาจากพุทธศาสนาที่เข้ามาสู่ประเทศญี่ปุ่น โดยเราสามารถเห็นได้ชัดผ่านสถาปัตยกรรม ห้องโถงใหญ่ และศาลเจ้าเล็กๆ ในส่วนตรงนี้จะถูกล้อมรอบด้วยรั้ว 2 ชั้น ซึ่งเป็นเขตรักษาพันธุ์ไม้ ที่ไม่เปิดให้ประชาชนเข้าชมนะคะ หากไม่ต้องเสียดายกันไปเพราะยังสามารถเดินชมไปรอบๆรั้วด้านนอกได้อยู่ อีกทั้งยังมีโครงสร้างอาคารที่ทำด้วยไม้ยาวขนาบสองข้างของสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เรียกว่า จูกุชะ(Jukusha) เป็นที่พักของเหล่าเทพเจ้าทั้ง 8 ล้านองค์ที่มารวมตัวกันในทุกๆปี และสุดท้ายท้ายสุดส่วนของมุมทิศตะวันออกเฉียงใต้ของบริเวณศาลเจ้า เป็นที่ตั้งของห้องโถงสมบัติ(Treasure Hall) ที่นี่นั้นบอกเลยว่าถือเป็นไฮไลท์เลยล่ะค่ะ เพราะได้มีการจัดแสดงภาพวาด เอกสาร และภาชนะที่ตกแต่งอย่างหรูหรา เสียดายอยู่บ้างตรงไม่มีข้อมูลคำอธิบายภาษาอังกฤษให้แก่ชาวต่างชาติ แต่เอาจริงๆแล้วแค่ได้เห็นของที่มาจัดแสดงนี่ก็คุ้มแล้วนะคะ และถ้ายังไหวกันอยู่ก็สามารถเดดินมายังส่วนทางทิศตะวันออก จะเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์โบราณของอิซุโมะชิมาเนะ(Shimane Museum of Ancient Izumo) ซึ่งให้ความรู้เกี่ยวกับศาลเจ้าและเมืองอิซุโมะแบบเจาะลึก เรียกได้ว่าศาลเจ้าอิซุโมะ ไทชะเป็นศาลเจ้าที่มีไม่ควรพลาดอย่างแรงเลยทีเดียวค่ะ
รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเข้าชม
ห้องโถงสมบัติ(Treasure Hall)
การเข้าชม
ค่าใช้จ่าย:300 เยน
เวลาเปิด-ปิด:8:30-16:30
วันปิดทำการ: เปิดทุกวัน
การเข้าชม
เข้าชมฟรีแต่บางสถานที่ต้องเสียค่าเข้า
6:00 น. - 20:00 น. (มีนาคม - ตุลาคม)
6:30 น. - 20:00 น. (พฤศจิกายน - กุมภาพันธ์)
ไม่มีวันหยุด
วิธีการเดินทาง
เดินทางจากสถานีอิซุโมะซึ (Izumoshi Station)
โดยสารรถไฟ สายอิชิบาตะ(Ichibata Railways) ใช้เวลา 20 นาที ค่าใช้จ่าย 490 เยน โดยจะต้องเปลี่ยนรถไฟที่สถานีคาวะโตะ(Kawato Station) แล้วเดินต่ออีก 5 นาที จากสถานีปลายทางสถานีอิซุโมะซึ (Izumoshi Station)
หรือโดยสารรถบัสหมายเลข 1 ที่หน้าสถานีอิซุโมะซึ (Izumoshi Station) บัสออกทุกๆ 30 นาที ใช้เวลา 25 นาที ค่าใช้จ่าย 520 สำหรับเที่ยวเดียว
เดินทางจากมัตซึเอะ(Matsue)
จากมัตสึเอะนั่งรถไฟมาลงที่ อิชิบาตะ(Ichibata Railways)
รถไฟจะออกจากสถานี Matsue Shinjiko Onsen Station แล้วเปลี่ยนรถไฟที่สถานีคาวาโตะ(Kawato Station)ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ค่าใช้จ่าย 810 เยน หรืออาจจะซื้อ 1 day pass ของรถไฟอิชิบาตะ ราคา 1,500 เยน ซึ่งถูกกว่าซื้อแยกไปกลับ
หรือ จะโดยสารรถไฟ JR จากสถานีมัตสึเอะ(Matsue) ลงที่สถานีอิซุโมะชิ(Izumoshi Station) ใช้เวลา 25-40 นาที