เที่ยวง่ายๆจาก คิวชู ฟุกุโอกะ ถึง คันไซ โอซาก้า เกียวโต ต้องพาสนี้เลย JR Sanyo San’in Pass 2567

jr-sanyo-sanin-pass


อัพเดตล่าสุดเมื่อ 23 ตุลาคม 2567

 

ถ้าใครกำลังมองหาที่เที่ยวที่ไม่ค่อยมีคนไปเยอะ ภูมิภาคซันอิน (San’in) ของญี่ปุ่นอาจเป็นคำตอบ ที่นี่เต็มไปด้วยธรรมชาติสวยๆ วัฒนธรรมดั้งเดิม และประวัติศาสตร์สำคัญ คู่มือนี้จะพาไปทำความรู้จักกับ JR Sanyo San’in Pass ที่จะช่วยให้เราสำรวจภูมิภาคนี้ได้อย่างง่ายดาย

 

 

 

รู้จักภูมิภาคซันโย และ ซันอิน

เส้นทางรถไฟของตั๋วรถไฟเจอาร์แถบซันโยซันอิน Sanyo San’in

ขบวนรถไฟ Hello Kitty Shinkansen เป็นหนึ่งในขบวนรถที่วิ่งในเส้นทาง Sanyo-line ระหว่าง Hakata กับ Shin-Osaka

ภูมิภาคซันโย (Sanyo) ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเกาะฮอนชู (Honshu) ของญี่ปุ่น ครอบคลุมตั้งแต่ Yamaguchi, Hiroshima, Okayama  เรียบชายฝั่งทางทิศใต้ มีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญระดับโลกหลายแห่ง เช่น เมือง Hiroshima ที่มีสวน Peach Park, เมือง Himeji ที่มีปราสาทชื่อดัง Himeji เป็นต้น

ภูมิภาคซันอิน (San’in) ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเกาะฮอนชู (Honshu) ของญี่ปุ่น ครอบคลุมจังหวัดทตโตริ (Tottori), ชิมาเนะ (Shimane) และบางส่วนของจังหวัดยามากุจิ (Yamaguchi) ภูมิภาคนี้มีชื่อเสียงเรื่องธรรมชาติที่งดงาม เช่น ชายฝั่งทะเล และสถานที่ประวัติศาสตร์ อย่างเช่น ศาลเจ้าอิซึโมะ (Izumo Taisha) และเนินทรายทตโตริ (Tottori Sand Dunes)

ทั้งสองภูมิภาคนี้ โดยเฉพาะภูมิภาคซันอิน จะค่อนข้างเงียบสงบกว่าที่อื่นๆในญี่ปุ่น แต่ก็เดินทางได้ไม่ยากเพราะมีรถไฟความเร็วสูงวิ่งผ่านทางตอนใต้หรือสาย Sanyo line ที่วิ่งตั้งแต่ Osaka ไปจนถึง Fukuoka เลย ทำให้การเดินทางไปแต่ละเมืองค่อนข้างสะดวกและใช้เวลาไม่นาน จากที่เราได้ไปมาก็คือไม่ต้องจองที่นั่งรถไฟเลย เพราะรถไฟส่วนใหญ่ค่อนข้างโล่งโดยเฉพาะตอนเช้า

 

 

 

 

รู้จักพาส JR Sanyo San’in Pass คืออะไร?

Photo from https://www.westjr.co.jp/

JR Sanyo San’in Pass เป็นบัตรรถไฟพิเศษที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ สามารถใช้เดินทางได้ไม่จำกัดบนรถไฟ JR ในภูมิภาค Sanyo และ San in มีระยะเวลา 7 วัน ติดต่อกัน

จุดเด่นของบัตรนี้:

  • เดินทางได้ไม่จำกัด: ใช้ได้ 7 วันติดต่อกัน
  • พื้นที่ครอบคลุม: ครอบคลุมเส้นทางรถไฟสายหลักของ JR ในภูมิภาคหลากหลายเมือง รวมถึงเส้นทางสำคัญจากเกียวโต (Kyoto) ถึงทตโตริ (Tottori), มัตสึเอะ (Matsue), อิซึโมะ (Izumo), ยามากุจิ (Yamaguchi) และ ฟุกุโอกะ(Fukuoka)
  • ความยืดหยุ่น: เราสามารถขึ้นลงรถไฟ JR ได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการซื้อตั๋วเป็นเที่ยวๆและถ้าทางเดินเยอะก็จะยิ่งคุ้มค่ามาก

