รวม 15 ที่เที่ยวสวยฮิตห้ามพลาดของเมืองฮิโรชิม่า Hiroshima 2567
cowardlion/shutterstock.com
ฮิโรชิม่า(Hiroshima) เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในภูมิภาคชูโงกุ บนเกาะฮอนชูของประเทศญี่ปุ่น เป็นเมืองที่มีความสำคัญทั้งด้านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม โดยเฉพาะประวัติศาสตร์สมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ฮิโรชิม่าเป็นหนึ่งในสองเมืองที่ถูกทิ้งระเบิดปรมาณู ซึ่งเหตุการณ์นี้ได้เปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์โลก และส่งผลให้ฮิโรชิม่ากลายเป็นสัญลักษณ์แห่งสันติภาพ ซึ่งถึงแม้ว่าหลังสงครามโลก ฮิโรชิม่าจะได้รับความเสียหายอย่างหนัก แต่ก็สามารถฟื้นฟูขึ้นมาได้อย่างรวดเร็วและกลายเป็นเมืองที่มีชีวิตชีวาอีกครั้ง ปัจจุบันฮิโรชิม่าเป็นเมืองที่มีความเจริญ และมีบทบาทสำคัญทั้งในด้านเศรษฐกิจและวัฒนธรรม รวมทั้งยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงหลายแห่ง อย่างเช่นสถานที่ต่อไปนี้
1. ศาลเจ้าอิซึคุชิมะ (Itsukushima Shrine)
ศาลเจ้าอิซึคุชิมะ (Itsukushima Shrine) ตั้งอยู่บนเกาะมิยาจิมะ เป็นศาลเจ้าของศาสนาชินโต ก่อตั้งขึ้นครั้งแรกในปี ค.ศ. 593 ศาลเจ้าแห่งนี้เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่น ด้วยความงดงามทางสถาปัตยกรรมและวิวทิวทัศน์ของธรรมชาติ ศาลเจ้าอิซึคุชิมะยังเป็นสัญลักษณ์ของเกาะมิยาจิมะ และได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก การออกแบบศาลเจ้ามีความเป็นเอกลักษณะไม่เหมือนใคร เนื่องจากสร้างบนเสาไม้ที่ยื่นออกไปในทะเล ทำให้เมื่อมีน้ำขึ้นสูง ศาลเจ้าดูเหมือนลอยอยู่บนน้ำ นอกจากนี้ที่นี่ยังมี ประตูโทริอิ ประตูสีแดงขนาดใหญ่ สร้างขึ้นในปี 1168 ตั้งอยู่กลางทะเล เป็นสัญลักษณ์ที่โดดเด่นของศาลเจ้าอิซึคุชิมะ และยังถูกจัดให้เป็นหนึ่งในสามวิวที่สวยที่สุดของญี่ปุ่น (Three Views of Japan) เสาทำจากไม้การบูร มีความสูงประมาณ 16 เมตร และมีเสาเล็กเป็นฐานรองจำนวน 4 เสา เวลาน้ำขึ้นเสาจะดูเหมือนลอยอยู่กลางทะเล
– การเดินทาง นั่งเรือเฟอร์รี่จากท่าเรือมิยาจิมะกุจิ (Miyajimaguchi) ประมาณ 10 นาที เมื่อถึงเกาะนักท่องเที่ยวสามารถเดินเที่ยวชมสถานที่ต่างๆ หรือใช้บริการรถบัสท้องถิ่นเพื่อเดินทาง
– พิกัด https://goo.gl/maps/1qcSwv3X9gnh1pMS9
2. ภูเขามิเซน (Mount Misen)
Shawn.ccf/shutterstock.com
jayaibe/shutterstock.com
PaulWong/shutterstock.com
ภูเขามิเซน (Mount Misen) หากเดินทางมาเกาะมิยาจิมะ นอกจากการแวะที่ศาลเจ้าอิซึคุชิมะ การเดินทางขึ้นเขามิเซนก็เป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจ เพราะทั้งสองแห่งตั้งอยู่ไม่ไกลกันมาก ภูเขามิเชนยังจัดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง และเป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการเดินป่าและชมธรรมชาติ ภูเขามีความสูงกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 500 เมตร ด้านบนในวันที่ท้องฟ้าสดใสเราจะสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ที่งดงามของทะเลเซโตะ (Seto Inland Sea) เกาะใกล้เคียง และเมืองฮิโรชิม่ากันได้อย่างชัดเจน ที่นี่นอกจากจะมีวิวสวยแล้ว ยังมีความสำคัญทางศาสนา โดยเป็นที่รู้จักในฐานะสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาชินโตและพุทธศาสนา โดยมีความเชื่อว่าเคยเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมของพระโคโบ ไดชิ (Kobo Daishi) ผู้ก่อตั้งศาสนาพุทธนิการชินกอน (Shingon) นอกจากนี้บนภูเขายังเป็นที่ตั้งของวัดไดโชอิน (Daisho-in Temple) ซึ่งเป็นวัดพุทธที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน ไม่เพียงเท่านั้นความงดงามของธรรมชาติบนเขาในแต่ละช่วงเวลายังแตกต่างกัน เช่น ในช่วงฤดูใบไม้ผลิเราจะได้ชมความงามของดอกซากุระ ส่วนในช่วงฤดูใบไม้ร่วงจะเป็นช่วงที่ใบเมเปิลเปลี่ยนสีทั่วทั้งภูเขาจะมีสีสันสดใสสวยงาม
