12 ที่เที่ยวโกเบ ยอดฮิต ห้ามพลาด Kobe 2567

top-places-kobe

cowardlion/shutterstock.com


อัพเดตล่าสุดเมื่อ 4 กันยายน 2567

 

โกเบ (Kobe) เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในจังหวัดเฮียวโงะ บนเกาะฮอนชูของประเทศญี่ปุ่น เป็นหนึ่งในเมืองที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจและการค้าของประเทศ ด้วยสถานที่ตั้งที่อยู่ใกล้กับอ่าวโอซาก้า ทำให้โกเบมีท่าเรือที่เป็นหนึ่งในท่าเรือหลักของญี่ปุ่น นอกจากนี้ยังเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานตั้งแต่ยุคโจมอน และที่นี่ยังเคยเป็นศูนย์กลางการค้าและการเดินเรือมาตั้งแต่สมัยเอโดะอีกด้วย ภายในเมืองมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายที่น่าสนใจ ทั้งในด้านประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และธรรมชาติ อย่างเช่น 12 สถานที่ท่องเที่ยวต่อไปนี้ บอกได้เลยว่าใครเดินทาง โกเบ ต้องห้ามพลาดแวะชมกันอย่างเด็ดขาด

 

 

 

 

1. โกเบ พอร์ท ทาวเวอร์ (Kobe Port Tower)

Sean Pavone/shutterstock.com

f11photo/shutterstock.com

cowardlion/shutterstock.com

โกเบ พอร์ท ทาวเวอร์ (Kobe Port Tower) เป็นหนึ่งในสถานที่สำคัญและเป็นสัญลักษณ์ของเมืองโกเบ ตั้งอยู่บริเวณท่าเรือโกเบ (Kobe Harborland) และถือเป็นจุดท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนเมืองนี้ โกเบ พอร์ท ทาวเวอร์ สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1963 มีความสูง 108 เมตร โครงสร้างของหอคอยถูกออกแบบมาให้มีความทันสมัยและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ที่นี่ยังเป็นหอคอยแรกในโลกที่ใช้การออกแบบด้วยรูปทรง “Hyperboloid” ซึ่งเป็นรูปทรงที่มีเส้นโค้งมาบรรจบกัน ทำให้โครงสร้างมีความแข็งแรงและยืดหยุ่น ภายในหอคอยมีทั้งหมด 5 ชั้น ในแต่ละชั้นจะมีร้านค้า ร้านอาหาร และจุดชมวิว โดยเฉพาะจุดชมวิวชั้นดาดฟ้าจัดเป็นจุดชมวิวที่สวยงามมาก เพราะสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์รอบด้านของเมืองโกเบและอ่าวโอซาก้าได้แบบ 360 องศา ในวันที่ท้องฟ้าเปิดโล่ง นักท่องเที่ยวสามารถเห็นได้ไกลถึงภูเขาร็อคโกะ (Mount Rokko) และสะพานอะคาชิไคเกียว (Akashi Kaikyo Bridge) เลยทีเดียว

– การเดินทาง ขึ้นรถไฟมาลงที่สถานี JR Kobe หรือ Hanshin จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 15 นาที

– พิกัด https://maps.app.goo.gl/vtvQYJ18bcrCmU8z6

 

 

 

2. ศาลเจ้านากาตะ (Nagata Jinja)

Alon Adika/shutterstock.com

Alon Adika/shutterstock.com

Alon Adika/shutterstock.com

ศาลเจ้านากาตะ (Nagata Jinja) ศาลเจ้าชินโตเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน มีความสำคัญในด้านวัฒนธรรมและศาสนาของเมืองโกเบ รวมทั้งยังจัดเป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวและผู้แสวงบุญมักแวะมาเยี่ยมชมเพื่อสักการะและขอพรอยู่เสมอ ศาลเจ้านากาตะถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 201 เพื่อบูชาเทพเจ้าให้ช่วยปกป้องและคุ้มครองชาวบ้านจากภัยพิบัติและอุบัติเหตุ และให้พรด้านการเกษตรและความอุดมสมบูรณ์ อาคารของศาลเจ้ามีการออกแบบที่งดงามและเป็นเอกลักษณ์ ด้วยสถาปัตยกรรมแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม โครงสร้างหลักประกอบด้วยวิหารหลัก (Honden) และวิหารเสริม (Haiden) ที่มีการตกแต่งอย่างประณีตด้วยงานไม้แกะสลักและการลงสีที่ละเอียดอ่อน บริเวณศาลเจ้าแวดล้อมไปสวนสวยและสระน้ำที่ช่วยทำให้บรรยากาศร่มรื่นและเงียบสงบ ที่นี่ยังเป็นสถานที่จัดกิจกรรมและเทศกาลสำคัญๆ ตลอดทั้งปี ที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวและผู้แสวงบุญให้มาเยือนอย่างไม่ขาดสาย

