รีวิวขับรถเที่ยวทั่วเกาะคิวชู วันที่ 5 สุดโรแมนติค เส้นทางใบไม้เปลี่ยนสี เมืองออนเซนคุโรคาวะ
รีวิวขับรถเที่ยวญี่ปุ่น ทั่วเกาะคิวชู วันที่ 5 นี้จะพาไปขับรถบนถนนสายโรแมนติค ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ที่จะได้เห็นภูเขาเปลี่ยนสีเป็นสีเหลือง ส้ม แดง เป็นหนึ่งในเส้นทางสายชมวิวในฤดูใบไม้แดงที่มีชื่อเสียงของเกาะคิวชูเลยทีเดียว จากนั้นก็จะพาไปเที่ยวเมืองออนเซนคุโรคาว่า(Kurokawa) ที่เป็นหมู่บ้านเล็กๆอยู่ท่ามกลางหุบเขาที่มีบรรยากาศที่สวยงามมาก โดยเฉพาะตอนนี้ที่ได้เห็นต้นเมเปิ้ลเปลี่ยนสีเต็มไปหมดทั้งหมู่บ้านเลย
รีวิวขับรถเที่ยวทั่วเกาะคิวชู วันที่ 4 เที่ยวช่องเขาทาคาชิโฮะ และภูเขาไฟอะโซะ
เส้นทางขับรถในวันนี้จะไปไม่ไกล เน้นดูวิวใบไม้เปลี่ยนสีของทิวทัศน์ของถนนสาย Old Oguni Highway แล้วก็ขับเข้าที่พัก ในเมืองออนเซนคูโรคาวะ(Kurokawa) เรียวกัง วากาบะ (Ryokan Wakaba)
ตื่นมาตอนเช้ากะว่าจะดูพระอาทิตย์ขึ้นที่รีสอร์ทซะหน่อย ปรากฎว่าฝนตก หมอกลงหนามาก มองอะไรไม่เห็นเลย ก็เลยไปแช่ออนเซนแทน ไม่มีคนเลย อากาศเย็น ฝนตกโปรยๆ แช่ออนเซนนี่สบายจริงๆ เสร็จแล้วก็นั่งเล่น แล้วก็ทานข้าวเช้า เสร็จแล้วก็เช็คเอ้า ฝนถึงจะหยุดให้ได้ถ่ายรูปบรรยากาศที่รีสอร์ทบ้าง คิดว่าถ้าฟ้าเปิดอากาศปลอดโปร่งกว่านี้ คงจะวิวสวยมากแน่ๆเลย โรงแรมนี้ชื่อว่า เอลปาติโอแรนช์ (El Patio Ranch) เป็นรีสอร์ทที่ตกแต่งสไตล์คาวบอย นอนบ้านดิน และเป็นฟาร์มม้าด้วย
เสร็จแล้วเราก็ออกรถ มุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านออนเซนที่เราจะไปเที่ยวและนอนกันคืนนี้ ระหว่างทางผ่านจุดพักรถที่มีเลี้ยงกวางก็เลยจอดรถลงไปดู ฝนตกกวางเปียกกัน มอมแมมเชียว แล้วก็ได้เห็นกับตูดลูกกวางที่เป็นรูปหัวใจ ทำให้เรานึกถึงสัตว์ที่เจอในป่าตอนกลางคืนตอนที่ปีนเขาคิริชิม่า(Kirishima)ระหว่างขากลับออกมานั่นเอง ตอนนั้นทำเอากลัวแทบแย่
จากนั้นเราก็มาตื่นตะลึงกับวิว 2 ข้างทางที่สวยมากๆ ที่ถนนเส้นชมวิว Old Oguni Highway (33°04’18.4″N 131°11’20.0″E Google Map) โดยที่บริเวณ 4 แยกตัดกันระหว่างถนน Yamanami และถนน Old Oguni จะเป็นจุดพักรถหลักก่อนขึ้นภูเขาไฟอะโซะ ที่ชื่อว่าจุดพักซานาอิ(sanai rest house) ที่จะมีร้านขายของฝาก ร้านค้าร้านอาหาร ที่พัก