– การเดินทาง เมื่อมาถึงเกาะมิยาจิมะจะมีเส้นทางขึ้นเขาให้เลือกได้หลายเส้นทาง ทั้งการเดินเท้า หรือขึ้นกระเช้าลอยฟ้า Miyajima Ropeway ไปยังสถานี Shishiiwa จากนั้นเดินต่อไปอีก 30 นาที
– พิกัด https://maps.app.goo.gl/YaCJh2796xta97WTA
3. เกาะมิยาจิมะ (Miyajima)
Sean Pavone/shutterstock.com
BlackRabbit3/shutterstock.com
cowardlion/shutterstock.com
เกาะมิยาจิมะ (Miyajima) หรือ เกาะอิทสึคุชิมะ (Itsukushima) ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของจังหวัดฮิโรชิม่า เป็นเกาะเล็กๆ ที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมากในด้านวัฒนธรรมและความงดงามของธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจบนเกาะนอกจาก ประตูโทริอิ (Torii) สีแดง, ศาลเจ้าอิซึคุชิมะ และ เกาะมิเซน (Misen) ที่เรากล่าวถึงไปแล้ว บนเกาะยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกหลายแห่ง เช่น พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ภายในมีทั้งสัตว์น้ำเค็มและน้ำจืด รวมทั้งมีการแสดงของสัตว์แสนรู้อย่างสิงโตทะเล ครอบครัวนาก และวาฬ ต่อด้วยศาลเจ้าโฮโคคุจินจะและเจดีย์ 5 ชั้น และ สวนโมมิจิดานิ สถานที่ชมใบไม้เปลี่ยนที่สวยงามอีกแห่งของญี่ปุ่น เป็นต้น นอกจากนี้บนเกาะยังมีวัฒนธรรมและประเพณีที่น่าสนใจหลายอย่าง เช่น เทศกาลดอกไม้ไฟกลางน้ำแห่งมิยะจิมะ (Miyajima Water Fireworks Festival) และ เทศกาลหอยนางรมแห่งเกาะมิยาจิมะ เป็นต้น
– การเดินทาง จากสถานี Hiroshima ขึ้นรถไฟ Sanyo Line ไปลงที่สถานี Miyajimaguchi จากนั้นเดินไปท่าเรือ JR Miyajima Ferry ลงเรือข้ามฟาก ไปขึ้นที่ท่าเรือ Miyajima Matsudai-kisen Ferry
– พิกัด https://maps.app.goo.gl/V7vEXtK3Jmimjvjn7
4. อนุสรณ์สันติภาพฮิโรชิมะ (Hiroshima Peace Memorial)
f11photo/shutterstock.com
Sean Pavone/shutterstock.com
ItzaVU/shutterstock.com
อนุสรณ์สันติภาพฮิโรชิมะ (Hiroshima Peace Memorial) หรือ โดมปรมาณู ตั้งอยู่ในสวนสันติภาพฮิโรชิมา ติดริมแม่น้ำและอยู่ไม่ไกลจากพิพิธภัณฑ์อนุสรณ์สันติภาพฮิโรชิม่ามากนัก โดยโดมปรมาณูแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม ค.ศ. 1945 เมื่อกองทัพสหรัฐอเมริกาได้ทิ้งระเบิดปรมาณูที่ฮิโรชิมา ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่สร้างความเสียหายและคร่าชีวิตประชาชนจำนวนมาก เดิมทีอาคารแห่งนี้ถูกใช้เป็นที่จัดแสดงนิทรรศการสินค้าของเมืองฮิโรชิมา ในวันที่ระเบิดถูกทิ้งอาคารตั้งอยู่ไม่ไกลจากจุดศูนย์กลางระเบิด ทำให้โครงสร้างส่วนใหญ่ถูกทำลาย แต่อาคารโดมยังคงยืนหยัดเป็นหลักฐานที่สำคัญของความหายนะ หลังสงครามโลกครั้งที่สอง สิ่งที่เหลือจากโดมปรมาณูได้กลายเป็นเครื่องเตือนใจถึงความหายนะของสงครามและความสำคัญของสันติภาพ ในปี ค.ศ. 1996 องค์การยูเนสโกได้ประกาศให้โดมปรมาณูเป็นมรดกโลกเพื่อให้คนรุ่นหลังได้รับรู้ถึงความโหดร้ายของสงครามและความสำคัญของการสร้างสันติภาพที่ยั่งยืน ภายในสวนยังมีอนุสาวรีย์และสิ่งก่อสร้างหลายอย่าง เช่น อนุสาวรีย์เด็กผู้เสียชีวิตจากระเบิด (Children’s Peace Monument) ที่สร้างขึ้นจากการบริจาคนกกระเรียนกระดาษจากเด็กทั่วโลก