– การเดินทาง ขึ้นรถไฟสาย Kobe Kosoku Line มาลงที่ Kosoku-Nagata Station หรือ Nagata Station จากนั้นเดินต่ออีกไม่กี่นาที

– พิกัด https://maps.app.goo.gl/JLDZL6A7n8KULtj66

 

 

 

3. พิพิธภัณฑ์สาเกฮาคุทสึรุ (Hakutsuru Sake Brewery Museum)

Iryna Makukha/shutterstock.com

Iryna Makukha/shutterstock.com

Iryna Makukha/shutterstock.com

พิพิธภัณฑ์สาเกฮาคุทสึรุ (Hakutsuru Sake Brewery Museum) พิพิธภัณฑ์จะเป็นส่วนหนึ่งของโรงหมักสาเกฮาคุสึรุ (Hakutsuru Sake Brewery) ที่มีชื่อเสียงด้านการผลิตสาเกคุณภาพสูงมายาวนาน การเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์จะทำให้นักท่องเที่ยวได้เรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ และกระบวนการผลิตสาเกของญี่ปุ่นทุกขั้นตอน สำหรับโรงหมักสาเกฮาคุสึรุก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ.1743 มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 270 ปี สาเกของที่นี่นอกจากจะมีคุณภาพสูงยังมีรสชาติดี เนื่องจากมีแหล่งน้ำบริสุทธิ์และสภาพอากาศที่เหมาะสมสำหรับการหมักสาเก ในส่วนของพิพิธภัณฑ์ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1982 เพื่อเป็นสถานที่จัดแสดงและเผยแพร่วัฒนธรรมการผลิตสาเกให้กับนักท่องเที่ยว และผู้ที่สนใจเรียนรู้เกี่ยวกับกระบวนการผลิตสาเกแบบดั้งเดิม ที่ครอบคลุมทุกขั้นตอนของการผลิตสาเก ตั้งแต่การคัดเลือกวัตถุดิบ การหมัก การบ่ม และการบรรจุขวด หลังจากชมนิทรรศการยังสามารถแวะชิมสาเกหลากหลายชนิด ที่ผลิตโดยฮาคุสึรุได้อีกด้วย

– การเดินทาง ขึ้นรถไฟมาลงที่สถานี Hanshin Sumiyoshi หรือ JR Sumiyoshi และเดินต่ออีกประมาณ 10 นาที

– พิกัด https://maps.app.goo.gl/J6Z1qeMMxxLdv8NJA

 

 

 

4. สวนซูมะริคิว (Suma Rikyu Park)

Toru Kimura/shutterstock.com

Toru Kimura/shutterstock.com

Toru Kimura/shutterstock.com

สวนซูมะริคิว (Suma Rikyu Park) สวนสาธารณะขนาดใหญ่ ที่ได้รับการออกแบบและดูแลรักษาเป็นอย่างดี ทำให้กลายเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจที่ได้รับความนิยมจากชาวเมืองและนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก สวนซูมะริคิวถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1967 โดยได้รับแรงบันดาลใจจากพระราชวังแวร์ซายส์ในฝรั่งเศส ภายในสวนมีพื้นที่ครอบคลุมกว่า 203,000 ตารางเมตร มีการจัดแสดงดอกไม้ ต้นไม้ และพืชพรรณที่หลากหลายตลอดทั้งปี ด้านในยังถูกจัดแบ่งออกเป็นโซนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น โซนสวนดอกไม้ ที่จะมีการจัดแสดงดอกไม้ตามฤดูกาล, สวนแบบญี่ปุ่น ซึ่งจะมีการจัดรูปแบบไว้เป็นลักษณะสวนญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม, โซนน้ำพุและสวนดอกกุหลาบ โซนนี้จะมีน้ำพุตั้งเรียงราย แวดล้อมไปด้วยสวนไม้ดอกไม้ประดับสีสันสวยงาม โดยเฉพาะดอกกุหลาบที่มีมากถึง 4,000 ดอก จาก 180 สายพันธุ์ และ โซนจัดงานและเทศกาลต่างๆ เช่น เทศกาลดอกไม้ งานแสดงศิลปะ และกิจกรรมทางวัฒนธรรม เป็นต้น

