ครบครันเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับรถไฟชินคันเซน สำหรับคนไปเที่ยวญี่ปุ่น
Photo: Alpsdake [CC BY-SA 2.0] from commons.wikimedia.org/wiki/File:Fujikawa_Bridge_(Tōkaidō_Shinkansen)_and_Mount_Fuji.jpg
ถ้าพูดถึงการเดินทางที่ทั้งรวดเร็วและปลอดภัยเมื่อไปเที่ยวญี่ปุ่นแล้วละก็ รถไฟความเร็วสูงชินคันเซน(Shinkansen)หรืออีกชื่อหนึ่งที่บ่งบอกความเร็วได้ดีอย่างรถไฟหัวกระสุนนี่เรียกได้ว่าต้องติดอันดับต้นๆในใจใครหลายๆคนแน่นอน เพราะทั้งเคยทำสถิติความเร็วสูงสุดมากถึง 603 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเมื่อปี 2015 แต่ส่วนใหญ่จะวิ่งจริงๆแค่ 320 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเท่านั้น ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะเลือกความปลอดภัยสูงสุดแก่ผู้โดยสาร จุดเด่นของชินคันเซนไม่ได้มีแค่ความเร็วเท่านั้นแต่ความสะดวกสบายนี่ก็เยี่ยมยอด ความหรูหราจะแบ่งตามคลาสที่นั่งกันไป ความสะอาดก็เลื่องชื่อมีการส่งเจ้าหน้าที่มาทำความสะอาดอยู่ตลอดๆ ความปลอดภัยยิ่งหายห่วงไม่เคยมีกระทั่งรถไฟตกรางหรือรถไฟชนกันเลย ซึ่งรถไฟชินคันเซนเนี่ยจะแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลักๆต่างกันตรงการแวะจอดตามสถานีต่างๆ มีรายละเอียดดังนี้
- โนโซมิ (Nozomi) : จะจอดเฉพาะสถานีหลักๆเท่านั้น อย่างเช่น Shinagawa, Shin-Yokohama, Nagoya, Kyoto และ Shin-Osaka เป็นต้น
- ฮิคาริ (Hikari) : จะจอดในสถานีหลักเหมือนกับโซมิ แต่มีเพิ่มเติมกับสถานีย่อยอีกหลายแห่ง
- โคดามะ (Kodama) : จะทำการจอดในทุกๆสถานีตลอดเส้นทาง อย่างต้นทางโตเกียวปลายทางโอซาก้าก็แวะจอดทั้งหมดประมาณ 16 สถานี
โดยมีเส้นทางการวิ่งของรถไฟชินคันเซนสายหลักๆที่ให้บริการทั้งหมด 7 สายทั่วประเทศญี่ปุ่นด้วยกัน มีรายละเอียดได้แก่
สาย |
สถานีต้นทาง | สถานีปลายทาง |
โทไกโด ชิงกันเซ็ง |
โตเกียว | ชินโอซาก้า |
ซันโย ชิงกันเซ็ง |
ชินโอซาก้า |
ฮากาตะ |
โทโฮะกุ ชิงกันเซ็ง |
โตเกียว |
ชินอาโอโมริ |
โจเอะสึ ชิงกันเซ็ง |
โอมิยะ |
นีงาตะ |
โฮะกุริกุ ชิงกันเซ็ง |
ทากาซะกิ |
คานาซาวะ |
คีวชู ชิงกันเซ็ง | ฮากาตะ |
คาโงะชิมะซูโอ |
ฮอกไกโด ชิงกันเซ็ง | ชินอาโอโมริ |
ชินฮะโกะดะเตะโฮะกุโตะ |
ประเภทของที่นั่งก็จะเป็นเป็นตัวแบ่งระดับความหรูหราของที่นั่งตามราคาที่เราต้องจ่าย ซึ่งมีทั้งหมด 4 แบบ มีรายละเอียดดังนี้
- ที่นั่งแบบไม่ได้สำรองล่วงหน้า (Unreserved Seat) : เป็นที่นั่งที่ไม่ได้ทำการจองก่อนขึ้น เจอที่ไหนว่างก็สามารถนั่งได้เลย จะมีข้อเสียตรงถ้ามีช่วงนั้นคนเยอะๆอาจไม่มีที่นั่งเอาได้ง่ายๆ หรือถ้ามากันหลายๆคนอาจจะต้องนั่งแยกกันไปตามดวง แต่ข้อดีก็ถือราคาที่ถูกที่สุดในสามประเภทนี้ และก็มีความสะดวกสบายขั้นมาตรฐานครบครัน
- ที่แบบต้องสำรองที่นั่งล่วงหน้า (Reserved Seat) : ใครที่ต้องการความชัวร์ว่าจะมีที่นั่งแน่ๆควรเลือกอันนี้ เพราะจองปุ๊บจะมีเลขที่นั่งให้เรียบร้อยไม่ต้องคอยลุ้นในขบวนเวลาขึ้น ราคาก็จะสูงขึ้นมากว่าที่นั่งแบบไม่ได้สำรองล่วงหน้า (Unreserved Seat) แต่มีราคาขึ้นอยู่กับซีซั่นด้วยหากไฮท์ซีซั่นนี่จะแพงกว่าโลว์ซีซั่นอยู่พอสมควร ปกติแล้วจะแตกต่างกันประมาณ 500 เยนได้