บัตรนี้จึงเหมาะสำหรับคนที่ วางแผนท่องเที่ยวข้ามเมืองไปเรื่อยๆตามโซนของ 2 ภูมิภาคนี้

 

▌ดูรีวิวและราคาโปรโมชั่น พาส JR Sanyo Sanin Area Pass

 

 

 

 

8 เมืองใหญ่ที่บัตรครอบคลุม และสถานที่ยอดนิยม

JR Sanyo San’in Pass ไม่เพียงครอบคลุมเส้นทางชนบทของภูมิภาคซันอิน แต่ยังรวมถึงเมืองใหญ่ที่รถไฟ Shinkansen ผ่าน ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นและแวะพักของการเดินทางไปยังภูมิภาคนี้ด้วย มาดู 8 เมืองใหญ่ที่มีชินคันเซนสาย Sanyo line วิ่งผ่านกัน

 

1. ฟุกุโอกะ (Fukuoka)

ฟุกุโอกะเป็นเมืองใหญ่ที่สุดในภูมิภาคคิวชู (Kyushu) และเป็นจุดเริ่มต้นยอดนิยมสำหรับการเดินทางไปยังภูมิภาคซันอิน

  • Canal City Hakata: แหล่งช้อปปิ้งและบันเทิงขนาดใหญ่ มีร้านค้า ร้านอาหาร และโรงภาพยนตร์
  • สวนโอฮอริ (Ohori Park): สวนสาธารณะกลางเมืองที่เหมาะกับการเดินเล่นหรือพายเรือในทะเลสาบ
  • Fukuoka Tower: หอคอยสัญลักษณ์ของเมืองที่สามารถมองเห็นวิวเมืองฟุกุโอกะได้รอบด้าน
  • Hakata Ramen: ฟุกุโอกะคือบ้านเกิดของราเมนซุปกระดูกหมู รสชาติที่ต้องลอง

 

 

2. ฮิโรชิมะ (Hiroshima)

ฮิโรชิมะเป็นเมืองที่มีทั้งประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมผสมกันลงตัว

  • Hiroshima Peace Memorial Park: สถานที่ระลึกถึงเหตุการณ์ทิ้งระเบิดปรมาณูในสงครามโลกครั้งที่ 2
  • ศาลเจ้าอิทสึคุชิมะ (Itsukushima Shrine): ศาลเจ้าที่มีโทริอิกลางน้ำชื่อดังบนเกาะมิยาจิมะ (Miyajima)
  • ปราสาทฮิโรชิมะ (Hiroshima Castle): ปราสาทเก่าแก่ที่ถูกสร้างขึ้นใหม่หลังสงคราม มีวิวสวยๆ ของเมืองให้ชม

3. ฟุกุยามะ (Fukuyama)

เมืองฟุกุยามะตั้งอยู่ในจังหวัดฮิโรชิมะ เป็นจุดแวะพักที่น่าสนใจระหว่างทางไปภูมิภาคซันอิน

  • ปราสาทฟุกุยามะ (Fukuyama Castle): ปราสาทที่ตั้งอยู่ข้างสถานีรถไฟฟุกุยามะ เป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ซามูไร
  • ท่าเรือโทโมะโนะอุระ (Tomonoura): เมืองท่าที่สวยงามและเงียบสงบ เหมาะกับการเดินเล่นชมวิว

4. โอกายามะ (Okayama)

โอกายามะเป็นศูนย์กลางการเดินทางที่เชื่อมต่อระหว่างภูมิภาคซันอินและซันโย (Sanyo)

  • สวนโคระคุเอ็น (Korakuen Garden): หนึ่งในสามสวนที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น มีทิวทัศน์ที่เปลี่ยนไปตามฤดูกาล
  • ปราสาทโอกายามะ (Okayama Castle): ปราสาทสีดำที่เรียกว่า “ปราสาทอีกา” มีวิวสวยๆ ของสวนโคระคุเอ็น
  • ศาลเจ้าคิบิทสึ (Kibitsu Shrine): ศาลเจ้าที่เชื่อมโยงกับตำนานโมโมทาโร่

5. ฮิเมจิ (Himeji)

เมืองฮิเมจิเป็นที่ตั้งของ ปราสาทฮิเมจิ ซึ่งเป็นปราสาทที่สวยและสมบูรณ์ที่สุดของญี่ปุ่น

  • ปราสาทฮิเมจิ (Himeji Castle): ปราสาทสีขาวที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก
  • สวนโคโคเอ็น (Koko-en Garden): สวนญี่ปุ่นดั้งเดิมใกล้ปราสาทฮิเมจิ ที่มีบ่อน้ำและศาลาน้ำชา