– การเดินทาง ขึ้นรถไฟมาลงที่สถานีรถไฟ Tsukimiyama หรือ Sumaura Koen จากนั้นเดินมายังสวนใช้เวลาไม่กี่นาที

– พิกัด https://maps.app.goo.gl/sic6tMmvyvNSXsiC6

 

 

 

5. ภูเขาร็อคโกะ (Mt. Rokko)

Peera_stockfoto/shutterstock.com

Peera_stockfoto/shutterstock.com

Veerachart/shutterstock.com

ภูเขาร็อคโกะ (Mt. Rokko) เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะสถานที่พักผ่อนและตากอากาศของชาวญี่ปุ่นมาตั้งแต่สมัยเมจิ (Meiji Era)ด้วยความสูงกว่า 931 เมตรจากระดับน้ำทะเล ทำให้ที่นี่มีทัศนียภาพสวยงาม และเป็นจุดชมวิวที่ได้รับความนิยมอีกแห่งหนึ่งของเมืองโกเบ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมและสถานที่ท่องเที่ยวที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น จุดชมวิวร็อคโกะการ์เด้น (Rokko Garden Terrace)จุดชมวิวที่สามารถชมวิวทิวทัศน์ที่งดงามของเมืองโกเบ อ่าวโอซาก้า และภูมิภาคคันไซ ได้แบบ 360 องศา รวมทั้งยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกและแสงไฟของเมืองที่สวยงามได้อีกด้วย นอกจากนี้บนเขายังมี สวนพฤกษศาสตร์ร็อคโกะ (Rokko Alpine Botanical Garden)สวนพฤกษศาสตร์ที่มีการจัดแสดงพันธุ์ไม้และดอกไม้จากภูมิภาคต่างๆ ของโลก หรือแม้แต่ พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรีร็อคโกะ (Rokko International Musical Box Museum)ภายในมีการจัดแสดงกล่องดนตรีโบราณและทันสมัยจากทั่วโลก นักท่องเที่ยวสามารถชมและฟังเสียงดนตรีจากกล่องดนตรีที่หลากหลาย นอกจากนี้ยังมีการสาธิตและเวิร์กช็อปให้เข้าร่วมอีกด้วย

– การเดินทาง ขึ้นรถไฟมาลงที่สถานีร็อคโกะ (Rokko Station) แล้วต่อด้วย โกเบซิตี้บัส (Kobe City Bus) สาย 16 หรือ 106 มาลงที่สถานีร็อคโกะเคเบิ้ลชิตะ (Rokko Cable Shita Station)

– พิกัด https://maps.app.goo.gl/yb4cam4QcVNb7EzUA

 

 

 

6. อุโมงค์มินาโตะกาวะ (Minatogawa Tunnel)

