8 ที่เที่ยวสุดฮิต ห้ามพลาด จังหวัดอิบารากิ อัพเดตล่าสุด 2024

บทความนี้เป็น Advertorial PR Content

อัพเดตล่าสุดเมื่อ 12 ธันวาคม 2567

 

จังหวัดอิบารากิตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของโตเกียว เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่มีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลาย ทั้งสวนดอกไม้ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ และอาหารทะเลสดๆ การเดินทางมายังอิบารากินั้นสะดวกสบายมาก เพราะใช้เวลาเดินทางจากโตเกียวเพียงหนึ่งชั่วโมงโดยรถไฟ จึงทำให้เป็นจุดหมายปลายทางที่เหมาะสำหรับการเที่ยวแบบวันเดียว (One Day Trip) เราขอแนะนำ 8 ที่เที่ยวสุดฮิตอัพเดตใหม่ล่าสุดในอิบารากิที่จะทำให้คุณได้สัมผัสประสบการณ์ทั้งด้านธรรมชาติ วัฒนธรรม และกิจกรรมที่ครบครัน

 

 

1. สวนฮิตาชิ ซีไซด์ ปาร์ค (Hitachi Seaside Park)

เป็นหนึ่งในจุดชมดอกไม้และวิวทิวทัศน์ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในประเทศญี่ปุ่น โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ที่สวนนี้จะมีทิวทัศน์ของต้นโคเคีย (Kochia) ที่แปลงโฉมจากสีเขียวสดใสในช่วงฤดูร้อนเป็นสีแดงสวยงาม เปลี่ยนทั้งเนินให้กลายเป็นผืนพรมสีแดงกว้างสุดลูกหูลูกตา

ช่วงเวลาที่ดีที่สุด: ประมาณกลางเดือนตุลาคม 

เวลาทำการ: 9:30 – 17:00 น. (อาจเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาล)

ค่าเข้าชม: 450 เยน (อาจเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาล)

การเดินทาง: ต่อรถบัสจากสถานี Katsuta Station ไปยังสวนฮิตาชิซีไซด์ ใช้เวลา 15 นาที

 

 

 

 

2. ตลาดปลานากามินาโตะ (Nakaminato Fish Market)

หนึ่งในตลาดปลาที่ได้รับความนิยมอย่างมากในจังหวัดอิบารากิ โดยเฉพาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่รักอาหารทะเลสดๆ เรียกได้ว่าเป็นสวรรค์ของคนรักซีฟู้ดเพราะเต็มไปด้วยกุ้ง หอย ปู ปลา และของทะเลมากมายที่เพิ่งขึ้นจากทะเลญี่ปุ่น ไม่เพียงแต่ซื้อกลับไปทำอาหารเองเท่านั้น แต่ยังมีร้านอาหารและซูชิบาร์ที่ให้บริการอาหารทะเลสดใหม่ในบรรยากาศสบายๆ ริมทะเลอีกด้วย เมนูที่ไม่ควรพลาดคือซูชิและข้าวหน้าทะเล (Kaisen Don) ที่เต็มไปด้วยวัตถุดิบสดๆที่ชาวประมงนำขึ้นมาจากเรือโดยตรง

เวลาทำการ: 8:00 – 17:00 น.  (*เวลาทำการแตกต่างกันตามแต่ละร้าน)

(แนะนำให้ไปช่วงเช้า)

การเดินทาง: จากสถานี Mito สามารถนั่งรถไฟสาย Hitachinaka Seaside Railway ไปลงที่สถานี Nakaminato แล้วเดินประมาณ 10 นาที

 

 

 

3. ศาลเจ้าคาซามะ อินาริ (Kasama Inari Shrine)

ศาลเจ้าคาซามะอินารินับเป็น 1 ใน 3 ศาลเจ้าอินาริที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น เทพเจ้าประจำศาลเจ้าคือ เทพอุคาโนะมิทามะ ซึ่งเป็นเทพแห่งความอุดมสมบูรณ์ด้านผลผลิตและเกษตรกรรม ทำให้ผู้คนจำนวนมากมาขอพรเพื่อให้ประสบความสำเร็จด้านการทำการเกษตรหรือการค้าขาย ลักษณะเด่นคือเสาโทริอิขนาดใหญ่ที่ทางเข้า รูปปั้นจิ้งจอก ทั้งยังมีเซียมซีและแผ่นป้ายขอพรเอมะที่เป็นรูปจิ้งจอกอีกด้วย

เวลาทำการ: 8:00 – 16:30 น. (อาจเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาล)