6. โกเบ (Kobe)

โกเบเป็นเมืองท่าที่เต็มไปด้วยอิทธิพลจากนานาชาติ มีทั้งอาหารอร่อย และสถานที่ท่องเที่ยวที่หลากหลาย

  • Kobe Harborland: ย่านริมฝั่งที่เต็มไปด้วยร้านอาหารและแหล่งบันเทิง
  • เนื้อโกเบ (Kobe Beef): เนื้อวัวชั้นดีระดับโลกที่ต้องลองเมื่อมาเยือนโกเบ
  • อาริมะออนเซ็น (Arima Onsen): แหล่งน้ำพุร้อนที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น
  • คิตาโนะโจ (Kitano-cho): ย่านที่เคยเป็นที่อยู่อาศัยของชาวต่างชาติในยุคศตวรรษที่ 19 มีบ้านสไตล์ตะวันตกให้เยี่ยมชม

 

 

 

7. โอซาก้า (Osaka)

โอซาก้าเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา อาหารอร่อย และแหล่งช้อปปิ้งมากมาย

drn-studio/shutterstock.com

/shutterstock.com

  • ปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle): ปราสาทสำคัญของญี่ปุ่นที่มีพิพิธภัณฑ์ด้านในและจุดชมวิวด้านบน
  • โดทงโบริ (Dotonbori): ย่านบันเทิงและอาหารชื่อดังที่เต็มไปด้วยแสงไฟนีออนและอาหารสตรีทฟู้ด
  • Universal Studios Japan: สวนสนุกชื่อดังที่มีเครื่องเล่นและการแสดงจากภาพยนตร์ชื่อดังระดับโลก
  • ชินเซไก (Shinsekai): ย่านเก่าที่มีอาหารท้องถิ่นอย่างคุชิคัตสึ (ของทอดเสียบไม้) ที่ห้ามพลาด

 

 

 

8. เกียวโต (Kyoto)

เกียวโตเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมดั้งเดิมของญี่ปุ่น และเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญสำหรับการเดินทางไปภูมิภาคซันอิน

  • วัดคินคะคุจิ (Kinkaku-ji): วัดทองที่มีสวนสวยและบ่อน้ำใส
  • ศาลเจ้าฟุชิมิอินาริ (Fushimi Inari Shrine): ศาลเจ้าที่มีประตูโทริอิสีแดงนับพันที่เรียงรายขึ้นภูเขาอินาริ
  • ป่าไผ่อาราชิยามะ (Arashiyama Bamboo Forest): ป่าไผ่ที่สวยงามและเงียบสงบ
  • ปราสาทนิโจ (Nijo Castle): ปราสาทที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก

 

 

 

ราคาและสถานที่ซื้อบัตร JR Sanyo San’in Pass

บัตร JR Sanyo San’in Pass มีหลายระยะเวลาให้เลือกตามแผนการเดินทางของเรา ทำให้เรามีความยืดหยุ่นในการวางแผนเที่ยว

ราคา:

  • บัตร 7 วัน: ประมาณ ¥23,000

เมื่อเทียบกับการซื้อตั๋วแบบแยกเป็นเที่ยวๆ นอกจากจะสะดวกกว่ามากแล้ว การใช้บัตรนี้จะช่วยประหยัดเงินได้ถ้าเราวางแผนเดินทางไปหลายๆเมือง

สถานที่ซื้อ:

แนะนำให้ซื้อผ่านตัวแทน เช่น Klook เพราะมักจะมีส่วนลดและโปรโมชั่นเป็นประจำ

 

 

JR Sanyo San’in Pass คุ้มค่าแค่ไหน

เปรียบเทียบราคาบัตร JR Sanyo San’in Pass กับค่าตั๋ว Shinkansen สำหรับการเดินทางจากฟุกุโอกะถึงเกียวโต โดยแวะ 5 จุดและพักค้างคืน

เราจะลองเปรียบเทียบราคาสำหรับการเดินทางโดย Shinkansen ระหว่างสถานีใหญ่ๆ เริ่มจากฟุกุโอกะไปเกียวโต พร้อมแวะพัก 1 คืนในแต่ละเมืองที่แนะนำ ได้แก่ ฮิโรชิมะ, ฟุกุยามะ, โอกายามะ, ฮิเมจิโอซาก้า และเกียวโต ซึ่งเป็นเส้นทางยอดนิยมบน Shinkansen ที่บัตร JR Sanyo San’in Pass สามารถใช้เดินทางได้ด้วย แต่เราจะมาดูกันว่าการซื้อตั๋วแยกสำหรับแต่ละเส้นทางจะมีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่