Kenan Yarici/shutterstock.com

Ryu K/shutterstock.com

Ryu K/shutterstock.com

อุโมงค์มินาโตะกาวะ (Minatogawa Tunnel) อุโมงค์มีความยาวประมาณ 3 กิโลเมตร มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 7 เมตร เชื่อมต่อพื้นที่หลายแห่งของเมืองโกเบ ที่นี่ไม่เพียงแต่เป็นเส้นทางขนส่งที่สำคัญ แต่ยังเป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวและผู้สนใจเดินทางมาเยี่ยมชมอยู่เสมอ อุโมงค์มินาโตะกาวะถูกสร้างขึ้นในช่วงปี ค.ศ. 1927 – 1931 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขนส่งสินค้าและการโดยสารระหว่างพื้นที่ต่างๆ ในเมืองโกเบ นอกจากนี้ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง อุโมงค์มินาโตะกาวะยังถูกใช้ให้เป็นที่หลบภัยจากการโจมตีทางอากาศ หลังจากสงครามสิ้นสุดลง อุโมงค์ถูกกลับมาใช้งานในฐานะเส้นทางขนส่งอีกครั้ง และได้มีการบำรุงรักษาอย่างต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน โครงสร้างของอุโมงค์ถูกออกแบบมาให้มีความแข็งแรง ทนทานต่อแรงดันจากดิน และน้ำที่อยู่รอบๆ อุโมงค์ นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมอุโมงค์ได้โดยการเข้าร่วมทัวร์ที่จัดขึ้นเป็นประจำ ซึ่งจะมีไกด์คอยให้ความรู้และบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ของอุโมงค์ตลอดเส้นทาง

– การเดินทาง ขึ้นรถบัสมาลงที่ Kumanobashi จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 5 นาที

– พิกัด https://maps.app.goo.gl/Ngqv9oazCepVUrgQ8

 

 

 

7. วัดเทนโจจิ (Tenjoji Temple)

Selector Jonathon/shutterstock.com

ArtNat/shutterstock.com

Selector Jonathon/shutterstock.com

วัดเทนโจจิ (Tenjoji Temple) เป็นวัดพุทธตั้งอยู่บนยอดเขามายะ ของเทือกเขาร็อคโกะ (Mount Rokko) ภายในวัดมีทัศนียภาพที่งดงามและเงียบสงบ นับเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่นักท่องเที่ยวและผู้แสวงบุญต่างเดินทางมาเยือน เพื่อสัมผัสกับความสงบและความงามของธรรมชาติ รวมถึงการปฏิบัติธรรมและการทำสมาธิ วัดเท็นโจจิมีประวัติศาสตร์ยาวนานและมีความสำคัญทางศาสนาและวัฒนธรรมของญี่ปุ่น ก่อตั้งขึ้นประมาณปี ค.ศ. 646 ว่ากันว่ามหาปุโรหิตแห่งอินเดียเป็นผู้ก่อตั้ง โดยชื่อยอดเขามายะมาจาก Maya-Bunin ซึ่งเป็นพระมารดาของพระโคตมพุทธเจ้า ตัวอาคารของวัดมีการออกแบบด้วยสถาปัตยกรรมญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม รอบบริเวณยังแวดล้อมไปด้วยสวนญี่ปุ่นที่ออกแบบไว้อย่างสวยงาม นอกจากนี้ที่นี่ยังมีจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ได้ไกลสุดสายตา และในแต่ละฤดูยังมีความงามแตกต่างกัน รวมทั้งในวันที่ท้องฟ้าแจ่มใส นักท่องเที่ยวยังสามารถมองเห็นเกาะอาวาจิ สะพานอาคาชิ ไคเคียว และเกาะโชโดะ จากจุดชมวิวภายในวัดได้อีกด้วย

– การเดินทาง ขึ้นรถมาลงที่ Maya Cable Station จากนั้นขึ้นกระเช้าไปยังสถานี Hoshi no Eki Station แล้วเดินต่ออีกไม่กี่นาที

– พิกัด https://maps.app.goo.gl/MdMnwqQpak8m63KY9

 

 

 

8. โกเบ ฮาร์เบอร์แลนด์ (Kobe Harborland)

