รีวิวเที่ยว 2 วัน 1 คืนที่ทะเลสาปคาวากูชิโกะ อลังการดอกซากุระบานกับภูเขาไฟฟูจิ
รีวิวตะลอนเจแปนคราวนี้ เราจะพาไปเที่ยวทะเลสาปรอบภูเขาไฟฟูจิหรือคาวากูชิโกะ(Kawaguchiko)กัน ใช้เวลา 2 วัน 1 คืน ในช่วงฤดูใบไม้ผลิหรือช่วงดอกซากุระบาน ประมาณวันที่ 23-24 เมษายน ไปเที่ยวเจดีย์ชูเรโตะที่เป็นมุมมหาชนของภูเขาไฟฟูจิ ขี่จักรยานรอบทะเลสาปคาวากูชิโกะ ดอกซากุระและชิบซากุระบาน และหมู่บ้านน้ำศักสิทธิ์
เราเริ่มออกเดินทางจากเมืองโอซาก้า ด้วยบัตร JR Pass นั่งรถไฟตามตารางด้านล่างนี้ เปลี่ยนรถ 2 ครั้งใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมงครึ่ง นั่งกันรากงอกเลยทีเดียว
มาถึงสถานี คาวากูชิโกะ เดินออกจากสถานีก็ถึงที่พักเราเลยสะดวกดีมากๆ คืนนี้เราจะนอนกันที่หนึ่งในโรงแรมสุดฮิตของคนไทยในบริเวณคาวากูชิโกะ นั่นก็คือ Kawaguchiko Station Inn ซึ่งเป็นห้องพักแบบแชร์ห้องน้ำ ที่นอนบนเสื่อตาตามิ ที่ชั้นใต้ดินมีอะไรให้เราเล่นด้วย เป็นพวกเกมส์กระดานฆ่าเวลา และชุดคลุมยูกาตะไว้ใส่ถ่ายรูปเล่น เหตุผลที่ฮิตกันก็คงจะเป็นเรื่องราคาที่น่าจะถูกเกือบที่สุดในบริเวณนี้แล้ว และใกล้สถานีรถไฟคาวากูชิโกะมากๆ เรียกว่า โผล่หัวออกมาจากสถานีก็เจอโรงแรมเลย ใครสนใจก็ตามลิงค์ไปเลยจ้า คลิก ด้วยความฮิตทำให้ห้องพักของเค้าเต็มเร็วมากเพราะมีไม่กี่ห้องอย่างที่เห็น
ถ้าใครจะไปพักหลังจากกดจองเสร็จแล้ว ลองส่งเมลไปหาเจ้าของโรงแรม บอกเค้าว่าเราชื่ออะไร จองวันไหน อยากขอห้องที่มีหน้าต่างมองเห็นฟูจิ ถ้าว่างเค้าก็จะจัดให้เราเลย ส่งอีเมลไปเป็นภาษาอังกฤษนั่นแหล่ะ ส่งไปอีเมลนี้ได้เลย: [email protected]
เมื่อเข้าห้องพัก เก็บของเตรียมตัวกันเสร็จ เราก็ไปเที่ยวที่แรกของเรากันที่เจดีย์ชูเรโตะ(Chureito Pagoda)ที่เป็นมุมถ่ายรูปภูเขาไฟฟูจิที่สวยงามที่สุดมุมหนึ่งเลย การเดินทางก็นั่งรถไฟไปแค่ 2-3 สถานีแล้วลงเดินต่อ ซึ่งทางเดินก็ค่อนข้างจะงงเพราะเป็นทางเดินตามทางเล็กๆผ่านหมู่บ้านชนบทของญี่ปุ่นแต่ก็มีป้ายชี้บอกตลอดทางอีกทั้งมีนักท่องเที่ยวที่ไปพร้อมกันหลายคนเลย ไม่ต้องกลัวหลง