– การเดินทาง ขึ้นรถรางไฟฟ้าสาธารณะของเมืองฮอโรชิมะ หมายเลข 2 หรือ 6 จากสถานีฮิโรชิมะ ลงที่สถานีเก็งบะกุโดมมาเอะ จากนั้นเดินอีกประมาณ 1 นาที
– พิกัด https://maps.app.goo.gl/NQDcRqRYEwm9BQg2A
5. พิพิธภัณฑ์อนุสรณ์สันติภาพฮิโรชิม่า (Hiroshima Peace Memorial Museum)
f11photo/shutterstock.com
Jesse33/shutterstock.com
Iryna Makukha/shutterstock.com
พิพิธภัณฑ์อนุสรณ์สันติภาพฮิโรชิม่า (Hiroshima Peace Memorial Museum) ตั้งอยู่ในสวนสันติภาพฮิโรชิมาเช่นกัน โดยจะอยู่คนละฝั่งแม่น้ำกับโดมปรมาณู แต่สามารถเดินหากันได้ สำหรับพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1955 เพียง 10 ปีหลังจากการทิ้งระเบิดปรมาณู ภายในพิพิธภัณฑ์มีการจัดแสดงสิ่งของและภาพถ่ายที่แสดงถึงความเสียหายที่เกิดขึ้น รวมถึงเรื่องราวของผู้รอดชีวิตที่เล่าเรื่องราวความทรมานที่พวกเขาต้องเผชิญ พิพิธภัณฑ์นี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อเตือนใจให้โลกไม่ลืมความหายนะที่เกิดขึ้นและเพื่อส่งเสริมการสร้างสันติภาพที่ยั่งยืน ภายในแบ่งออกเป็นหลายโซน เช่น โซนประวัติศาสตร์ บอกเล่าประวัติศาสตร์ของเมืองฮิโรชิมาก่อนและหลังเหตุการณ์ระเบิดปรมาณู, โซนเรื่องราวของผู้รอดชีวิต นำเสนอเรื่องราวส่วนตัวของผู้รอดชีวิตที่เล่าเรื่องราวความทรมานและความสูญเสียที่พวกเขาต้องเผชิญ, โซนผลกระทบและความเสียหาย รวมถึงการแพร่กระจายของกัมมันตภาพรังสีที่ส่งผลต่อสุขภาพของผู้รอดชีวิต และ โซนการสร้างสันติภาพ นำเสนอแนวคิดและการดำเนินงานที่มุ่งเน้นในการสร้างสันติภาพและป้องกันการใช้อาวุธนิวเคลียร์ในอนาคต ที่นี่ไม่เพียงแค่เป็นอนุสรณ์สถานที่ระลึกถึงเหยื่อที่เสียชีวิต แต่ยังเป็นที่ที่ส่งเสริมการเรียนรู้และสร้างแรงบันดาลใจในการสร้างสันติภาพที่ยั่งยืน
– การเดินทาง ขึ้นรถรางสาย 2 หรือ 6 จากสถานีฮิโรชิมะ ไปลงที่เก็นบากุโดมุมาเอะ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 15 นาที
– พิกัด https://maps.app.goo.gl/SCH7aQZeebRADVTj8
6. ปราสาทฮิโรชิมะ (Hiroshima Castle)
KoreaKHW/shutterstock.com
lkunl/shutterstock.com
Suraseth Daramas/shutterstock.com
ปราสาทฮิโรชิมะ (Hiroshima Castle) ที่นี่เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของความรุ่งเรืองในอดีตและความทรหดของชาวญี่ปุ่น ที่สามารถฟื้นฟูปราสาทหลังจากการถูกทำลายจากระเบิดปรมาณูในปี 1945 ปราสาทฮิโรชิมาเริ่มสร้างขึ้นในปี 1589 โดย โมริ โมโตนาริ (Mori Terumoto) ผู้เป็นขุนนางชั้นสูงในยุคนั้น ปราสาทถูกใช้เป็นที่พักอาศัย และที่ทำงานของผู้ปกครองจังหวัดในยุคเอโดะ รวมทั้งเป็นศูนย์กลางการปกครองและการทหารที่สำคัญ ภายในปราสาทมีโครงสร้างที่ซับซ้อน โดยมีหอคอยหลัก (Tenshu) ที่สูงถึง 5 ชั้น ล้อมรอบด้วยคูน้ำและกำแพงหิน สถาปัตยกรรมของปราสาทเป็นแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม ที่มีความสวยงามและวิจิตรบรรจง ปัจจุบันที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์ที่นำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของปราสาทและเมืองฮิโรชิมา รวมถึงการจัดแสดงสิ่งของ ภาพถ่ายที่เกี่ยวข้องกับปราสาท และเหตุการณ์สำคัญต่างๆ ภายในพิพิธภัณฑ์ผู้เข้าชมสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของชาวญี่ปุ่นในอดีต นอกจากนี้บริเวณรอบปราสาทยังมีสวนสวยที่เรียกว่า “สวนชูโคกุ” (Shukkeien Garden) ซึ่งเป็นสวนสไตล์ญี่ปุ่นที่มีการจัดตกแต่งไว้อย่างสวยงาม