พร้อมลานจอดรถขนาดใหญ่ สำหรับถนนเส้นนี้จริงๆแล้วในช่วงเวลาปกติ สำหรับคนที่จะโดยสารรถบัสไปที่เมืองคุโรคาวะ หรือภูเขาไฟอะโซะ จะผ่านมาทางเส้นนี้อยู่แล้ว ก็คือจะได้ชมวิว 2 ข้างทางแบบนี้กันเต็มอิ่มเลยทีเดียว แต่บรรยากาศของเช้าวันนี้อากาศแปรปรวนมากเลย ฝนตกๆหยุดๆตลอด ลมแรง และหมอกก็เดี่ยวหนาเดี่ยวจาง ตั้งแต่เช้าตรู่จนถึงเกือบๆเที่ยงเลย เราก็ขับรถวนไปมาอยู่แถวนี้ หามุมถ่ายรูปกันไปเรื่อย ทิวทัศน์ที่นี่สวยจริงๆ สวยกว่าในรูปที่ถ่ายมาได้ซะอีก อยู่กันแถวนี้นานมาก บรรยากาศดีโรแมนติคสุดๆ ทั้งๆที่อากาศวันนี้ช่างไม่เป็นใจเอาซะเลย โม้มาเยอะแล้ว ไปดูรูปกันเองเลยดีกว่า
ถ้าใครจะมาขับรถชมวิวแถวนี้ สามารถไปได้ทุกเส้นทางจากบริเวณสี่แยกของจุดพักซานาอิ(sanai rest house)เลย เพราะเป็นเส้นทางที่สามารถชมวิวได้ทั้ง 4 เส้นทางที่ตัดกันอยู่เลย ขับไปเรื่อยๆ ฝั่งละ 4-5 กิโลเมตรหรือจนกว่าจะพอใจได้เลย วิวส่วนใหญ่จะกว้าง มองเห็นเทือกเขาไปได้ทุกทิศทาง หรือจะขับรถวนกลับมาที่เดิมตามเส้นทางที่แนะนำด้านล่างก็ได้ ถนนในเส้นทางนี้จะมีจุดให้แวะจอดรถหลายจุด สามารถจะชิวได้เรื่อยๆเลย
ตั้งแต่เที่ยวมาในทริปนี้ มีวันนี้นี่แหละที่ได้ดูใบไม้เปลี่ยนสีเยอะๆ แบบอลังการสุดๆ ช่วงที่เราไปประมาณปลายเดือนตุลาคม ส่วนอื่นๆของเกาะคิวชูเลยยังไม่ค่อยมีใบไม้เปลี่ยนสีให้ดูเท่าไหร่ มาเจอเต็มๆกันที่โซนนี้ เท่านี้ก็พอใจแล้ว ซึ่งอยากจะย้ำอีกทีว่าของจริงนั้นสวยกว่าในรูปนี้เยอะเลย อยากให้ทุกคนได้ไปประสบกับตัวเองจริงๆเป็นประสบการณ์น่าจะเป็นเรื่องหนึ่งในชีวิตที่ลืมไม่ลงเลย ว่าแล้วก็อยากจะไปอีกจัง
เราขับรถเที่ยวกันอยู่แค่พื้นที่แถวๆนี้ซะเพลินจนบ่ายโมง แวะเข้าไปกินข้าวที่จุดพักรถแล้ว รีบมุ่งหน้าไปที่เมืองออนเซนคุโรคาวะ(Kurokawa)กันต่อเลย เพราะจริงๆเราดูในรูปมาที่หมู่บ้านนี้ก็สวยมาก กลัวไปจะไปช้า มืดซะก่อน แต่จริงๆแล้วก็อยู่ไม่ไกลกันเท่าไหร่ ขับรถออกมาซัก 20 นาทีจากทางแยกก็ถึงแล้ว แต่พอถึงก็เจอกับถนนเส้นแคบมากๆ แบบ one way ขึ้นลงเนินแบบชันๆ ไม่มีฟุตบาทแล้วคนก็เดินกันเต็มถนนเลย น่าจะใช้เวลาประมาณ 20 นาทีได้กว่าจะไปถึงโรงแรมซึ่งอยู่เกือบอีกฝั่งหนึ่งของเมือง ทั้งๆที่เมืองนี้ก็เล็กนิดเดียวเอง