ค่าเข้าชม: ฟรี

การเดินทาง: เดินจากสถานี Kasama 20 นาทีหรือนั่งแท็กซี่ 5 นาที

 

 

 

4. คาเฟ่เกาลัดคุริโนะอิเอะ (KURINOIE)

คาเฟ่เล็กๆ สไตล์ญี่ปุ่นล้อมรอบไปด้วยธรรมชาติ มีชื่อเสียงในด้านเมนูขนมเกาลัดซึ่งเป็นผลผลิตขึ้นชื่อของเมืองคาซามะในจังหวัดอิบารากิ คนที่ชื่นชอบขนมหวานที่ทำจากเกาลัดและวัตถุดิบท้องถิ่นแนะนำว่าต้องมาลอง เมนูเด่นได้แก่มองบลังค์ที่ทำจากเกาลัดสดใหม่ รสชาติหอมหวานมีเอกลักษณ์เฉพาะของที่นี่เท่านั้น

เวลาทำการ: 10:00 – 18:00 น.

การเดินทาง: เดินจากสถานี Iwama 20 นาทีหรือนั่งแท็กซี่ 10 นาที

 

 

 

 

5. ที่พักสไตล์แกลมปิ้ง HANAYA SATOYAMA

Hanaya Satoyama เป็นที่พักสไตล์แกลมปิ้งที่ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติในเขตชนบทของอิบารากิ ให้บริการทั้งเต็นท์แกลมปิ้งและแบบห้องพัก มีบรรยากาศที่อบอุ่นและใกล้ชิดธรรมชาติ เหมาะสำหรับคนที่อยากหลีกหนีความวุ่นวายในเมืองมาพักผ่อน ทั้งยังสามารถสนุกกับการทำบาร์บีคิวได้อีกด้วย

Check-in: 14:00~17:00

Check-out: 9:00~10:00

วันหยุด: ทุกวันอังคาร (อื่นๆ เป็นไปตามเวลาทำการของ Ibaraki Flower Park)

 

การเดินทาง: 

– นั่งแท็กซี่หรือรถเช่าประมาณ 30 นาทีจากสถานี Tsukuba (สาย Tsukuba Express)

– นั่งแท็กซี่หรือรถเช่าประมาณ 25 นาทีจากสถานี Ishioka (สาย JR Jōban)

– วันเสาร์ อาทิตย์ นักขัตฤกษ์ : นั่งรถบัสนำเที่ยว Ishioka/Yasato ประมาณ 30 นาทีจากสถานี Ishioka ทางออกฝั่งตะวันออก (สาย JR Jōban)

 

 

 

6. สวนดอกไม้ Ibaraki Flower Park

สวนดอกไม้ขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยดอกไม้หลากหลายสายพันธุ์ที่บานสะพรั่งตลอดทั้งปี มีการจัดสวนตามฤดูกาลทำให้สามารถมาเที่ยวชมได้ทั้งปีไม่มีเบื่อ ไฮไลต์ของที่นี่คือการจัดสวนที่แบ่งเป็นโซนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโซนกุหลาบ ซากุระ ทิวลิป และโซนของต้นไม้ที่ใบเปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง นอกจากนี้ยังมีคาเฟ่ให้นักพักจิบชาหรือรับประทานซอฟต์ครีมอร่อยๆ ในบรรยากาศอันสดชื่นอีกด้วย

เวลาทำการ: 

[1 มีนาคม – เมษายน 2024] 9:00 – 17:00 น.

[5 ตุลาคม – 30 พฤศจิกายน] 9:00 – 20:30 น.

[1 ธันวาคม – 13 มกราคม 2025] วันธรรมดา 12:00 – 20:30 น. / วันส. อา. นักขัตฤกษ์ 9:00 – 20:30 น.

[18 มกราคม – 28 กุมภาพันธ์] 9:00 – 16:00 น.

วันปิดทำการ: ทุกวันอังคาร

ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 900-1,500 เยน / เด็ก 300-500 เยน / เด็กต่ำกว่าชั้นประถม ฟรี / สัตว์เลี้ยง 200 เยน (ราคาเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาล)

การเดินทาง: นั่งรถไฟไปสถานี Ishioka จากนั้นต่อรถบัสใช้เวลาประมาณ 30 นาที

 

 

 

7. เกสต์เฮาส์ Eguchiya และกิจกรรมปั่นจักรยานรอบทะเลสาบ

Eguchiya เป็นทั้งเกสต์เฮาส์ที่เคยเป็นโรงผลิตเหล้ามาก่อน ให้บริการที่พักสไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิม ตกแต่งด้วยไม้และเฟอร์นิเจอร์แบบญี่ปุ่น แขกที่เข้าพักสามารถสัมผัสบรรยากาศของบ้านญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมอันเงียบสงบ รวมถึงมื้ออาหารสไตล์ญี่ปุ่นจากวัตถุดิบท้องถิ่นอันสดใหม่