– การเดินทาง จากสถานีรถรางคามิยาโช-นิชิ (Kamiyacho-nishi)ใช้เวลาเดินประมาณ 10 นาทีมายังปราสาท
– พิกัด https://maps.app.goo.gl/n773VHxY6rexJTMQ9
7. สวนชุกเคเอ็น (Shukkeien Garden)
Nero LEE/shutterstock.com
Tanya Jones/shutterstock.com
Alec Gibson/shutterstock.com
สวนชุกเคเอ็น (Shukkeien Garden) สร้างขึ้นในปี 1620 โดยอาซาโนะ นากาอะคิระ (Asano Nagaakira) ผู้เป็นไดเมียวแห่งจังหวัดฮิโรชิมาในยุคเอโดะ ภายในสวนได้รับการออกแบบให้มีภูมิทัศน์ธรรมชาติที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น บ่อน้ำ สะพาน เกาะเล็กๆ และเนินเขา ซึ่งทั้งหมดถูกจัดวางอย่างมีศิลปะ รวมทั้งในแต่ละฤดูภายในสวนยังมีธรรมชาติที่สวยงามแตกต่างกัน โดยในฤดูใบไม้ผลิที่นี่จะเต็มไปด้วยดอกซากุระที่บานสะพรั่ง ในฤดูร้อนทั้งสวนจะเป็นสีเขียวขจีร่มรื่น ส่วนฤดูใบไม้ร่วงใบเมเปิ้ลจะเปลี่ยนเป็นสีแดงที่มีสีสันสวยสดใส และฤดูหนาวภายในสวนจะมีบรรยากาศเงียบสงบและปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวโพลน การเดินทางมาที่นี่นอกจากการเดินชมสวนและเพลิดเพลินกับความงดงามของธรรมชาติแล้ว ยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจ โดยเฉพาะการชงชาแบบญี่ปุ่น (Tea Ceremony) ที่จัดขึ้นในบ้านชงชาภายในสวน ที่ช่วยทำให้ผู้เข้าชมได้สัมผัสประสบการณ์วัฒนธรรมของญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม
– การเดินทาง จากสถานีฮิโรชิม่าใช้เวลาเดินประมาณ 15 นาที
– พิกัด https://maps.app.goo.gl/akJC6zGd2kwpn7Zz7
8. พิพิธภัณฑ์ยามาโตะ (Yamato Museum)
beeboys/shutterstock.com
beeboys/shutterstock.com
beeboys/shutterstock.com
พิพิธภัณฑ์ยามาโตะ (Yamato Museum) ตั้งอยู่ในเมืองคุเระ เป็นพิพิธภัณฑ์ที่สร้างขึ้นมาเพื่อบอกเล่าเรื่องราวของเรือประจัญบานยามาโตะ ซึ่งเป็นหนึ่งในเรือรบที่ใหญ่ที่สุดและทรงพลังที่สุดที่เคยสร้างขึ้นในประวัติศาสตร์ของกองทัพเรือญี่ปุ่น พิพิธภัณฑ์นี้ไม่เพียงแต่แสดงถึงความสำคัญทางทหารเท่านั้น แต่ยังเป็นที่จัดแสดงทางประวัติศาสตร์และเทคโนโลยีการต่อเรือของญี่ปุ่นอีกด้วย พิพิธภัณฑ์ยามาโตะเปิดทำการเมื่อวันที่ 23 เมษายน ปี 2005 ภายใต้ชื่อทางการว่า “พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์และวิทยาศาสตร์ทางทะเลคุเระ” (Kure Maritime Museum) การตั้งชื่อพิพิธภัณฑ์เป็นการตั้งตามชื่อเรือประจัญบานยามาโตะเพื่อเป็นเกียรติแก่เรือลำนี้ ซึ่งถูกสร้างขึ้นในเมืองคุเระในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ภายในพิพิธภัณฑ์มีการจัดแสดงนิทรรศการต่างๆ ที่หลากหลายและน่าสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจำลองเรือประจัญบานยามาโตะที่มีขนาด 1:10 ที่จัดเป็นไฮไลท์ของพิพิธภัณฑ์ รวมทั้งยังมีการจัดแสดงสิ่งของและภาพถ่ายที่เกี่ยวข้องกับเรือยามาโตะและเรือรบอื่นๆ ที่ถูกสร้างขึ้นในเมืองคุเระ
– การเดินทาง จากสถานี JR Kure ใช้เวลาเดินไปยังพิพิธภัณฑ์ประมาณ 5 นาที
– พิกัด https://maps.app.goo.gl/8NudhJdLqxWt8sFe8
9. วัดมิทากิ เดระ (Mitaki Dera)
Goldilock Project/shutterstock.com
