รีวิวแลกเงินไปเที่ยวญี่ปุ่นแบบไหนประหยัดที่สุด!
อยากไปเที่ยวเมืองแห่งเทคโนโลยี เล่นสกี เตะหิมะ แต่เงินในกระเป๋าที่มีไปได้แค่ประเทศแถบเอเชีย แน่นอนว่าประเทศเดียวที่มีครบคือ ญี่ปุ่น ซึ่งหากจะไปเที่ยวให้ครบทุกกิจกรรมตามต้องการ ต้องจัดสรรงบประมาณการเที่ยวให้ดีๆ งั้นเรามาเริ่มที่การหาวิธีแลกเงินแบบไหนที่จะช่วยให้ทริปญี่ปุ่นประหยัดได้มากที่สุดกันก่อนเลยดีกว่า!
ประเทศญี่ปุ่นจัดเป็นเมืองในฝันของใครหลายๆ คน และในปัจจุบันก็ไม่ใช่เรื่องยากเลยที่จะไปเที่ยว เพราะวีซ่าก็ไม่ต้องขอ ตั๋วเครื่องบินก็ถูกแถมยังมีโปรโมชั่นต่างๆ มากมาย เมื่อทุกอย่างดูลงตัวเป็นเรื่องง่าย ความซับซ้อนจึงตกมาเป็นเรื่องของเงินๆ ทองๆ อย่างการแลกเงิน ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่จะต้องเตรียมตัว หลายๆ คนมักมีคำถามว่าระหว่างการใช้เงินสด กับบัตรเครดิต อันไหนจะดีกว่ากันซึ่งวันนี้เราได้รวบรวมข้อมูลดีๆ มาฝาก แถมยังเพิ่มอีกหนึ่งทางเลือกสุดพิเศษอย่างบัตรกรุงไทย Travel Card ซึ่งถ้าใครมีรับรองเลยว่าทริปญี่ปุ่นครั้งนี้จะพิเศษและคุ้มค่ากว่าใครแน่นอน
- ถือวีซ่านักท่องเที่ยวระยะสั้น (Temporarily Visitor) เท่านั้น
- ใช้กับสินค้าอุปโภค-บริโภคส่วนบุคคลในญี่ปุ่นเท่านั้น สินค้าที่ได้รับยกเว้นภาษีคือ
- สินค้าบริโภค (Consumable Items) เช่น อาหาร เครื่องดื่ม เครื่องสำอางค์ เหล้า บุหรี่ ยา โดยเมื่อรวมราคาสินค้าที่ซื้อมีมูลค่า (ราคาไม่รวมภาษี) ราคาตั้งแต่ 5,000 เยน ถึง 500,000 เยน ต่อ 1 ใบเสร็จ สำคัญ : ซื้อแล้วต้องนำออกจากประเทศภายใน 30 วัน
- สินค้าอุปโภค (General Items) เช่น เสื้อผ้า เครื่องใช้ไฟฟ้า Accessories อื่นๆ (ราคาไม่รวมภาษี) ราคาตั้งแต่ 5,000 เยน ขึ้นไป ต่อ 1 ใบเสร็จ สำคัญ : ซื้อแล้วต้องนำออกจากประเทศภายใน 6 เดือน
- ต้องทำเรื่องขอคือภาษี ณ ร้านค้าที่ซื้อ หรือ เคาเตอร์ Tax-Refund ภายในวันที่ซื้อสินค้าเท่านั้น
