รีวิว โรงแรมสำหรับครอบครัวในเกียวโต: MIMARU Kyōto Shinmachi Sanjō แบบ Deluxe Japanese Apartment

review-mimaru-kyoto-shinmachi-1


อัพเดตล่าสุดเมื่อ 31 ตุลาคม 2567

 

เกียวโตเป็นเมืองสวยยอดฮิตที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรม, ศิลปะ, และประวัติศาสตร์ที่ชวนให้นักท่องเที่ยวกลับมาเยือนซ้ำแล้วซ้ำเล่า การเลือกที่พักที่เหมาะสมสามารถเสริมประสบการณ์ในเกียวโตให้ยิ่งดียิ่งขึ้น จากทริปล่าสุดของเราที่ได้มีโอกาสพักที่ MIMARU Kyōto Shinmachi Sanjō ในห้อง Deluxe Japanese Apartment เลยจะมาแชร์รีวิวจากประสบการณ์ โดยจะกล่าวถึงจุดเด่น, ความคุ้มค่า, และสิ่งที่ควรรู้ก่อนการเข้าพัก

 

 

ถ้าใครสนใจทาง TalonJapan มี คูปองส่วนลดพิเศษ 5% ซึ่งใช้รวมกันส่วนลดสมาชิกเพิ่มได้ด้วย

ช่วงเวลาการจอง :  1 พฤศจิกายน 2024 – 31 ธันวาคม 2024

ช่วงเวลาการเข้าพัก:  1 พฤศจิกายน 2024 – (Check in) – 31 มีนาคม 2025(Check out)

Coupon code : mimaru_tj

Discount rate : 5 %

*** ใช้ได้เฉพาะเมื่อพัก 2-6 คืนเท่านั้น

*** ใช้ร่วมกับส่วนลดของสมาชิกได้ด้วย สมัครฟรี!

*** ใช้ได้กับทุกโรงแรมในเครือมิมารุ

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ mimaruhotels.com

 

 

โรงแรมในเครือ MIMARU Hotel ดียังไง

จากที่เคยเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่นบ่อยครั้ง เราได้พักโรงแรมมาแล้วหลากหลายแบบ หลากหลายแบรนด์ ซึ่งโรงแรมในเครือ Mimaru นั้นเป็นหนึ่งในแบรนด์โรงแรมที่โดดเด่นของญี่ปุ่น ทั้งจากด้านงานดีไซน์และความเป็นโรงแรมสำหรับครอบครัวในย่านทำเลดีใน 3 เมืองใหญ่ยอดนิยมของญี่ปุ่น คือที่ โตเกียว โอซาก้า และเกียวโต ซึ่งมีรวมกันมากถึง 27 สาขา โดยโรงแรมที่เราได้ไปเข้าพักมาในครั้งนี้ก็เป็นการผสมผสานความเป็นญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมและความ minimal ได้อย่างลงตัว ตั้งอยู่ในทำเลที่เงียบสงบ ใกล้สถานีรถไฟใต้ดินถึง 2 สาย และก็ยังใกล้สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังหลายแห่งในระยะแบบเดินถึงได้เลย เช่น ปราสาทนิโจ และตลาดนิชิกิ เป็นต้น ทำให้เป็นที่พักผ่อนที่สงบห่างจากความวุ่นวายของเมืองเกียวโต

 

 

 

ทำเลที่ตั้ง และ First Impression

MIMARU Kyōto Shinmachi Sanjō ตั้งอยู่ในย่านที่อยู่อาศัยที่เงียบสงบ ซึ่งเป็นทั้งข้อดีและข้อเสีย เป็นสถานที่ที่สงบเหมาะสำหรับพักผ่อนหลังจากท่องเที่ยวมาทั้งวัน ซึ่งจะอยู่ห่างจากย่านช้อปปิ้งชื่อดังใจกลางเมือง ประมาณ 15- 20 นาทีด้วยการเดิน และโรงแรมนี้อยู่ใกล้กับสถานี subway Karasuma Oike Station โดยอยู่ห่างจาก ทางออกที่ 6 ประมาณ 400 เมตร แต่ตอนมาครั้งแรกที่เรามีกระเป๋าเดินทางมาด้วย เราขึ้นลิฟท์ที่อยู่ใกล้ๆกับทางออกที่ 5 ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามถนน แล้วเดินข้ามถนนเอาก็สะดวกมาก ไม่ต้องแบกกระเป๋าให้เหนื่อย