Goldilock Project/shutterstock.com
fafo/shutterstock.com
วัดมิทากิ เดระ (Mitaki Dera) ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 809 โดยชื่อของวัดจะมีที่มาจากน้ำตกสามแห่งที่ตั้งอยู่ภายในพื้นที่วัด วัดแห่งนี้ได้รับการบูรณะและดูแลรักษาตลอดหลายศตวรรษที่ผ่านมา จัดเป็นสถานที่ที่มีความสำคัญทั้งในด้านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม ภายในวัดมีสิ่งที่น่าสนใจและเป็นที่ดึงดูดใจของนักท่องเที่ยวมากมาย อาทิเช่น เจดีย์ทาโฮโต (Tahoto) เจดีย์สองชั้นสีแดงสดใสโดดเด่น สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1718 และยังได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าประจำจังหวัด ภายในเจดีย์เป็นที่ประดิษฐานพระอมิตาภพุทธะปางสมาธิ ที่สร้างจากไม้และถูกจัดให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าของชาติ, น้ำตกสามแห่ง (Mitaki Falls) น้ำตกที่ไหลผ่านพื้นที่วัด ให้บรรยากาศร่มรื่นเย็นสบายและเงียบสงบ, พระพุทธรูปหินและรูปปั้นต่างๆ ภายในวัดมีพระพุทธรูปหินและรูปปั้นทางศาสนามากมาย สำหรับศาลเจ้าและวิหารต่างๆ ของที่นี่ยังสร้างขึ้นตามแบบสถาปัตยกรรมดั้งเดิมของญี่ปุ่นอีกด้วย
– การเดินทาง ขึ้นรถไฟท้องถิ่นที่มุ่งหน้าไป Akikame-yama จากนั้นลงที่สถานี Mitaki แล้วเดินต่ออีกประมาณ 10-15 นาที
– พิกัด https://maps.app.goo.gl/5dZGdrfQoQVtUWtu8
10. โอโคโนมิมุระ (Okonomimura)
YingHui Liu/shutterstock.com
Jesse33/shutterstock.com
Vassamon Anansukkasem/shutterstock.com
โอโคโนมิมุระ (Okonomimura) เป็นแหล่งรวมร้านอาหารโอโคโนมิยากิ (Okonomiyaki) ชื่อดังในท้องถิ่นมาไว้ในที่เดียวกัน ที่นี่เราจะได้พบร้านโอโคโนมิยากิที่หลากหลาย ตั้งแต่ร้านขนาดเล็กที่มีบรรยากาศแบบครอบครัวไปจนถึงร้านใหญ่ที่มีบรรยากาศคึกคัก นักท่องเที่ยวสามารถลองชิมโอโคโนมิยากิได้หลายรูปแบบ และสนุกกับการดูการทำอาหารบนเตาทรงแบน (Teppan) โดยพ่อครัวมืออาชีพ สำหรับโอโคโนมิยากิ จะเป็นอาหารญี่ปุ่นที่มีรสชาติอร่อยและเป็นที่รู้จักในทั่วโลก และมักถูกเรียกว่า “พิซซ่าญี่ปุ่น” หรือ “แพนเค้กญี่ปุ่น” แต่ในความเป็นจริงแล้วมีลักษณะและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยจะทำมาจากแป้งสาลี น้ำ และส่วนผสมต่างๆ เช่น กะหล่ำปลี หมู เนื้อ ซีฟู้ด หรือชีส ที่ปรับเปลี่ยนได้ตามความชอบของผู้ทาน ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โอโคโนมิมุระ ได้เติบโตขึ้นเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจและเป็นสัญลักษณ์ของวัฒนธรรมอาหารฮิโรชิมา นักท่องเที่ยวสามารถสำรวจร้านอาหารมากมายในตึกสูง 4 ชั้น ซึ่งแต่ละร้านมีเอกลักษณ์และรสชาติที่แตกต่างกัน
– การเดินทาง ขึ้นรถไฟ Hiroshima Electric Railway จากสถานี Hiroshima มาลงที่ สถานี Hacchobori จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 3-5 นาที
– พิกัด https://maps.app.goo.gl/wv1qWfNtvtALspCG9
11. หุบเขาซันดังเคียว (Sandankyo Gorge)
mTaira/shutterstock.com
umaruchan4678/shutterstock.com
BlackRabbit3/shutterstock.com