การเตรียมเงินสดไปใช้จ่ายถือว่าง่าย คล่องตัว และสะดวกสบายที่สุด ยิ่งถ้าเป็นร้านค้าหรือร้านอาหารในชนบท การซื้อของเล็กๆ น้อยๆ ส่วนใหญ่ต้องใช้เงินสดล้วนๆ โดยก่อนอื่นเราต้องแลกเงินจากประเทศไทยเป็นเงินเยนซึ่งเป็นสกุลเงินของประเทศญี่ปุ่น หากต้องการแลกเงินเยนให้ได้ถูกที่สุดแนะนำว่าให้เช็กเรทอัตราการแลกเปลี่ยนเงินเยนบ่อยๆ โดยสามารถนำไปแลกได้ที่ธนาคารบางสาขา และสถานที่ที่รับแลกเงินต่างๆ แหม…กว่าจะได้เงินเยนมาอยู่ในมือยุ่งยากไม่น้อยเลยทีเดียว และอีกสิ่งที่ต้องระวังก็คือถ้าต้องพกเงินไปเที่ยวทีละมากๆ ก็อาจจะไม่ปลอดภัย หรือเสี่ยงต่อการทำเงินหายได้
บางคนไม่อยากวุ่นวายกับการเช็กอัตราแลกเปลี่ยนเงินเยน ที่ต้องมาเทียบค่าเงิน เทียบเรทและไปต่อแถวแย่งกันซื้อเวลาที่เรทดีๆ เลยเลือกที่จะใช้บัตรเครดิตในการซื้อสินค้าและบริการต่างๆ ในญี่ปุ่นแทน ซึ่งการใช้บัตรเครดิตที่ญี่ปุ่นนั้น หากเป็น VISA, MASTERCARD, JCB สามารถใช้ได้ทั้งหมด การจ่ายเงินก็ง่ายๆ แค่รูดปรื้ดๆ สบายสุดๆ แต่ข้อควรระวังอย่างแรกก็คือการใช้บัตรเครดิตมีค่าความเสี่ยงจากการแปลงสกุลเงินที่ส่วนใหญ่คิดในอัตราถึง 2-2.5% อย่างที่สองคือเรทเงินหรืออัตราแลกเปลี่ยนที่เรียกเก็บอาจจะไม่ตรงกับเรทเงินในวันที่เราใช้บัตร เพราะธนาคารจะคิดอัตราแลกเปลี่ยนตามวันที่ร้านนั้นเรียกเก็บเงิน เพราะฉะนั้นถ้ารูดเพลินอาจมีปาดเหงื่อตอนบิลเรียกเก็บ และสิ่งสำคัญที่ต้องรู้ไว้ก็คือ ไม่ใช่ทุกที่ในญี่ปุ่นจะสามารถใช้บัตรเครดิตได้ เช่น แถบชนบท ร้านค้า ที่พักและร้านอาหารเล็กๆ ส่วนมากต้องการให้จ่ายเป็นเงินสดแทบทั้งนั้น จึงควรแลกเงินเยนติดตัวไปบ้าง
บัตรกรุงไทย Travel Card เป็นบัตรที่เข้ามาตอบโจทย์ทั้งคนที่ไม่ชอบพกเงินสดติดตัวครั้งละมากๆ เพราะกลัวเงินจะหายระหว่างท่องเที่ยว คนที่เบื่อกับความยุ่งยากที่จะต้องคอยเช็กอัตราแลกเปลี่ยน เทียบค่าเงิน เพื่อแลกเงินให้ได้เรทที่ดีที่สุด รวมไปถึงคนที่กังวลกับอัตราแลกเปลี่ยนเงินที่ไม่แน่นอนหรือค่าธรรมเนียมของบัตรเครดิต เนื่องจากบัตรนี้บัตรเดียวสามารถเป็นได้ทั้งบัตรรูดซื้อของ และร้านแลกเงินส่วนตัวที่แลกค่าเงินล่วงหน้าเก็บไว้ได้ถึง 10 สกุลเงิน จะรูด หรือถอนเงินสดจากตู้ ATM ก็ได้ ครบเครื่องขนาดนี้มารู้จัก บัตรกรุงไทย Travel Card ให้มากขึ้นกันดีกว่า
- กดเงินสดผ่านเครื่อง ATM (สูงสุดถึง 50,000 บาท/บัตร/วัน)
- ซื้อสินค้าและบริการ ณ ร้านค้าภายใต้มาตรฐาน VISA ผ่านเครื่องรูดบัตร (สูงสุดถึง 500,000 บาท/บัตร/วัน) โดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมในการรูดบัตรประหยัดเงินเพื่อไปเที่ยว หรือช้อปปิ้งต่อได้อีกเยอะเลย
