รวมที่เที่ยวน่าไปในซากะ จังหวัดติดทะเล ที่ต้องไปตามรอยซักครั้ง 2567
ซากะ(Saga)เป็นจังหวัดที่อยู่ติดกับจังหวัดฟุกุโอกะ สามารถเดินทางโดยรถยนส่วนตัวใช้เวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมงครึ่งหรือ 2 ชั่วโมง เป็นจังหวัดติดทะเลที่มีชื่อเสียงด้านเครื่องเคลือบดินเผา และอาหารทะเลสดๆครับ รวมทั้งคนไทยหลากคนน่าจะคุ้นหูกันดี เพราะเป็นจุดถ่ายละครดังเรื่องหนึ่งของไทยด้วย นั่นก็คือ Stay Saga ของหนุ่มซันนี่จากค่าย GDH นั่นเอง
1. ตลาดปลา Yobuko
ตลาดเช้าโยบุโกะนี้มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานมากถึง 130 ปีเลยทีเดียว เป็นตลาดที่มีชื่อเสียงในเรื่องของอาหารทะเลที่สดใหม่ โดยเฉพาะปลาหมึก ที่เป็นปลาหมึกซาชิมิจากปลาหมึกกล้วยครับ ที่ตลาดปลาโยบุโกะสามารถท่องเที่ยวได้ตลอดปี เปิดตั้งแต่เช้าตรู่จนไปถึงเที่ยง ช่วงวันไหนที่หนาวหรือว่าอากาศเย็นเกินไปก็อาจจะมีปลาหมึกที่ออกมาให้จับน้อย แต่ที่ตลาดนี้ก็ไม่ได้มีแค่ปลาหมึกอย่างเดียวนะจะมีหอยคล้ายๆหอยสังข์วางขายอยู่ด้วยนะครับ รวมไปถึงผลิตภัณฑ์แปรรูปจากทะเลต่างๆเช่นปลาหมึกบดปลาหมึกตากแห้งปลาตากแห้ง และอีกสิ่งหนึ่งที่พลาดไม่ได้เลยก็คือขนมจีบปลาหมึกครับ โดยจะมีสองแบบคือแบบนึ่งและแบบทอด ซึ่งอร่อยทั้งสองอย่าง แนะนำว่าถ้ามาแล้วอยากจะมาให้ถึงตลาดโยบุโกะต้องลองปลาหมึกและขนมจีบปลาหมึกให้ครบนะครับ
อีกเมนูหนึ่งที่แนะนำให้ไปลองนะครับก็คือ ขนมเซมเบ้ปลาหมึก ซึ่งพิเศษมากๆเพราะเขาจะทำเซมเบ้สดๆตรงนั้นเลยแล้วก็เอาปลาหมึกกล้วยทั้งตัวลงไปอัดพร้อมกับเมเป้เลยทำให้เต็มที่ได้ออกมามีขนาดใหญ่บ้านเสร็จปุ๊บเนี่ยเขาก็จะฉีดโชยุเลยทำให้ขนมเซมเบ้ที่ได้นั้นค่อนข้างที่จะมีรสเค็มนิดๆแล้วก็มีรถมันของปลาหมึกหน่อยๆอร่อยไปอีกแบบครับ
2. แหลมฮาโดะ Hodomisaki
อยู่ห่างจากตลาดปลาโยบุโกะแค่ประมาณ 10 นาทีจะเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่คู่รักนิยมมา ที่นี่ชื่อว่าแหลมฮาโดะ 波戸岬 หรือภาษาญี่ปุ่นเรียกว่าฮาโดะมิซากิ ที่นี่เป็นสวนสาธารณะที่อยู่ตรงแหลมริมทะเล เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจที่ดีครับ โดยที่แหลมนี้จะมีแท่นไว้สำหรับลงไปดูพันธุ์ปลาชนิดต่างๆใต้น้ำแสดงให้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ของจังหวัดซากะ เรียกว่าเป็นอควาเรี่ยมธรรมชาติเลยก็ได้ โดยเมื่อลงไปแล้วจะเห็นปลานาชนิดเลยครับ