โรงแรมอยู่ห่างจาก Nijo Castle ประมาณ 10 นาทีและ Nishiki Market ตลาดชื่อดังที่เรียกว่า “ครัวของเกียวโต” ประมาณ 15 นาที ซึ่งมีทั้งอาหาร และสินค้าท้องถิ่นหลากหลายให้เลือก หรือจะเดินต่ออีกหน่อยก็จะถึงถนนช้อปปิ้งหลักของเมืองอย่าง ถนน Shinkyogoku และ Teramachi ซึ่งมีร้านค้า ร้านอาหารมากมายให้เลือก

การเช็คอินเป็นไปอย่างสะดวกรวดเร็วมาก ใช้แค่ชื่อและพาสปอร์ต พนักงานก็จัดการที่เหลือให้เสร็จเรียบร้อยเลย ซึ่งพนักงานต้อนรับเป็นมิตรมาก คอยให้ข้อมูลหลายอย่างที่เป็นประโยชน์ที่นอกจากแค่สิ่งอำนวยความสะดวกในโรงแรม เช่น พื้นที่รอบๆโรงแรมมีอะไรบ้าง ร้านสะดวกซื้อหรือ supper market ใกล้ๆอยู่ตรงไหนบ้าง ประหยัดเวลาเดินหาของเราไปได้มากเลย โดยสามารถสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษได้อย่างดี ซึ่งนอกจากนี้ยังช่วยขนส่งกระเป๋าไปเมืองอื่นหรือเรียกรถแท๊กซี่ให้เราได้ด้วย

ในส่วนของล็อบบี้สะอาดและเรียบง่าย ตกแต่งแบบผสมผสาน ระหว่าง minimal และ ดั้งเดิม ได้อย่างลงตัว มีไฟ projector ฉายปลาคาร์ฟว่ายน้ำอยู่ที่พื้นด้วย

 

 

 

 

ห้อง Deluxe Japanese Apartment

ห้องประเภท Deluxe Japanese Apartment เป็นการผสมผสานระหว่างความเป็นสมัยใหม่กับแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม ให้อารมณ์ความเป็นญี่ปุ่นแต่สะดวกสบาย โดยมีจุดเด่นดังนี้

ห้องกว้างมาก: ห้องที่นี่กว้างใหญ่เกินกว่าที่คิดเอาไว้ เรียกว่ามีพื้นที่มากพอสำหรับครอบครัวหรือกลุ่มเพื่อนนั่งเล่นหรือนอนเล่นได้แบบไม่อึดอัด ใช้ชีวิตอยู่ได้จริงแบบสบายๆเลย แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าเดินทางคนเดียวอาจรู้สึกไม่คุ้มค่านัก

เลือกได้นอนได้ทั้งแบบ Futon และเตียงนอน: ที่ห้องนี้ จะมีเตียงที่สามารถนอนได้ถึง 4 คนอยู่แล้ว แต่ถ้าอยากได้อารมณ์แบบญี่ปุ่นก็สามารถเอาเตียงนอนแบบ Futon ซึ่งเก็บอยู่ลงมาปูนอนได้เลย ทำให้ทั้งหมดแล้วห้องนี้สามารถนอนได้รวมกันถึง 6 คน!