หลังจากนั้นเราก็จะไปเที่ยวหมู่บ้านน้ำศักสิทธิ์โอชิโน่ ฮักไก ด้วยรถบัสกัน หมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านท่องเที่ยวเล็กๆ มีบ่อน้ำอยู่ด้วยกันทั้งหมด 8 บ่อซึ่งน้ำไหลมาจากหิมะที่ละลายของภูเขาไฟฟูจิ ซึ่งชาวญี่ปุ่นเคารพนับถือว่าเป็นภูเขาศักสิทธิ์ น้ำที่บ่อน้ำของหมู่บ้านนี้จึงเรียกกันว่าเป็นน้ำศักสิทธิ์ไปด้วย ภายในหมู่บ้านก็จะมีมุมของบ้านโบราณต่างๆที่สวยงามโดยเฉพาะยามตอนที่มีดอกซากุระบานกระจายกันไปตามมุมต่างๆของหมู่บ้านด้วย
เที่ยวที่หมู่บ้านโอชิโนะ ฮักไกเสร็จก็ห้าโมงเย็นแล้ว จุดที่เราจะนั่งรถบัสกลับจะเป็นคนละจุดกันเพราะสายที่เรานั่งมานั้นหมดไปแล้ว เลยต้องมีลุ้นกันบ้างเพราะรถบัสมาช้ากว่ากำหนดเกือบครึ่งชั่วโมง เราก็ไปยืนรอตั้งแต่ก่อนถึงเวลารถมา 20 นาที สรุปว่ารอไปเกือบชั่วโมง แถมรถรอบที่เราจะขึ้นเป็นรถเที่ยวสุดท้ายของวันแล้วด้วย ถ้าพลาดก็สงสัยจะได้นอนที่หมู่บ้านแทน เพราะห่างจากที่พักแถวสถานีคาวากูชิโกะเกือบสิบกิโลเมตรเลย
กลับถึงที่พักก็ไม่ได้ทำอะไรมาก กินข้าว อาบน้ำ นอน เรามีการเปลี่ยนแผนของวันรุ่งขึ้นจากเดิมหน่อย เพราะเมื่อวานตอนที่มาถึงสถานีคาวากูชิโกะเราได้แวะเข้าไปที่ tourist center หาข้อมูลต่างๆนานาเอาไว้ก่อนแล้ว แผนของเราจริงๆคือเราจะไปที่สวนชิบะซากุระกัน เพราะเราดูมาคร่าวๆว่ามันเปิดให้เข้าชมตั้งแต่เดือนเมษายน-กรกฏาคม วันที่เราไปเป็นวันที่ 24 เมษา เลยกะว่าจะไปดูซักหน่อย แต่ปรากฏว่าที่ tourist center มีรูปถ่ายทุ่งดอกชิบะซากุระของเมื่อวานให้ดูด้วย ก็ปรากฏว่ามันยังไม่บานเลยแม้แต่น้อย คือง่อยมากๆ ซึ่งเป็นความดีงามของประเทศนี้จริงๆ ทำให้เราไม่ต้องเสียเวลานั่งรถไปถึงแล้ว fail สุดๆ
ตอนมาเช้าตื่นมารีบเปิดผ้าม่านดูฟูจิก่อนเลย ฟ้าใส เห็นฟูจิชัดเจน สวยงามมากๆ วันนี้จึงเปลี่ยนแผนใหม่ กลับไปแก้มือที่เจดีย์ชูเรโตะตอนเช้าอีกรอบ เพราะเมื่อวานเมฆบังฟูจิซัง รูปเลยไม่ค่อยสวย อีกอย่างถ่ายรูปเมื่อวานตอนบ่ายมันย้อนแสงด้วย เราก็เลยรีบแต่งตัวแล้วออกไปทันที ข้าวก็ไม่ได้กิน รีบแจ้น วิ่งขึ้นเนินไปถึงเจดีย์ น้องเมฆก็เข้ามาบังยอดของฟูจิซังอีกแล้ว แต่ก็ได้รูปแดดเช้ามาแทน สีสันของเจดีย์และฟูจิซังดูจะสวยงามขึ้นนะ ว่ามั้ย
เสร็จจากที่เจดีย์เราก็นั่งรถไฟกลับไปสถานีเดิม เช็คเอ้า แล้วฝากกระเป๋าเอาไว้ก่อน จากนั้นก็ออกไปเช่าจักรยานที่ร้านใกล้ๆกับโรงแรมนั่นแหล่ะ เพราะเราจะไปขี่จักรยานรอบทะเลสาปคาวากูชิโกะกัน! แหม่ะ แค่คิดก็ฟินละ ค่าเช่าจักรยานแบบบ้านๆราคาประมาณ 1,000 เยน เช่าตอนเช้าคืนตอนเย็น