สำหรับค่าเข้าชมแท่นดูปลาริมทะเลนะครับ ผู้ใหญ่ราคา 550 เยนส่วนเด็กราคา 270 เยนเปิดทำการทุกวันตั้งแต่ 9:00 น ถึง 18:00 น ครับ
3. อาริตะ เมืองแห่งเซรามิค
อาริตะแกลอรี่ ร้านเครื่องปั้นดินเผาและแกลอรี่ครับ อยู่ภายในเมืองอาริตะแห่งนี้ ซึ่งมีของขึ้นชื่อคือเครื่องปั้นดินเผา โดยที่แกลอรี่แห่งนี้จะมีโซนคาเฟ่เล็กๆ ที่มี gimmick เล็กๆที่ว่าพอเราเข้าไปปุ๊บ จะถูกห้อมล้อมไปด้วยอุปกรณ์เครื่องปั้นดินเผามากมาย ซึ่งประมาณ 90% จากทั้งหมดนั้นคือแก้วครับ โดย Cafe นี้เราสามารถสั่งเครื่องดื่มแล้วก็หยิบแก้วที่เรียงรายล้อมพวกเราไปให้พนักงานแล้วพนักงานก็จะชงเครื่องดื่มใส่ในแก้วที่เราเลือกไว้ นอกจากนั้นแล้วถ้าใครถูกใจในเครื่องปั้นดินเผาทางร้านก็มีวางจำหน่ายไว้ในโซนข้างๆกันครับ
ในร้านอาหาร คาเฟ่ต่างๆช่วงนี้ ก็จะมีมาตรการป้องกันโควิด อย่างที่นี่ก็ใช้แผ่นเคลือบโต๊ะที่ทำให้เชื้อโรคไม่สามารถเกาะอยู่กับที่โต๊ะได้ ทำความสะอาดได้ง่าย
4. ศาลเจ้าทาคาโอะ Takeo Shrine
ศาลเจ้าทาเคโอะ ตั้งอยู่ภายในเมืองออนเซนทาเคโอะชื่อดังของจังหวัดซากะ มีออนเซ็นให้เลือกมากมาย จากประวัติที่ยาวนานกว่า 1,300 ปีเลยทีเดียว ซึ่งภายในศาลเจ้าจะมีต้นไม้ยักษ์ที่เชื่อกันว่าเกิดจากต้นไม้หลายๆต้น โตข้างๆกันแล้วก็ผูกพันหลอมรวมกันจนกลายเป็นต้นไม้ใหญ่ต้นเดียว จึงทำให้ศาลเจ้านี้โดดเด่นในเรื่องการขอพรความรักความผูกพัน ถ้าใครมาที่นี่ก็แนะนำครับตอนแรกผมก็ไม่ได้จินตนาการว่าต้นไม้จะใหญ่ขนาดนี้แต่พอเห็นกับตาแล้วก็รู้สึกว่าว้าว มันใหญ่จริงๆ และเนื่องจากช่วงที่เราออกเดินทางกันนั้นเป็นช่วงที่ภูมิภาคคิวชูอุณหภูมิลดต่ำแล้วก็มีหิมะตกจึงทำให้ภาพที่ออกมานั้นเป็นภาพที่ได้ว่า 10 ปีมีครั้งหนึ่งก็ว่าได้กับภาพต้นไม้ยักษ์ที่มีหิมะกองอยู่บนกิ่ง
5. ห้องสมุดประจำเมืองทาเคโอะ