พื้น Tatami แบบญี่ปุ่น: หนึ่งในไฮไลต์ของห้องคือ พื้นเสื่อทาทามิ ซึ่งจะให้ความรู้สึกแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมเหมือนพักอยู่ในเรียวกังเลย

ประตูสไลด์ Shōji: อีกหนึ่งการออกแบบที่เพิ่มเสน่ห์ให้กับบ้านสไตล์ญี่ปุ่นเลยก็คือประตูสไลด์ Shōji ประตูกระดาษนี้ช่วยให้ห้องมีแสงสว่างอ่อนๆ และแบ่งพื้นที่ได้ดี อย่างไรก็ตาม ประตูนี้ค่อนข้างบอบบาง ถ้าเดินทางกับเด็กๆ อาจต้องระวัง เพราะมันน่าจะเสียหายได้ง่าย

ห้องครัว: อีกหนึ่งจุดขายของห้องนี้คือ มีพื้นที่ครัวเล็กๆให้เราด้วย หากเราพักหลายวันหรือมากับเด็กๆ การสามารถเตรียมอาหารทานกันเองได้ แบบสะดวกมากๆ ห้องครัวมีอุปกรณ์ทำครัวพื้นฐาน เช่น เตา หม้อ กระทะ มีด และไมโครเวฟ  ยิ่งบ้านไหนชอบทำครัว หรือไม่ชอบทานอาหารญี่ปุ่น อันนี้คือตอบโจทย์จริงๆ

เครื่องซักผ้า: คุณสมบัติที่มักถูกมองข้ามแต่มีประโยชน์มาก โดยเฉพาะสำหรับการพักยาวคือเครื่องซักผ้าในห้อง แม้ว่าหลายๆ โรงแรมก็จะมีเครื่องซักผ้าที่บริเวณส่วนกลางให้ แต่เราก็ต้องไปคอย ทั้งซักทั้งอบ หลายชั่วโมง เสียเวลามาก แต่ถ้ามีในห้องเลยก็ง่าย แค่เปิดทิ้งไว้แล้วเราก็พักผ่อนรอในห้องสบายๆ

ห้องน้ำกับห้องอาบน้ำ และอ่างล้างหน้า อยู่แยกกัน ก็เป็นอีกจุดดี เพราะว่าถ้ามากันหลายคนจะได้ไม่ต้องแย่งกันเข้า และถ้าต้องใช้พร้อมกันจริงๆ ก็มีห้องน้ำนอกห้องเผื่อไว้ให้ด้วยแล้ว

 

 

 

 

ประสบการณ์เข้าพัก

นอกจากเรื่องที่การเดินทางมาที่โรงแรม และการเช็คอินที่เล่าไปก่อนหน้านี้แล้ว เรายังได้แวะที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตใกล้ๆที่พัก (พนักงานต้อนรับแนะนำเราตอนเช็คอิน)เพื่อซื้อของกลับมาทานในที่พัก เราซื้อซูชิและข้าวผัดกับไก่คาราโอเกะ รสชาติโอเคราคาไม่แพง ขนม warabi moji จากสถานีรถไฟ รวมทั้งซื้อข้าวโพดดิบที่มาจากฮอกไกโดมาลองต้มกินด้วยต้องบอกว่าข้าวโพดจากฮอกไกโดนี้อร่อยสุดๆไปเลยและราคาก็ไม่แพงเลย แต่คงทำไม่ได้ถ้าเกิดว่าไม่ได้พักในโรงแรมที่มีห้องครัว ทำให้เป็นเรื่องที่สะดวกมากๆ หรือถ้าใครชอบสามารถซื้อวัตถุดิบเช่น เนื้อวากิวต่างๆ กลับมาย่างหรือทำสุกี้กินเองได้เลยที่ห้อง

ส่วนตอนเช้าพอเดินออกมาที่สถานีรถไฟ ก็มี Starbucks อยู่ใกล้ๆ Karasuma Oike Station ให้แวะเติมพลังก่อนออกไปเที่ยวได้ด้วย

 

 

 

สรุปรวม ความคุ้มค่า และเหมาะกับใคร

ถ้ามากันหลายคนก็จะคุ้มค่ามาก โดยเฉพาะยิ่งถ้ามาเป็นครอบครัวก็ยิ่งคุ้ม เพราะจะได้พักในห้องเดียวกัน โดยที่มีทั้งครัวและพื้นที่ส่วนกลางที่สามารถพัฟผ่อนร่วมกันได้ในราคาที่อาจจะเท่ากันหรือไม่ได้สูงกว่าโรงแรมอื่นมากนัก อีกอย่างคือห้องของที่นี่มีขนาดใหญ่เมื่อเทียบกับโรงแรมอื่นๆในญี่ปุ่น