ช่วงที่เราไปในรีวิวนี้คือวันที่ 24 เมษายน ดอกซากุระบริเวณทะเลสาปคาวากูชิโกะนั้นบานเต็มที่พอดี คือบรรยากาศโดยทั่วไปของทะเลสาปนี้ก็เรียกว่าสุดยอดอยู่แล้วนะ มาเจอช่วงพีคของซากุระเข้าไปอีกนี่ สวรรค์ชัดๆ เพราะระหว่างทางที่เราขี่จักรยานลัดเลาะริมทะเลสาปไปนั้น จะเห็นดอกซากุระบานเต็มไปหมดเลย ทั้งสวนต้นซากุระ อุโมงค์ต้นซากุระ ซากุระริมน้ำ และชิบะซากุระที่สวนริมทะเลสาป เรียกได้ว่าแค่วันนี้วันเดียว ก็คุ้มทริปมาดูซากุระที่ญี่ปุ่นแล้ว (เว่อร์ไปมั้ย) ไปดูรูปกันเลยดีกว่า
ระยะทางรอบทะเลสาปคาวากูชิโกะประมาณ 20 กิโลเมตรเท่านั้น ทางส่วนใหญ่เป็นทางคนเดินและจักรยานแยกจากถนน มีแค่บางช่วงเท่านั้นที่ต้องลงถนน เช่นบริเวณที่ต้องรอดอุโมงค์ กว่าที่เราขี่จักรยานวนมาจนครบรอบแล้วเย็นซะแล้ว เพราะเราแวะตลอดทางเลย อากาศก็เย็นสบาย ปั่นเรื่อยๆ ชิวๆ พอเห็นว่าพระอาทิตย์น่าจะใกล้ตกแล้ว เราก็เลยรอที่สวนซากุระ ชมพระอาทิตย์ตกที่ริมทะเลสาปนี้ซะเลย ถึงจะไม่ได้เห็นพระอาทิตย์เป็นดวงกลมโต แต่ก็ได้บรรยากาศที่สวยงามมากเหมือนกัน
พอพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าเราก็รีบปั่นจักรยานคู่ใจของเราไปคืนที่ร้านทันที เพราะจริงๆแล้วที่ร้านจะให้เช่าถึงแค่ 6 โมงเย็นเท่านั้นแต่ตอนที่เอาไปคืน เป็นเวลาเกือบๆทุ่มนึงแล้วแต่เจ้าของร้านใจดีก็ไม่ได้ว่าอะไร เสร็จแล้วเราก็ไปเอาสัมพาระของเราที่ฝากไว้ที่โรงแรม แล้วออกมารอรถบัสที่ป้ายหน้าสถานีรถไฟ ที่อยู่แค่ฝั่งตรงข้ามโรงแรมนั่นแหล่ะ โดยรถบัสคันนี้จะพาเรามุ่งหน้าเข้าสู่ใจกลางเมืองโตเกียว ไปลงที่ชินจูกุนั่นเอง
รีวิว 2 วัน 1 คืนเที่ยวทะเลสาปคาวากูชิโกะในช่วงดอกซากุระบาน ก็จบลงแต่เพียงเท่านี้ ขอบคุณทุกคนที่ติดตามครับ ดู รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นอื่นๆได้ที่นี่
ข้อมูลที่เที่ยวภูเขาไฟฟูจิเพิ่มเติม
วิธีการเดินทางมาเที่ยยวทะเลสาปคาวากูชิโกะ
โรงแรมที่พักรอบๆทะเลสาปคาวากูชิโกะ
เจดีย์ชูเรโตะ(chureito-pagoda)
หมู่บ้านโอชิโนะฮักไก(Oshino Hakkai)
ทะเลสาปคาวากูชิโกะ(Kawaguchiko)