คืนนี้เราพักกันที่ เรียวกัง วากาบะ (Ryokan Wakaba) ที่มีบ่อออนเซนทั้งกลางแจ้ง และในร่ม รวมทั้งแบบที่เป็นส่วนตัวสามารถจองเวลาในการใช้บริการล่วงหน้าได้ด้วย อยู่ในบริเวณเขตหมู่บ้าน เลยสะพานที่เป็นมุมถ่ายรูปของที่นี่ไปประมาณ 200 เมตร มีอาหารเย็นและอาหารเช้าให้ บริการดี ถูกใจ ห้องพักสวย เป็นที่พักที่แพงที่สุดในทริปนี้เลย แต่ก็ประทับใจและคุ้มค่ามากเลย
เรามาถึงน่าจะประมาณ บ่าย 2 โมง หลังจากเช็คอินเรียบร้อยแล้วก็รอเค้าจัดเตรียมห้องพัก เราก็เลยออกมาเดินเล่นกันก่อน ตอนวางแผนมาที่นี่เราก็เล็งมาแล้วว่าจะแช่ออนเซนที่นี่แบบตระเวณแช่นอกจากที่โรงแรม โดยได้แผนที่หมู่บ้านมาจากที่โรงแรมของเรา เห็นมีบ่อออนเซนหลายแห่งที่น่าสนใจ ถามที่โรงแรมให้เค้าแนะนำให้ มา 5 จุด เราก็ไปที่แรกที่ดูแปลกที่สุดเลยคือจะเป็นบ่อออนเซนที่อยู่ในถ้ำ โดยจะต้องไปจ่ายเงินที่เรียวกังที่เป็นเจ้าของก่อน จะอยู่บริเวณริมแม่น้ำ มีที่อยู่ในถ้ำ 2 บ่อของผู้ชายและ 2 บ่อของผู้หญิงที่ต้องแก้ผ้ากันหน้าถ้ำเลยทีเดียว วันนี้ถึงแม้จะเป็นตอนบ่ายแต่อากาศก็ค่อนข้างเย็น มาเที่ยวทั้งทีไม่มีอาย จ่ายเงินเสร็จต้องซื้อผ้าขนหนูเค้าด้วยเพราะลืมเอามา แต่ก็ดีนะ เป็นที่ระลึกกลับมาด้วย น่าจะ 300 เยนหรือไงนี่แหล่ะ ไม่แพง
เข้าไปในถ้ำก็จะมองอะไรไม่เห็นเลย เจอคน 2 คนกำลังแต่งตัวจากที่แช่เสร็จแล้ว เราก็แก้ผ้าเดินเข้าไปเลย เจอคนแก่อีกคนแช่อยู่ ใครที่เคยมีประสบการณ์ออนเซนกลางแจ้งมาแล้วคงไม่ต้องเล่าอะไรมาก สำหรับคนที่ยังไม่เคย จะบอกว่า ไม่ต้องไปอายหรอกเพราะทุกคนทำกันเป็นปกติ ไม่มีใครมาสนใจเรา ต่างคนต่างผ่อนคลายไปกับบรรยากาศของตัวเอง สำหรับบ่อออนเซนในถ้ำพอเดินเข้าไปจะมีควันเต็มไปหมด มองอะไรไม่ค่อยจะเห็นหรอก ส่วนของผุ้ชายกับผู้หญิงจะห่างกันแค่ผนังถ้ำกั้น ซึ่งก็จะมีช่องด้านบนของผนังถ้ำด้วย แต่ก็อย่างที่บอกว่าควันเยอะมากจนมองอะไรไม่ค่อยจะเห็น ในบ่อออนเซนก็จะเป็นเหมือนบ่อจริงๆตามธรรมชาติเลย น้ำร้อนอยู่ แต่พอแช่ไปซักพักก็ชิน แช่ได้ซักพักใหญ่ๆก็ออกมา เช็ดตัวใส่เสื้อผ้า ที่จริงจะมีบ่อกลางแจ้งอีกบ่อแต่ต้องเดินโทงๆไปประมาณ 100 เมตรซึ่งเป็นทางเดินที่อีกฝั่งของแม่น้ำจะเป็นทางเดินในหมู่บ้านที่มีนักท่องเที่ยวเดินอยู่เยอะ เราก็เลยเอาเท่านี้พอแล้วกัน นั่งพักปรับสภาพร่างกายซักหน่อย เออไม่น่าเชื่อว่าการแช่ออนเซนมันจะทำให้รู้สึกสบายขึ้นได้ขนาดนี้ ทุกครั้งที่ได้แช่ออนเซนธรรมชาติจริงๆ ก็จะรู้สึกทุกครั้งเลย เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปมาให้ได้ดูกัน เอาบรรยากาศภายในหมู่บ้านคุโรคาวะช่วงใบไม้เปลี่ยนสีหรือใบไม้แดงไปดูกันแทนก็แล้วกัน สวยงาม คลาสสิคสุดๆไปเลย