เหมาะสำหรับ

  • ครอบครัวหรือการไปเที่ยวแบบเป็นกลุ่ม
  • กลุ่มคนที่ชอบทำอาหารเล็กๆน้อยๆเองเพราะมีมุมทำครัวให้ด้วย
  • คนที่ต้องที่พักแบบนานๆเพราะมีเครื่องซักผ้าส่วนตัวในห้องให้เลย
  • คนที่ชอบห้องที่ออกแบบตกแต่งสไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิม เช่น เสื้อ Tatami หรือ ประตูเลื่อน shoji
  • คนที่ชอบอยู่ในย่านที่เงียบสงบหน่อยสำหรับพักผ่อนจริงๆ ไม่วุ่นวาย แต่ก็ใกล้กับขนส่งสาธารณะ

อาจจะไม่เหมาะกับ

  • คนที่ต้องการที่พักแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม หรือแบบเรียวกังจริงๆ เพราะแม้ว่าจะมีการออกแบบหลายอย่างที่เป็นไปตามสไตล์ญี่ปุ่น แต่ก็ไม่ทั้งหมด
  • คนที่เดินทางคนเดียวหรือเป็นคู่ เพราะห้องออกแบบมาให้พักได้ 4 คนขึ้นไป
  • คนที่ต้องการโรงแรมใจกลางย่านช้อปปิ้งหรืออยู่ติดสถานีรถไฟหลักอาจจะต้องดูที่สาขาอื่นๆของ Mimaru แทน เพราะแม้สาขานี้จะอยู่ใกล้แต่ก็ต้องใช้เวลาเดินประมาณ 15 นาทีจึงจะถึงย่านช้อปปิ้งหรือสถานีรถไฟเกียวโต

สรุปการเข้าพักที่ MIMARU Kyōto Shinmachi Sanjō ของเราโดยรวมเป็นประสบการณ์ที่ดีมาก ไม่แปลกใจที่ได้คะแนนรีวิวในเว็บระดับ 9 เต็ม 10 โดยเฉพาะห้องที่กว้างและสิ่งอำนวยความสะดวกที่หลากหลาย รวมถึงการบริการจากพนักงานที่ดี จึงทำให้เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดีสำหรับครอบครัวและกลุ่มมากๆ

 

 

ถ้าใครสนใจทาง TalonJapan มี คูปองส่วนลดพิเศษ 5% ซึ่งใช้รวมกันส่วนลดสมาชิกเพิ่มได้ด้วย สามารถจองได้ที่เว็บไซต์หลักเลย

ช่วงเวลาการจอง :  1 พฤศจิกายน 2024 – 31 ธันวาคม 2024

ช่วงเวลาการเข้าพัก:  1 พฤศจิกายน 2024 – (Check in) – 31 มีนาคม 2025(Check out)

Coupon code : mimaru_tj

Discount rate : 5 %

*** ใช้ได้เฉพาะเมื่อพัก 2-6 คืนเท่านั้น

*** ใช้ร่วมกับส่วนลดของสมาชิกได้ด้วย สมัครฟรี!

*** ใช้ได้กับทุกโรงแรมในเครือมิมารุ

Official Website : https://mimaruhotels.com/en/hotel/shinmachi-sanjo/

Google Map: https://maps.app.goo.gl/3Vhp4Mw9skih8AEA7

Facebook Page: https://www.facebook.com/mimaruhotels/

 

 

   
   

 

>>> แนะนำ โรงแรมที่พัก เด็ด ทั่วเมืองเกียวโต อัพเดตล่าสุด <<<

แนะนำ โรงแรมที่พัก เด็ด ทั่วเมืองเกียวโต อัพเดตล่าสุด

   

▌ข้อมูลเตรียมตัวเที่ยวเกียวโตที่ต้องรู้

   
Exit mobile version