หุบเขาซันดังเคียว (Sandankyo Gorge) เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติที่งดงามและเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวที่รักธรรมชาติและการผจญภัย ซันดังเคียวเป็นหุบเขาขนาดใหญ่ที่มีแม่น้ำไหลผ่านและมีน้ำตกสวย พร้อมด้วยวิวทิวทัศน์ที่งดงาม ท่ามกลางป่าเขาและหินผา หุบเขาแห่งนี้ถูกค้นพบและเริ่มเป็นที่รู้จักในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 จากนั้นได้รับการอนุรักษ์และพัฒนาให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว สำหรับชื่อ “ซันดังเคียว” แปลว่า “หุบเขาสามชั้น” ซึ่งมาจากลักษณะของน้ำตกที่ไหลผ่านหุบเขานั่นเอง การเดินทางมาท่องเที่ยวที่นี่นอกจากชมธรรมชาติแล้ว ยังมีกิจกรรมน่าสนใจหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น การเดินป่าสำรวจธรรมชาติที่งดงาม, เที่ยวน้ำตกซันดัง (Sandan Falls) น้ำตกสวยที่มีขนาดสามชั้น, ชมสระน้ำคุโระบุจิ (Kurobuchi) แอ่งน้ำสีเขียวมรกตใสสะอาดรอบบริเวณยังมีวิวทิวทัศน์ที่งดงามดุจภาพวาด และล่องเรือผ่านแม่น้ำที่ไหลผ่านหุบเขาไปตามช่องแคบสัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิด
– การเดินทาง จาก Hiroshima Bus Center ขึ้นรถบัสสาย Sandankyo ไปลงที่ Sandankyo Gorge Front Gate ใช้เวลาเดินทางประมาณ 80 นาที
– พิกัด https://maps.app.goo.gl/UF3CmzDgw4DddKrn7
12. เกาะโอคุโนะชิมะ (Okunoshima Island)
JoshuaDaniel/shutterstock.com
Grassflowerhead/shutterstock.com
เกาะโอคุโนะชิมะ (Okunoshima Island) ตั้งอยู่ในทะเลเซโตะ (Seto Inland Sea) เป็นที่รู้จักในชื่อ “เกาะกระต่าย” (Rabbit Island) เนื่องจากมีกระต่ายป่าอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก และนอกจากความน่ารักของกระต่ายแล้ว เกาะโอคุโนะชิมะยังมีประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีความหลากหลาย ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เกาะแห่งนี้เคยเป็นสถานที่ผลิตอาวุธเคมีของกองทัพญี่ปุ่น โดยมีโรงงานผลิตก๊าซพิษตั้งอยู่บนเกาะ หลังสงครามโรงงานถูกทิ้งร้างและไม่ได้ใช้งานอีก จนกระทั่งในปี 1988 ได้มีการเปิดพิพิธภัณฑ์ก๊าซพิษโอคุโนะชิมะ (Okunoshima Poison Gas Museum) เพื่อให้ความรู้และเตือนถึงความน่าสะพรึงกลัวของอาวุธเคมี ในปัจจุบันเกาะโอคุโนะชิมะกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยนักท่องเที่ยวมักเดินทางมาชมความน่ารักของกระต่ายป่า และเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของเกาะ สำหรับกิจกรรมน่าสนใจบนเกาะก็อย่างเช่น การให้อาหารกระต่าย, ชมพิพิธภัณฑ์ก๊าซพิษโอคุโนะชิมะ, เส้นทางเดินป่าศึกษาธรรมชาติ, การชมซากปรักหักพังของโรงงานก๊าซพิษ และ การนั่งเล่นพักผ่อนริมชายหาด เป็นต้น
– การเดินทาง จากสถานี Mihara ขึ้นรถไฟสาย Kure Line มาลงยังสถานี Tadanoumi และเดินไปท่าเรือ Tadanoumi Port ลงเรือเฟอร์รี่ข้ามไปยังเกาะ
– พิกัด https://maps.app.goo.gl/Y7ThTVRepvqVQ9V98
13. ย่านเมืองเก่าทาเคฮาระ (Takehara Old Town)
Shawn.ccf/shutterstock.com
Shawn.ccf/shutterstock.com
smileatrip ako/shutterstock.com
ย่านเมืองเก่าทาเคฮาระ (Takehara Old Town) หรือหลายคนอาจรู้จักในชื่อ “ลิตเติ้ลเกียวโต” (Little Kyoto) เนื่องจากที่นี่มีบรรยากาศและสถาปัตยกรรมที่คล้ายคลึงกับเมืองเกียวโตนั่นเอง ทาเคฮาระเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานและได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดี ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสกับบรรยากาศของญี่ปุ่นในยุคอดีตได้อย่างเต็มที่ โดยเมืองนี้เป็นเมืองที่เคยเจริญรุ่งเรืองมากในสมัยเอโดะ (Edo Period) จากการผลิตเกลือและสาเก