ราคา Shinkansen ระหว่างสถานี (ตั๋วเที่ยวเดียวแบบธรรมดา):

  1. ฟุกุโอกะ (สถานีฮากาตะ) → ฮิโรชิมะ: ¥6,260
  2. ฮิโรชิมะ → ฟุกุยามะ: ¥4,840
  3. ฟุกุยามะ → โอกายามะ: ¥3,400
  4. โอกายามะ → ฮิเมจิ: ¥3,930
  5. ฮิเมจิ → โอซาก้า: ¥3930
  6. โอซาก้า → เกียวโต: ¥2880
  7. เกียวโต → สนามบินคันไซ : ¥3440

รวมราคาตั๋ว Shinkansen ทั้งหมด: ¥28,680

ราคา JR Sanyo San’in Pass:

  • บัตร 7 วัน: ¥23,000

การเปรียบเทียบ:

  • ถ้าเราใช้บัตร JR Sanyo San’in Pass แบบ 7 วัน ในการเดินทางนี้ เราจะจ่าย  ¥15,000 เท่านั้น ซึ่งถูกกว่ามากเมื่อเทียบกับการซื้อตั๋ว Shinkansen แยกเป็นเที่ยวๆ ที่ราคาทั้งหมดจะอยู่ที่ ¥28,680 ซึ่งนอกจากจะคุ้มค่าแล้ว เรายังไม่ต้องมาคอยซื้อตั๋วล่วงหน้าตลอดเวลา เราแค่ใช้ pass เราก็เข้าได้เลยแล้วไปขึ้นขบวนรถแบบ non-reserve ก็ได้ หรือถ้าเราเที่ยวแบบ เช้าไปเย็นกลับ แทนที่จะเป็นการย้ายที่พักทุกคืนไปเรื่อยๆ ค่าชินคันเซนจะยิ่งเยอะกว่านี้ไปอีกเป็นเท่าตัวเพราะเราต้องนั่งไปและกลับซึ่งก็สามารถทำได้สบายๆ เพราะแต่ละเมืองอยู่ห่างกันแค่ 30-60 นาทีโดยชินคันเซนเท่านั้นเอง เช่น นอนที่ Hiroshima 3 คืน แล้วก็ Osaka ต่ออีก 3 คืน ก็สบายๆ

 

 

 

วิธีการซื้อบัตรพาส JR Sanyo-San’in Area Pass ที่ Klook

 

▌1. เข้าไปที่หน้าเว็บของ Klook

 

 

 

 

▌2. เลือกแพ็กเกจที่ต้องการ

 

 

 

▌3. เลือกจำนวนบัตรของผู้ใหญ่และเด็ก และกดปุ่ม “จองตอนนี้”

 

 

 

▌4. กรอกข้อมูลให้ครบถ้วน

กรอกข้อมูลให้ครบถ้วน เช่น ชื่อ นามสกุล ประเทศ เบอร์ติดต่อ อีเมล์  จากนั้นกดปุ่ม “ไปหน้าชำระเงิน”

 

 

 

▌5. เลือกวิธีการชำระเงิน

ในขั้นตอนนี้สามารถเลือกได้ว่าต้องการชำระเงินแบบไหน มีทั้งหมด 4 แบบด้วยกัน คือ บัตรเครดิต, Truemoney, Mobile Banking และ Paypal  หลังจากเลือกเสร็จแล้วให้กดปุ่ม “ชำระเงินตอนนี้”  จากนั้นก็ทำตามขั้นตอนของการชำระเงินที่เลือกจนเสร็จ

 

 

 

▌6. อีเมล์ยืนยันการสั่งซื้อ

หลังจากชำระเงินเรียบร้อยแล้ว ก็จะได้รับอีเมล์ยืนยันการสั่งซื้อ สามารถนำ Voucher ที่ได้รีบทางอีเมล์ไปแลกตั๋วที่ญี่ปุ่นได้เลย

 

 

 

 

 

▌ดูรีวิวและราคาโปรโมชั่น ใครสนใจลองกดเข้าไปดูรายละเอียดกันได้เลย
   
   

 

>>> แนะนำ โรงแรมที่พัก เด็ด ทั่วเมืองเกียวโต อัพเดตล่าสุด <<<

แนะนำ โรงแรมที่พัก เด็ด ทั่วเมืองเกียวโต อัพเดตล่าสุด

   

▌ข้อมูลเตรียมตัวเที่ยวเกียวโตที่ต้องรู้

   
Exit mobile version