หรือจะเรียกให้ถูกน่าจะเป็นหอสมุดมากกว่า เพราะว่าที่นี่มีหนังสือเยอะ โดยเจ้าหน้าที่บอกว่าที่นี่มีหนังสือมากกว่า 200,000 เล่มเลยทีเดียว นอกจากนั้นแล้วก็ยังมีทีวีและเครื่องเล่นวีดีโอให้บริการกับประชาชนและนักท่องเที่ยวที่ผ่านไปมาครับ หรือจะนั่งชิวๆจิบกาแฟไปอ่านหนังสือไปหอสมุดนี้ก็มีบริการร้านกาแฟครับ ซึ่งที่หอสมุดนี้แบ่งเป็น 2 โซน โดยจะเป็นโซนสำหรับผู้ใหญ่และจะมีโซนด้านหลังที่เป็นโซนหอสมุดแยกสำหรับเด็ก โดยที่หอสมุดนี้ไม่เสียค่าเข้าชมนะครับ
6. ศาลเจ้า Yutoku inari
หลายคนอาจจะคุ้นตากับศาลเจ้านี้ เพราะว่ามีละครไทยมาถ่ายที่นี่ ดังมากถึงขนาดที่ว่าในศาลเจ้ามีป้ายเขียนเป็นภาษาไทยแนะนำนักท่องเที่ยวอยู่ โดยประวัติความเป็นมาของศาลเจ้ายูโทคุอินารินั้น เป็นศาลเจ้าประจำตระกูลนาเบะชิมะ ศาลเจ้านี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อ ปีคศ 1688 เป็นศาลเจ้าหลักประจำจังหวัดซากะครับ ถ้ามองที่ตัวศาลเจ้าอีกแล้วเนี่ยเราอาจจะรู้สึกคุ้นกับอีกศาลเจ้าหนึ่งที่อยู่ที่เกียวโต นั่นก็คือวัดคิโยมิสึ หรือที่คนไทยรู้จักกันดีในชื่อวัดน้ำใสครับ บางตำนานบอกว่าผู้ออกแบบทั้งสองศาลเจ้านี้เป็นคนคนเดียวกัน
เมื่อเดินผ่านประตูหลังของศาลเจ้าแล้วมองไปทางขวามือเราจะเห็นศาลเจ้าหลักตั้งตระหง่านอยู่บนผา ใต้ศาลเจ้าหลักนั้นจะมีศาลเจ้าเล็กที่คนส่วนใหญ่นิยมมาขอพรผูกดวงขอคู่รักจากศาลเจ้านี้ เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่ง Power Spot ที่ไม่ควรพลาดครับ เลยจากศาลเจ้าผูกดวงไปอีกหน่อย จะพบกับทางขึ้นศาลเจ้าหลักโดยปกติแล้วเราจะขึ้นศาลเจ้าหลักจากทางบันไดฝั่งซ้ายมือของศาลเจ้าผูกดวง แล้วเมื่อจะลงเราจะลงจากบันไดทางขวามือ นอกเหนือจากเรื่องความรักแล้วผู้คนยังนิยมมาขอพรให้สอบผ่านโดยการเขียนป้ายขอพรทรง 5 เหลี่ยม รวมไปถึงขอให้ตนเองแคล้วคลาดปลอดภัยภยันตรายต่างๆโดยการเขียนแผ่นขอพรพิเศษที่มีอักษรคันจิแปลว่าอันตรายอยู่ โดยเมื่อเราเขียนเสร็จแล้วก่อนที่จะนำไปแขวนเราต้องทำให้อักษรคันจิที่ติดอยู่ที่แผ่นป้ายหลุดออกมา โดยการกระทำนี้จะคล้องจองกับภาษาญี่ปุ่นว่าแคล้วคลาดปลอดภัย นอกเหนือจาก 2 เรื่องที่กล่าวมาแล้วศาลเจ้านี้ยังมีความเด่นในด้านการค้าขายผู้คนที่ทำการค้าก็มักจะมาขอพรที่ศาลเจ้านี้เช่นกันครับ
วิธีการเดินทางมาก็นั่งรถไฟมาจนถึงสถานี ฮิเซนคาชิมะ แล้วต่อรถบัสประมาณ 10 นาทีก็จะถึงศาลเจ้าครับ