แช่เสร็จน่าจะบ่าย 3 ได้แล้ว กะว่าจะไปแช่ต่อก็เลยเปลี่ยนใจ บ่อเดียวก็สบายตัวมากแล้ว แล้วมันก็ค่อนข้างยุ่งยากในการถอดเสื้อผ้าเช็คตัวเก็บของ ไหนจะกล้องถ่ายรูปอะไรเยอะแยะ ก็เลยแค่เดินเล่นก็พอ เสร็จแล้วก็กลับไปโรงแรม เก็บกระเป๋า แล้วเปลี่ยนชุดเป็นชุดยูคาตะ ที่ทางโรงแรมเตรียมไว้ให้ แล้วก็ออกไปเดินเล่นถ่ายรูปกันอีกรอบ พอช่วงเย็นๆ นักท่องเที่ยวขาจรจะน้อยลงอย่างเห็นได้ชัดที่เหลืออยู่จะเป็นนักท่องเที่ยวที่มาค้างคืน แต่ละคนจะใส่ชุดยูคาตะไม่เหมือนกัน แล้วแต่เรียวกังที่เข้าพัก เดินกันไปตามถนนในหมู่บ้านให้อารมณ์ญี่ปุ่นดีจริงๆเลย
เดินเล่นเสร็จก็กลับที่พักเริ่มจะมืดแล้ว เราได้จองเวลาแช่ออนเซนส่วนตัวของเรียวกังของเราไว้แล้วด้วย ซึ่งจะมีอยู่ 2 ห้อง เราก็ลองก่อนคืนนี้ห้องหนึ่งแล้วเช้าวันพรุ่งนี้จะลองอีกห้องหนึ่ง พอแช่ในห้องส่วนตัวเสร็จ เราก็ออกมาแช่ที่บ่อรวมซึ่งเป็นบ่อกลางแจ้งต่อ อยู่ริมแม่น้ำเลยทีเดียว คือออนเซนของโรงแรมเราเองก็ดีไม่ใช่น้อยเลยนะ แต่ตอนนั้นมืดแล้วเลยมองอะไรไม่ค่อยจะเห็นจากนั้นก็ แต่งตัวไปทานอาหารเย็นที่ทางโรงแรมเตรียมไว้ให้ หนึ่งในเมนูที่นำมาเซิพมี ซาชิมะเนื้อม้า ด้วย ใช่แล้ว เนื้อม้าสดๆ เพราะที่จังหวัดคุมาโมโต้ โดยเฉพาะบริเวณภูเขาไฟอะโซะนี้ ขึ้นชื่อเรื่องเนื้อม้า เลยล่ะ กินแบบกินปลาดิบเลย จิ้มโชยุกับวาซาบิ อืมถ้าหลับตากินจะบอกว่ารสชาติมันก็ใช้ได้ทีเดียวนะ ไม่คาวเลย แต่พอลืมตาขึ้นมาดูแล้ว กินไม่ลงอะ มันดูดิบเกินไปจริงๆ นอกนั้นก็จะมีเนื้อย่าง ปลาย่าง ซูชิ อะไรพวกนี้
และแล้วก็จบลงไปอีกหนึ่งวัน ที่ได้ไปขับรถเที่ยวในเส้นทางที่สวยงามมากแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น ได้มาพักและแช่ออนเซนในเมืองที่สวยงามมากเช่นกัน เป็นอีกหนึ่งวันที่น่าประทับใจของชีวิตเลย ถ้ามีโอกาสก็อยากจะไปอีกสักครั้ง
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามครับ
ข้อมูลเที่ยวเมืองออนเซนคุโรคาวะ(Kurokawa Onsen)
เรียวกัง วากาบะ (Ryokan Wakaba)