ยาประจำตัวหรือยาทั่วไปในไทยที่ห้ามนำเข้าญี่ปุ่น
จากข้อมูลของเฟสบุกสถานเอกอัครราชทูตไทย กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ที่ได้มีการประกาศแจ้งเตือนนักท่องเที่ยวไทยและผู้ที่จะเดินทางเข้าประเทศถึงรายชื่อยาที่มีส่วนผสมต้องห้ามภายใต้กฎหมายของญี่ปุ่นซึ่งเป็นข้อมูลที่ถูกอ้างอิงมาจากประเทศสหรัฐอีกต่อหนึ่ง เพื่อแจ้งเตือนผู้ที่จะเดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่นให้ระมัดระวังในกรณีที่จะนำยาเข้าประเทศเกี่ยวกับรายการยาต้องห้ามทั้งหมด 11 รายการด้วยกัน โดยสามารถแบ่งได้เป็น 3 กลุ่มใหญ่ดังนี้
รายชื่อยาประจำตัวหรือยาทั่วไปในไทยที่ห้ามนำเข้าญี่ปุ่น
กลุ่มที่ 1 จำพวกยาแก้หวัด แก้แพ้ ลดน้ำมูก ที่มีส่วนผสมของสารซูโดอีเฟดรีนที่สามารถนำไปใช้เป็นสามารถตั้งต้นในการผลิตยาบ้าได้ ได้แก่
ซึ่งยาทั้งหมดทั้ง 7 รายการนั้นไม่ได้มีการจัดจำหน่ายในประเทศ โดยไทยอนุญาตให้ใช้ได้เฉพาะในโรงพยาบาลภายใต้การควบคุมกำกับดูแลเท่านั้น และถึงแม้ว่ายาที่คุณนำเข้าประเทศญี่ปุ่นจะไม่ใช่ชื่อการค้าเดียวกันกับที่แจ้งไว้ใน 7 ข้างต้นทว่าก็ไม่มีการอนุญาตให้นำยาที่มีส่วนผสมของซูโดอีเฟดรีนออกนอกประเทศติดตัวไปด้วยแต่อย่างใด นอกจากนี้แล้วยาแก้หวัดที่ส่วนใหญ่จะมีฤทธิ์กระตุ้นระบบประสาทส่วนกลางก็เป็นหนึ่งในยาที่ต้องระวังในการนำติดตัวออกนอกประเทศด้วยเช่นกัน เพราะส่วนใหญ่แล้วประเทศต่างๆ จะห้ามนำยาที่มีส่วนผสมของสารกระตุ้นระบบประสาทเข้าประเทศ
กลุ่มที่ 2 ยาแก้หวัดกลุ่มที่ไม่มีการขึ้นทะเบียนในประเทศไทย ได้แก่
กลุ่มที่ 3 คือยา LOMOTIL ซึ่งเป็นกลุ่มยาแก้ท้องเสียที่บ้านเราเพิ่งมีการยกเลิกการขึ้นทะเบียนไปเมื่อไม่กี่ปีก่อนเนื่องจากมีส่วนผสมของสารที่จัดเป็นยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 3 คือสารไดเฟนอกไซเลต และแม้ว่าจะยกเลิกการขึ้นทะเบียนไปแล้วแต่ก็อาจจะยังคงมีเหลือในระบบได้อีก เช่น บางโรงพยาบาลอาจยังจ่ายยาให้ผู้ป่วยหรือบางบ้านอาจจะยังมีการใช้ยาดังกล่าวคงค้างอยู่ก่อนที่จะมีการยกเลิกก็เป็นได้
ซึ่งเมื่อมีการตรวจรอบรายชื่อยาโดยองค์การอาหารและยาหรือ อย. โดยทั้ง 11 รายการพบว่าชื่อทางการค้าทั้งหมดนั้นไม่ได้มีการขึ้นทะเบียนรายชื่อยาในประเทศไทยแต่อย่างใด แต่กระนั้นการนำยาออกนอกประเทศในแต่ละครั้งจึงต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษและรอบคอบมากยิ่งขึ้น รวมทั้งควรมีการอ่านฉลากยาให้ละเอียดในกรณีที่อาจจะมีสารต้องห้ามผสมอยู่ในยานั้นๆ รวมถึงในชื่อการค้าอื่นๆ ด้วย
สารที่อาจเป็นส่วนผสมในตัวยาที่ควรพึงระวัง ได้แก่
- Pseudoephedrine, Ephedrine
- Diphenoxylate
- Codeine
- บรรดากลุ่มยานอนหลับเช่น Diazepam, Lorazepam
- บรรดากลุ่มยารักษาโรคเครียดเช่น Fluoxetine
การนำยาออกนอกประเทศ
สำหรับการนำยาออกนอกประเทศนั้นตามระเบียบสากลอนุญาตให้สามารถนำยาที่จำเป็นติดตัวไปได้ในปริมาณไม่เกินสำหรับการรับประทานยาเป็นเวลา 30 วัน
ข้อแนะนำในการนำยาออกนอกประเทศ
- 1. ไม่ควรแกะเม็ดยาออกจากแผงหรือบรรจุภัณฑ์ เพราะฉลากจะมีทั้งข้อมูลรายชื่อยา, คำแนะนำการใช้ยาที่ชัดเจนให้สามารถตราวจสอบได้โดยง่าย
- 2. หากมีใบสั่งยาจากแพทย์ให้นำใบสั่งยาติดตัวไปด้วยเสมอ เพื่อเป็นหลักฐานยืนยันการรับยาเฉพาะบุคคล
- หากจำเป็นต้องนำยากลุ่มต้องห้ามออกนอกประเทศโดยเฉพาะยาที่มีฤทธิ์กระตุ้นประสาทหรือเป็นยากลุ่มเดียวกับยาเสพติดหรือยาแก้ปวดชนิดรุนแรง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นยาที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้นที่จะสามารถสั่งจ่ายภายใต้การควบคุมให้เท่านั้น เช่น เมทาโดน มอร์ฟีนหรือโคเดอีน โดยยากลุ่มนี้กฎหมายอนุญาตให้สามารถนำออกนอกประเทศได้แต่มีกฎระเบียบอยู่ว่าต้องมีการขออนุญาตในการนำออกประเทศพร้อมทั้งมีใบสั่งแพทย์ที่ถูกต้องกำกับไปด้วยเท่านั้น
อย่างไรก็นำยาออกนอกประเทศนั้นแต่ละประเทศจะมีกฎและข้อห้ามที่แตกต่างกันไป ดังนั้นนักท่องเที่ยวจึงควรควรตรวจสอบข้อห้ามของแต่ละประเทศให้ถี่ถ้วนอีกครั้งหากฝ่าฝืนอาจถูกดำเนินคดีได้
haikudeck.com
dollargeneral.com
eurovaistine.lt
sudafed.com
sinuscure.org
c.shld.net
videoarcheology2 @ youtube.com
canadadrugsuperstore.com
grouponcdn.com
walmart.com
priceline.com.au
lomotil.com.mx