วัดซานบุสึจิ (Sanbutsu-ji Temple)
Photo by David Monniaux from commons.wikimedia.org/wiki/File:Japan_Tottori_MitokuSan_Nageiredo_DSC01248.jpg [CC by 3.0]
วัดซานบุสึจิ (Sanbutsu-ji Temple) ตั้งอยู่บนภูเขามิโตะคุ (Mount Mitoku)ในจังหวัดต็อดโตริ มีความโดดเด่นเรื่องที่ตั้งเป็นอย่างมาก เพราะมีวิหารบางส่วนที่ตั้งอยู่ หน้าผาที่มีความลาดชันที่ทั้งดูสวยงามและยังมีความแปลกตากว่าที่อื่นๆ อีกทั้งยังมีความเก่าแก่เพราะก่อตั้ง ตั้งแต่ปี ค.ศ. 706 และหากต้องการเพลิดเพลินไปกับวิวทิวทัศน์ที่งดงามก็ยังมีจุดที่สามารถชมวิวธรรมชาติ เทือกเขาอันเขียวขจี เนื่องจากวัดตั้งอยู่ท่ามกลางทิวทัศน์ของหุบเขาและป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ ที่สำคัญเส้นทางแม้จะมีความมั่งคงค่อนข้างปลอดภัย หากแต่ยังคงความเป็นธรรมชาติอยู่มาก ทำให้การเดินทางไปอาจมีความลำบากอยู่บ้าง ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งกับผู้ที่ชื่นชอบในสถาปัตยกรรมแบบโบราณและพร้อมที่ท้าทายตัวเองด้วยการผจญภัยแบบเล็กๆน้อยๆ วัดพุทธศาสนาแห่งนี้ได้ถูกขึ้นทะเบียนให้เป็นสมบัติแห่งชาติที่สำคัญของประเทศญี่ปุ่นและยังเป็นสถานที่ทางวัฒนธรรมที่ สำคัญโดยรัฐบาลญี่ปุ่น นับเป็นวัดที่
ตั้งอยู่บนเทือกเขามิโตะคุที่มีความสูง 900 เมตรจากระดับน้ำทะเล มีการสร้างแบบสถาปัตยกรรมญี่ปุ่นแบบโบราณด้วยโครงสร้างไม้เป็นหลัก ที่แม้อาจดูโบราณหากก็มีความมั่นคงแข็งแรงและยังให้ความรู้สึกเหมือนได้สัมผัสกับกลิ่นอายของประวัดติศาสตร์ ภายใต้บรรยากาศที่เงียบสงบนักท่องเที่ยวยังมีจำนวนไม่เยอะจนพลุกพล่าน ตามตำนานว่ากันว่าแต่เดิมนั้นก่อนจะเป็นวัดได้เป็นสถานที่ฝึกอบรมทางพระพุทธศาสนาที่ก่อตั้งขึ้นโดยพระสงฆ์เอนโนะเคียวจะ (En no Gyoja) ซึ่งมีแต่ตัววิหารหลักอย่างวิหารนา Nageiri Hall เท่านั้น จนเรียกได้ว่าเป็นต้นกำเนิดของการฝึกอบรมบนภูเขาสำหรับพระสงฆ์ ประมาณหนึ่งร้อยห้าสิบปีต่อมานายจิกะกุ ไดชิ (Jikaku Daishi)ผู้ซึ่งได้เดินทางไปเยือนยังวัดทั่วทั้งประเทศญี่ปุ่นได้ทำการสร้างประติมากรรมรูปปั้นขึ้นและเรียกวัดแห่งนี้ว่า “วัดซานบุสึจิ” โดยถือว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ตั้งแต่สมัยยุคเฮอัง (Heian)และยังได้รับความนิยมสำหรับเหล่าพระสงฆ์เพื่อฝึกฝนตนเองจนถึงปัจจุบัน
การมาเยือนยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของภูเขาพุทธศาสนาแห่งนี้นั้น ควรมีการเตรียมตัวด้านเครื่องแต่งกายที่รัดกุม โดยเฉพาะรองเท้าที่เหมาะสำหรับการปีนเขา เพราะการเดินทางเข้าสู่วัดซานบุสึจิเปรียบเสมือนการพิสูจน์ตัวเองจากเส้นทางที่ทอดยาวและมีความชันสูง เส้นทางที่นำไปสู่วิหาร Nageire Hall ที่นับเป็นไฮไลท์ของการเดินทางที่ห้ามพลาดนั้นอยู่ท่ามกลางเทือกเขาที่สูงชันที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ระหว่างทางจะเห็นบันไดหินตรงทางเข้าออกซึ่งเป็นวิหารใหญ่สร้างขึ้นในยุคหลังของเอโดะ (Edo)ที่ผู้คนมักนิยมมาอธิษฐานให้การไปยัง Nageire Hall มีความราบรื่นและปลอดภัย ระยะทางจากทางเข้าสำนักงานของภูเขามิโตะคุ ไปวิหารNageire Hall ประมาณ 700 เมตร ใช้เวลาเดินประมาณ 1 ถึงครึ่งชั่วโมง ระหว่างการเดินทางจะพบกับดอกไม้ป่านานาพันธุ์และอุปสรรคต่างๆไม่ว่าจะเป็น Kazurazaka (ภูเขาเถาองุ่น) เป็นรากไม้พันกันอยู่เป็นจำนวนมาก Kusarizaka (ห่วงโซ่) บริเวณเนินเขาที่เกือบจะเป็นแนวตั้งและต้องใช้โซ่เพื่อยึดตัวขึ้นไป โดยจะมีจุดชมวิวทิวทัศน์หน้าผาแบบพาโรนาม่าอันงดงามที่สุดได้แก่ Jizo-do ที่จะเป็นสิ่งปลูกสร้างมีชานให้สามารถนั่งชมวิวได้ เพียงแต่ต้องใช้ความระมัดระวังมากนิดนึง เพราะจากไม่มีราวใดๆกั้น รวมทั้งยังมีจุดท้าทายความสามารถอย่าง Monju-do คือ Monju Shuri Bosatsu หรือเรียกอีกอย่างว่า “Katsute Gongen” มีโครงสร้างที่มีเอกลักษณ์สวยงามแปลกตาตั้งอยู่บนหน้าผาที่มีความลาดชัน
ปัจจุบันนั้นวัดแห่งนี้เป็นทั้งสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทางพระพุทธศาสนานิกายเทนได (Tendai) ที่มีสถาปัตยกรรมอันโดดเด่นตั้งอยู่บนผาที่สูงชันท้าทายให้คนที่รักการผจญภัยให้ไปเยือน ทั้งยังมีกิจกรรมการฝึกอบรบทางศาสนาให้กับบุคคลภายนอกหรือองค์กรต่างๆ จึงนับเป็นสถานที่ที่ผสมผสานประวัติศาสตร์ ความเชื่อ และธรรมชาติไว้อย่างลงตัว
การเข้าชม
- วิหารหลัก (Hondo) : ผู้ใหญ่ 400 เยน เด็ก (นักเรียนมัธยมต้น) 200 เยน ผู้ใหญ่ จำนวน 20 คนขึ้นไป 350 เยน และเด็กจำนวน 20 คนขึ้นไป 150 เยน
- วิหาร Nageiredo Hall: ผู้ใหญ่ 600 เยน เด็ก (นักเรียนมัธยมต้น) 300 เยน ผู้ใหญ่ จำนวน 20 คนขึ้นไป 550 เยน และเด็กจำนวน 20 คนขึ้นไป 250 เยน
เปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 8:00 – 17:00 น. (เฉพาะส่วน Nageiredo Hall ปิด 15:00 น. )
ปิดช่วงในอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย อาทิเช่น พายุหิมะเข้า เป็นต้น
วิธีการเดินทาง
จากสถานีรถไฟคุระโยชิ (JR Kurayoshi Station) แล้วต่อด้วยรถบัส Hinomaru Bus ลงที่ป้าย มิโตะคุยามะ-ซังโดะ-อิริกุชิ (Mitokuyama-sando-iriguchi Bus Stop) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาที หลังจากนั้นเดินเท้าต่ออีกประมาณ 10 นาที