จึงเป็นเมืองที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมในยุคนั้น นอกจากนี้ภายในเมืองยังมีการก่อสร้างอาคารไว้อย่างสวยงามและมีความแข็งแรง ทำให้สามารถอนุรักษ์ไว้ได้จนถึงปัจจุบัน อาคารภายในเมืองยังมีหลากหลายรูปแบบทั้งสไตล์ญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม และแบบที่ได้รับอิทธิพลจากตะวันตก บางหลังมีอายุกว่าร้อยปีเลยทีเดียว นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นที่ตั้งของวัด วัดไซโฮจิ (Saihoji) วัดเก่าแก่ที่เป็นเหมือนศูนย์รวมและสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวบ้านในทาเคฮาระมาตั้งแต่ครั้งอดีต ด้านบนของวัดมีจุดชมวิว ที่เราสามารถชมวิวมุมสูงของตัวเมืองได้ไกลสุดสายตา
– การเดินทาง จากสถานี JR Takehara ใช้เวลาเดินประมาณ 15 นาที
– พิกัด https://maps.app.goo.gl/B2EThiSzVpT9tNaP8
14. พิพิธภัณฑ์มาสด้า (Mazda Museum)
EQRoy/shutterstock.com
EQRoy/shutterstock.com
joeborg/shutterstock.com
พิพิธภัณฑ์มาสด้า (Mazda Museum) สถานที่ท่องเที่ยวสำหรับผู้ที่ชื่นชอบรถยนต์และประวัติศาสตร์ของแบรนด์มาสด้า พิพิธภัณฑ์นี้ไม่เพียงแต่เป็นแหล่งข้อมูลเกี่ยวกับการพัฒนาและเทคโนโลยีของรถยนต์มาสด้าเท่านั้น แต่ยังเป็นสถานที่ที่นำเสนอความภาคภูมิใจในประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของบริษัทอีกด้วย ภายในพิพิธภัณฑ์มีการจัดแสดงรถยนต์ตั้งแต่รุ่นแรกๆ จนถึงรุ่นปัจจุบัน รวมไปถึงรุ่นที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ และรุ่นที่ได้รับความนิยมในตลาดโลก นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงเกี่ยวกับเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่มาสด้าใช้ในการผลิตรถยนต์ เช่น เครื่องยนต์โรตารี (Rotary Engine) ซึ่งเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่เป็นเอกลักษณ์ของมาสด้า รวมทั้งการแสดงเกี่ยวกับการพัฒนาเทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น เครื่องยนต์ Skyactiv และเทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติ ไม่เพียงเท่านั้นภายในพิพิธภัณฑ์ยังมีร้านค้าที่จำหน่ายของที่ระลึกและสินค้าที่เกี่ยวข้องกับมาสด้า เช่น โมเดลรถยนต์ เสื้อผ้า และอุปกรณ์ต่างๆ ที่มีโลโก้มาสด้า นักท่องเที่ยวสามารถซื้อมาเป็นที่ระลึกในการเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์กันได้
– การเดินทาง จากสถานี Hiroshima Station ขึ้นรถไฟสาย Sanyo Main Line ไปยังสถานี Mukainada จากนั้นเดินต่อไปยังพิพิธภัณฑ์ ใช้เวลาประมาณ 5 นาที
– พิกัด https://maps.app.goo.gl/yWPiugNkjLZgYjYT7
15. ฟาร์มเซระโคเก็น (Sera Kogen Farm)
Salyu/shutterstock.com
bluebullet/shutterstock.com
kazumi miyamoto/shutterstock.com
ฟาร์มเซระโคเก็น (Sera Kogen Farm) เป็นฟาร์มดอกไม้ที่มีดอกไม้ปลูกอยู่หลากหลายสายพันธุ์ เช่น ซากุระ, ทิวลิป, ลาเวนเดอร์, คอสมอส, ทานตะวัน และ ไลแลค เป็นต้น สวนแห่งนี้เป็นที่รู้จักในฐานะจุดชมดอกไม้ที่สวยงามและมีการจัดแสดงดอกไม้ตลอดทั้งปี โดยในฤดูใบไม้ผลิ จะเป็นช่วงที่ซากุระและดอกทิวลิปออกดอกบานสะพรั่งสวยงาม ในฤดูร้อนเราจะได้ชมทุ่งดอกลาเวนเดอร์ที่กว้างไกลสุดสายตา และในฤดูใบไม้ร่วงจะเป็นช่วงเวลาอวดโฉมของดอกคอสมอส และดอกรักเร่ นอกจากนี้ภายในสวนยังมีดอกไม้ชนิดอื่นๆ อีกมากมาย ที่นำมาจัดแสดงในฤดูกาลต่างๆ รวมทั้งภายในฟาร์มยังมีกิจกรรมน่าสนใจหลายอย่าง เช่น การเก็บดอกไม้ การทำสวน และการเรียนรู้เกี่ยวกับการเพาะปลูกดอกไม้ เป็นต้น ที่นี่ยังมีร้านค้าและร้านอาหาร ที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์จากดอกไม้ เช่น น้ำหอม สบู่ และผลิตภัณฑ์จากดอกลาเวนเดอร์ ไม่ เพียงเท่านั้นภายในร้านอาหารนอกจากจะให้บริการอาหารพื้นเมืองแล้ว ยังมีขนมที่ทำมาจากดอกไม้ให้เลือกรับประทานกันได้อีกด้วย