7. ย่านเมืองเก่า ฮิเซนยามะจุคุ
เมืองฮิเซนยามะจุคุนี้เป็นเมืองค้าขายเก่าแก่ที่เขาอนุรักษ์ไว้ โดยจุดเด่นของเมืองนี้คือมีโรงต้มเหล้าที่เราสามารถเข้าไปถ่ายรูป และลองชิมเหล้าญี่ปุ่นพื้นเมืองได้ จากการสัมภาษณ์คุณลุงเจ้าของโรงต้มเหล้า เขาบอกว่าสินค้าที่เขาทำขายนั้นส่งไปขายที่ประเทศไทยเยอะเหมือนกัน โดยเฉพาะเหล้าญี่ปุ่น และเหล้าอุเมะชู นอกเหนือจากเหล้าที่กล่าวมาแล้ว ยังมีเหล้าญี่ปุ่นที่เป็นลายอนิเมชั่นดัง อย่างเช่นเรื่อง ฤทธิ์หมัดดาวเหนือ โดยเหล้าที่เป็นลายอนิเมชั่นเรื่องนี้ จะมีชื่อตามคำพูดเด่นดังของตัวละครนั้นๆเช่น เหล้าขวดนี้มีชื่อว่า แกน่ะตายไปแล้ว โอมายวะโมชินเดรุ แล้วก็ยังมีแม้กระทั่งเหล้าที่เป็นลายการ์ตูนเรื่อง Yuri On Ice ตัวผมเองที่ไม่ค่อยได้ดื่มเหล้าและก็ไม่ชอบอยู่แล้วด้วย แต่พอได้ดื่มเหล้าที่เขาบอกว่าเป็นญี่ปุ่นขั้นสูงแล้วก็รู้สึกว่าดื่มง่ายกว่าที่เคยดื่มผ่านๆมาเยอะ ถ้าสายดื่มหรืออยากได้ของฝากแนะนำว่าที่นี่คือที่ที่ต้องมาครับ
8. แหล่งกินอาหารทะเลทาเคซากิไคซัง TakesakiKaisan
ที่นี่จะมีจุดเด่นเป็นอาหารทะเลประเภทหอยเผาและปูเผา ขายเป็นตะกร้ามีราคาตั้งแต่ 450 เยนเป็นต้นไปจนจนถึงปูม้าตัวนึงราคาประมาณ 3800 เยนหรือเสนอราคาที่ 1,200 บาทโดยประมาณ หลายคนบอกว่าปูม้าที่นี่อร่อยแต่ผมว่าหอยเชลล์และหอยนางรมที่นี่มากกว่าครับ ดูจากไซส์แล้วเรียกได้ว่าคุ้มราคาเลยทีเดียว หอยนางรมตัวขนาดประมาณเท่ากระปุกเกลือ อีกทั้งหอยเชลล์ขนาดใหญ่เต็มปากเต็มคำอีกด้วย หวานสดสุดๆ เรียกได้ว่าอร่อยแบบธรรมชาติไม่ต้องจิ้มน้ำจิ้มใดๆทั้งสิ้นครับ ถ้าใครที่แวะมากินอาหารทะเลร้านนี้แนะนำว่าควรกินแบบย่างไม่ใส่อะไรเลยก่อนแล้วค่อยลองใส่น้ำส้มพอนซึ คุณจะได้สัมผัสถึงรสชาติอร่อยแบบอูมามิที่แท้จริงครับ รับประกันว่าไม่คาวเลย
จบแล้วกับสถานที่ท่องเที่ยวน่าแวะของจังหวัดซากะซึ่งแต่ละที่ก็แตกต่างและน่าสนใจมากๆเลยครับ
ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคิวชูได้ที่
การท่องเที่ยวคิวชู (Kyushu Tourism Promotion Organization)
เว็บไซด์ภาษาไทย https://th.welcomekyushu.com/journey-through-kyushu/
เฟสบุ๊คภาษาไทย https://www.facebook.com/onsenislandkyushuth