- ถ้าเงินหมดสามารถแลกเงินเพิ่มผ่านแอปฯ Krungthai NEXT ได้อย่างง่ายดายที่ไหนก็ได้ ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องเที่ยว หรือช้อปเพลินจนเงินหมด ที่สำคัญยังได้เรทอัตราแลกเปลี่ยนเงินที่ทัดเทียมกัน โดยไม่เสียค่าธรรมเนียมในการแลกเปลี่ยนสกุลเงินอีกด้วย
- สามารถแลกเงินเก็บไว้ในบัตรทีเดียวได้สูงสุดถึง 1,000,000 บาท และถ้าหากแลกเงินไว้มากเกินไป ใช้ไม่หมดก็สามารถขายคืนกลับไปยังธนาคารกรุงไทยเพื่อรับเงินเป็นเงินบาทคืนได้
- ตรวจสอบยอด หรือเปิด-ปิดการใช้งานบัตรได้ง่ายๆ ด้วยตัวเองผ่านแอปฯ Krungthai NEXT
บัตรกรุงไทย Travel Card นั้นเป็นส่วนหนึ่งของบริการ iBanking หรือ Mobile banking ซึ่งสามารถใช้บริการผ่านแอปฯ Krungthai NEXT ได้ มาสรุปสิ่งที่ แอปฯ ช่วยอำนวยความสะดวกเรื่องธุรกรรมการเงินกันดังนี้
- เช็กข้อมูลบัญชีเงินฝาก ดอกเบี้ยเงินฝาก เงินเข้า-ออก
- โอนเงินผ่านโทรศัพท์มือถือ
- เติมเงินมือถือและชำระบิลต่างๆ
- ชำระเงินกู้ เช่น สินเชื่อบ้าน สินเชื่อบุคคล สินเชื่อ SME หรืออื่น ๆ
- เช็กอัตราแลกเปลี่ยน และแลกเงินต่างประเทศถึง 10 สกุลเงินผ่านแอปฯ
- ซื้อ-จองล่วงหน้าสลากกินแบ่งรัฐบาล
- การลงทุนเป็นเรื่องง่าย จองซื้อหลักทรัพย์ออนไลน์
- Video Call เจ้าหน้าที่ธนาคารให้ทำธุรกรรมทางการเงินให้
ต้องขอบอกเลยว่าบัตรกรุงไทย Travel Card นี่ไม่ธรรมดาจริงๆ เหมือนเอาเงินสดสกุลที่ต้องการมาบวกเข้ากับบัตรเดบิต ช่วยให้การท่องเที่ยวญี่ปุ่นของเรานั้น ทั้งง่าย สะดวก ปลอดภัยและที่สำคัญประหยัดส่วนต่างที่ต้องเสียไปจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ไม่แน่นอน นอกจากนี้ยังช่วยให้หมดปัญหาแลกเงินเหรียญ เงินแบงค์ย่อยต่างสกุลเงินมาแล้วใช้ไม่หมดต้องหาเรื่องซื้อของจุกจิกเพื่อให้เงินเศษหมดๆ ไป เพราะแลกเงินคืนไม่ได้อีกด้วย ดีงามขนาดนี้ ขอสรุปแบบฟันธงเลยแล้วกันว่า เที่ยวญี่ปุ่นครั้งต่อไป เลือกใช้บัตรกรุงไทย Travel Card คือทางเลือกที่ดีที่สุด!
อ้างอิง : brandinside.asia | ktb.co.th | blognone.com | tictokyoth | unsplash.com