– การเดินทาง จากสถานี Hiroshima Station ให้ขึ้นรถไฟสาย JR Sanyo Line ไปลงที่สถานี Shin-Onomichi จากนั้นนั่งรถบัสหรือรถแท็กซี่ต่อไปยังสวน
– พิกัด https://maps.app.goo.gl/3rU9FRJAkpmWjpNP6
กินอะไรดี ที่ฮิโรชิม่า
ฮิโรชิม่ามีอาหารหลากหลายที่ทั้งดั้งเดิมและทันสมัย ที่น่าสนใจมีดังนี้:
- Okonomiyaki: อาหารขึ้นชื่อของฮิโรชิม่า คือ โอโคโนมิยากิ คล้าย ๆ พิซซ่าญี่ปุ่น มีส่วนผสมหลักคือ กะหล่ำปลี หมู และเส้นโซบะ แต่ที่นี่มีสไตล์เป็นของตัวเอง แตกต่างจากพื้นที่อื่นๆของญ๊่ปุ่น ร้านแนะนำคือ Nagata-ya มีเมนูสำหรับมังสวิรัติด้วย
- Oysters: หอยนางรมที่นี่สดและอร่อย ต้องลองร้าน Yakigaki No Hayashi ที่เกาะมิยาจิมะ
- Sushi: ถ้าชอบซูชิ แนะนำร้าน Sushitei Hikarimachi บรรยากาศและรสชาติที่นี่สุดยอด
- ร้านลับ ๆ: มีร้านอาหารเล็ก ๆ ที่ซ่อนอยู่ทั่วเมือง เช่น Hassei ที่มีโอโคโนมิยากิสไตล์ฮิโรชิม่า และ Okkundou Mazemen ที่มีราเมนแห้ง
การเดินทางของเมืองฮิโรชิม่า
การเดินทางในเมืองฮิโรชิม่า: มีระบบรถรางของฮิโรชิม่า (Hiroshima Electric Railway) ครอบคลุมพื้นที่สำคัญ ๆ รวมทั้งมีทั้งรถบัสและแท็กซี่ หรือจะปั่นจักรยานก็มีเส้นทางดี ๆ ให้ปั่น
การเดินทางมาเมืองฮิโรชิม่า: การเดินทางโดยรถไฟชินคันเซ็นจากโตเกียวใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง ส่วนจากโอซาก้าประมาณ 1.5 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังมีเที่ยวบินตรงจากหลายเมืองในญี่ปุ่นมาลงที่สนามบินฮิโรชิม่า
ที่พักในฮิโรชิม่า
ฮิโรชิม่ามีที่พักหลากหลายสำหรับทุกงบประมาณและสไตล์:
รอบๆ Hiroshima JR Station: เดินทางสะดวก ไปไหนก็ง่าย บริเวณรอบๆสถานีรถไฟมีที่พักให้เลือกเยอะ เหมาะกับคนที่เที่ยวในตัวเมืองไม่กี่วัน
ย่าน Downtown Hiroshima: แถวๆย่าน Hondori มีทั้งถนนช้อปปิ้งและห้างขนาดใหญ่ ใกล้แหล่งช้อปปิ้ง กิน เที่ยว เหมาะกับคนชอบช้อปปิ้งหรืออยู่เที่ยวในตัวเมืองหลายวัน
เกาะ Miyajima Island: สำหรับคนต้องการที่พักแบบเรียวกัง แช่ออนเซน ใกล้ชิดธรรมชาติและวัฒนธรรม
ฤดูกาลต่างๆในฮิโรชิม่า
ฮิโรชิม่าเที่ยวได้ตลอดปี ซึ่งแต่ละเดือน แต่ละฤดูก็จะแตกต่างกันไป:
ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม-พฤษภาคม): อากาศดี มีดอกซากุระบาน
ฤดูใบร้อน (มิถุนายน-สิงหาคม): ชุ่มชื้น มีฝนตกและมรสุมเป็นบางช่วง น้ำตกมีน้ำเยอะ และป่าเป็นสีเขียว
ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน-พฤศจิกายน): อากาศเย็นสบาย ใบไม้เปลี่ยนสีสวย
ฤดูหนาว: ถึงจะหนาวแต่ก็มีกิจกรรมและเทศกาลไฟประดับในเมือง
เที่ยวฮิโรชิม่า กี่วันดี
จำนวนวันที่เหมาะสมในการเที่ยวฮิโรชิม่าที่เราแนะนำคือ 2-4 วัน แต่ก็ขึ้นอยู่กับความสนใจของแต่ละคน:
1-2 วัน: พอสำหรับสถานที่สำคัญ เช่น สวนสันติภาพ โดมระเบิดปรมาณู และเกาะมิยาจิมะ
3-4 วัน: เพื่อเที่ยวแบบสบาย ๆ ไปปราสาทฮิโรชิม่า สวนชุกเคเอ็น และลองอาหารท้องถิ่น
5 วันขึ้นไป: เหมาะสำหรับคนที่อยากสำรวจเชิงลึก ทั้งในเมืองและรอบ ๆ รวมถึงทริปวันเดียวไปเมืองใกล้เคียง