- ที่นั่งชั้นพิเศษ (Green Car seats) : ถ้าเปรียบเทียบกับเครื่องบินก็จะประมาณชั้น business ที่หรูพอตัว ความกว้างจะมากขึ้นกว่าอีกสองอันที่ผ่านมา ปรับเอนนอนได้ มีบริการเครื่องดื่มและผ้าเย็น (หรือร้อนตามฤดูกาล) เหมาะกับปลายทางนานๆอยากนอนสบายๆ แต่ต้องทำใจกับราคาที่สูงพอตัวต่างกับอีกสองที่นั่งประมาณ 5,000 – 6,000 เยน
- ที่นั่งชั้นเฟิร์สคลาส (Gran Class) : อยากสัมผัสความหรูระดับเฟิร์สคลาสนี่ไม่ใช่ทุกขบวนจะมีต้องเช็กดีๆ หลักแล้วๆจะมีที่สายไปภูมิภาคโทโฮคุ แน่นอนว่าที่นั่งนี่นั่งสบายสุดๆ หรูหราไม่แพ้เครื่องบินก็ว่าได้ ปรับเอนนอนสบาย พร้อมบริการเสริมพิเศษอีกเพียบไม่ว่าจะเป็น ผ้าห่ม ผ้าปิดตา บริการน้ำดื่ม สาเก และอาหารกล่องเบนโต เรียกได้ว่าบริการและความหรูจัดเต็ม ราคาก็ไม่ห่างจากที่นั่งชั้นพิเศษ (Green Car seats)มาก ถ้ามีแล้วต้องลองสัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษนี้ก็ควรลองซักครั้ง
- เลือกภาษาอังกฤษและเลือกประเภทที่นั่งที่ต้องการ
- เลือกบัตรโดยสารรถไฟชินคันเซ็นเท่านั้นแล้วเลือกเส้นทางที่ต้องการไป
- เลือกสถานนี่ต้นทางที่จะขึ้น เลือกวันที่ จำนวนคน (ผู้ใหญ่กี่คน เด็กกี่คน) และไปแบบเที่ยวเดียวหรือไปและกลับ
- เลือกระหว่างบัตรขึ้นรถไฟและบัตรรถไฟด่วนพิเศษ หรือ เฉพาะบัตรรถไฟด่วนพิเศษ (เพื่อความชัวร์ซื้อแบบรวมสองอย่างครอบคลุมสุด)
- ยืนยันการซื้อ เช็กข้อมูลให้ถูกต้อง ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดแล้วกดโอเคเพื่อคอนเฟิร์มการสั่งซื้อ
- เลือกวิธีการชำระเงินตามที่มีระบุไว้จะเป็นเงินสด (แบงค์หรือเหรียญ) บัตรเครดิต หรือบัตร IC Card และทำการชำระเงินตามที่เลือกไว้
- ตู้นี้สามารถออกใบเสร็จได้ถ้าต้องการสามารถกด receipt แล้วรอรับใบเสร็จได้เลย
- รับเงินทอนและรับบัตร (อย่าลืมเช็คทุกอย่างให้ครบ)
ต้นทาง |
ปลายทาง | ระยะเวลา(นาที) | ราคาตั๋ว(เยน) | |||
Unreserved Seat | Reserved Seat | Green Car seats |
Gran Class |
|||
โตเกียว |
โอซาก้า | 150 | 13,620 | 14,250 | 19,230 |
/ |
โอซาก้า |
เกียวโต | 14 | 1,420 | 2,620 | 3,780 | / |
โตเกียว |
เกียวโต | 135 | 13,080 | 13,710 | 18,690 |
/ |
โตเกียว |
ฮอกไกโด | 270 | / | 22,490 | 30,060 |
38,280 |
โอซาก้า |
นาโกย่า | 51 | 5,830 | 6,360 | 8,790 |
/ |
นาโกย่า |
เกียวโต | 35 | 5,070 | 5,600 | 8,030 |
/ |
ฮอกไกโด |
ซับโปโร | 61 | / | 7,060 | 9,490 |
14,630 |
จากที่ดูจากระยะทางกับราคาแล้วบอกได้เลยว่าการเดินทางด้วยรถไฟชินคันเซนนั้นเหมาะกับผู้ที่วางแผนทางเที่ยวแบบมีเวลาจำกัดต้องการความรวดเร็วในการเดินทางมากๆ ซึ่งราคาก็หนักมากเช่นกัน ดั้งนั้นการวางแผนการท่องเที่ยวจึงควรมีการเที่ยวในภูมิภาคเดียวกันจะดีที่สุด เพราะเหนื่อยน้อยกว่าและสามารถประหยัดงบประมาณได้จากการซื้อบัตรพาสของภูมิภาคนั้นๆที่มีการรวมรถไฟชินคันเซนไว้ด้วย (มีเฉพาะบางประเภทต้องศึกษารายละเอียดดีๆ) ถ้าไม่ไกลมากสามารถนั่งรถไฟประเภทท้องถิ่นหรือด่วนแบบอื่นๆได้ก็ประหยัดงบไปได้เยอะ
แต่ข้อดีสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างเราคือทางรัฐบาลญี่ปุ่นได้มีการขายบัตรพาสที่สามารถใช้นั่งรถไฟชินคันเซนได้ด้วย เรียกว่า JR Pass ซึ่งมีให้เลือกใช้มากมายหลากหลายประเภทจนงงกันไปข้าง แต่ที่สำคัญคือจะประหยัดเงินไปได้มากเลยทีเดียว