อีกหนึ่งกิจกรรมยอดฮิตของที่นี่ก็คือการเช่าจักรยานปั่นชมวิวรอบทะเลสาบคาซึมิกาอุระ (Lake Kasumigaura) ซึ่งเป็นทะเลสาบขนาดใหญ่อันดับสองของญี่ปุ่น ได้มาสูดอากาศสดชื่น แถมยังได้สนุกกับการถ่ายรูปกับธรรมชาติสวยๆอีกด้วย ผู้ที่ไม่ได้เข้าพักก็สามารถมาเช่าจักรยานได้เช่นกัน

วันปิดทำการ: ทุกวันจันทร์

การเดินทาง: นั่งรถยนต์จากสถานี Kandatsu 20 นาที

 

 

8. พระพุทธรูปอุชิคุไดบุทสึ (Ushiku Daibutsu)

พระพุทธรูปที่สูงที่สุดในญี่ปุ่นและเป็นหนึ่งในสามพระพุทธรูปที่สูงที่สุดในโลก โดยมีความสูงถึง 120 เมตร ปกติแล้วพระพุทธรูปจะตั้งอยู่ภายในวัด แต่ที่นี่นั้นอุชิคุไดบุทสึทั้งองค์คือตัววัดที่เราสามารถเข้าไปชมและสักการะด้านในได้ อีกทั้งยังมีจุดที่เป็นหอสังเกตการณ์ซึ่งอยู่ในระดับความสูงที่ 85 เมตร สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ได้ทั้งเมืองและยังมองเห็นภูเขาไฟฟูจิจากตรงนี้ได้อีกด้วย

เวลาทำการ: 

[มีนาคม – กันยายน] วันธรรมดา 9:30 – 17:00 น. / วันส. อา. นักขัตฤกษ์ 9:30 – 17:30 น.

[ตุลาคม – กุมภาพันธ์] วันธรรมดา 9:30 – 16:30 น. / วันส. อา. นักขัตฤกษ์ 9:30 – 16:30 น.

ค่าเข้าชม:

เข้าชมสวนและด้านในองค์พระ: ผู้ใหญ่ 800 เยน เด็ก 400 เยน

เข้าชมสวนเท่านั้น: ผู้ใหญ่ 500 เยน เด็ก 300 เยน

การเดินทาง: ลงรถไฟที่สถานี Ushiku และนั่งรถบัสต่อไปยัง Ushiku Daibutsu ประมาณ 30 นาที

 

 

 

สำหรับผู้ที่อยากเช่ารถขับ

สามารถเช่ารถจากสนามบินนานาชาตินาริตะเพื่อเดินทางไปท่องเที่ยวที่จังหวัดอิบารากิได้อย่างง่ายดาย โดยเคาน์เตอร์ที่ให้บริการรถเช่าจะตั้งอยู่ที่เทอมินอล 1 และเทอมินอล 2 (*ไม่มีที่เทอมินอล 3)

แนะนำให้จองรถเช่าทางออนไลน์ล่วงหน้า รวมทั้งอย่าลืมพกใบขับขี่สากลมาด้วย (ขอใบขับขี่สากลได้ที่สำนักงานขนส่งในประเทศไทย ค่าธรรมเนียม 500 บาท โดยชื่อบนใบขับขี่สากลกับชื่อผู้เช่ารถจะต้องตรงกัน) 

 

บริการรถเช่ามีให้เลือกหลากหลายบริษัท โดยมีจุดรับรถและส่งรถจะแตกต่างกันไป ซึ่งบางบริษัทจะมีบริการที่สามารถคืนรถที่จุดส่งรถอื่นได้ด้วย แนะนำว่าถ้าสนใจบริษัทไหนให้ติดต่อสอบถามรายละเอียดก่อนได้เลย

 

นอกจากนี้ ญี่ปุ่นยังเป็นประเทศที่เข้มงวดกับกฎจราจร ซึ่งบางกฎนั้นแตกต่างกับประเทศไทย เพราะฉะนั้นขอให้ทุกคนเรียนรู้กฎจราจรกันก่อนเดินทางด้วยนะ

กฎจราจรญี่ปุ่น : https://rental-car-tips.jp/th/rules/ 

 


บทความนี้เป็น Advertorial PR Content
Exit mobile version