beeboys/shutterstock.com

beeboys/shutterstock.com

cowardlion/shutterstock.com

โกเบ ฮาร์เบอร์แลนด์ (Kobe Harborland) แหล่งช้อปปิ้งและย่านบันเทิงที่มีชื่อเสียง ตั้งอยู่บริเวณท่าเรือโกเบ (Port of Kobe) ภายในเต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร สถานบันเทิง และสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลายรูปแบบ ที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศให้มาเยือนเป็นจำนวนมาก โกเบ ฮาร์เบอร์แลนด์เปิดให้บริการในปี ค.ศ. 1992 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของเมืองโกเบ พื้นที่นี้ได้รับการออกแบบมาให้เป็นย่านที่ทันสมัยและเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับนักท่องเที่ยว สำหรับสถานที่ที่น่าสนใจใน โกเบ ฮาร์เบอร์แลนด์ ก็อย่างเช่น ห้างสรรพสินค้าและช้อปปิ้งมอลล์, โกเบพอร์ตทาวเวอร์, ชิงช้าสวรรค์โกเบ, โกเบอะควาเรียม, พิพิธภัณฑ์การเดินเรือโกเบ, การล่องเรือในอ่าวโกเบ, สวนสนุก และสวนสาธารณะ เป็นต้น การเดินทางมาเยี่ยมชม โกเบ ฮาร์เบอร์แลนด์ นอกจากนักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับบรรยากาศที่ทันสมัย ช้อปปิ้งสินค้าที่มีจำหน่ายอยู่อย่างหลากหลาย รับประทานอาหารอร่อยๆ ยังจะได้ชมความงามของท่าเรือและอ่าวโกเบ ที่จะเป็นภาพความประทับใจไปอีกนาน

– การเดินทาง ขึ้นรถไฟสาย Tokaido-Sanyo Line มาลงที่สถานี JR Kobe แล้วเดินต่อเพียงไม่กี่นาที

– พิกัด https://maps.app.goo.gl/oj4iE6Zf6ZECUUbv6

 

 

 

9. ศาลเจ้าอิคุตะ (Ikuta Shrine)

beeboys/shutterstock.com

Oscar Espinosa/shutterstock.com

liu yu shan/shutterstock.com

ศาลเจ้าอิคุตะ (Ikuta Shrine) ศาลเจ้าเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน มีอายุกว่า 1,800 ปี และยังมีความสำคัญในฐานะศูนย์กลางแห่งศาสนาชินโตอีกด้วย ศาลเจ้าอิคุตะสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 201 โดยจักรพรรดินีจิงกู (Empress Jingu) สร้างขึ้นเพื่อเป็นสถานที่บูชาเทพวาคาฮิรุเมะ โน มิโคโตะ เทพแห่งความรักและการทอผ้า ศาลเจ้าอิคุตะได้รับการบูรณะหลายครั้งในประวัติศาสตร์ แต่ยังคงรักษาความงดงามและสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิมไว้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของโครงสร้างไม้ที่เป็นเอกลักษณ์ และความละเอียดอ่อนในงานฝีมือ ที่นี่ยังมีสวนอิคุตะ (Ikuta Forest) ซึ่งเป็นป่าศักดิ์สิทธิ์สร้างล้อมรอบศาลเจ้าบรรยากาศเงียบสงบ นอกจากนี้ภายในศาลเจ้ายังมีส่วนที่น่าสนใจอีกหลายแห่ง เช่น ประตูโทริอิ (Torii Gate) ประตูศักดิ์สิทธิ์ที่นำทางเข้าสู่ศาลเจ้า เป็นสัญลักษณ์ของการเข้าสู่สถานที่ศักดิ์สิทธิ์, ศาลาไหว้เจ้า (Haiden) ที่สำหรับการประกอบพิธีกรรมและการสวดมนต์ และ ศาลาหลัก (Honden)ที่ประดิษฐานของเทพเจ้า วาคาฮิรุเมะ นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นสถานที่ในการจัดกิจกรรมและพิธีกรรมต่างๆ ตลอดทั้งปี

– การเดินทาง ขึ้นรถไฟไปลงที่สถานี Sannomiya Station จากนั้นเดินต่อไปยังศาลเจ้าใช้เวลาประมาณ 5 นาที

– พิกัด https://maps.app.goo.gl/3oqT8juRhh4kzQ8m6

 

 

 

10. นันกินมาจิ (Nankinmachi)

Lee Yiu Tung/shutterstock.com

Sean Pavone/shutterstock.com

beeboys/shutterstock.com

นันกินมาจิ (Nankinmachi) เป็นย่านไชน่าทาวน์ที่ตั้งอยู่ในใจกลางเมืองโกเบ ที่นี่เป็นหนึ่งในสามแห่งของไชน่าทาวน์ที่สำคัญในประเทศญี่ปุ่น อีกสองแห่งจะเป็น โยโกฮามาไชน่าทาวน์ และนางาซากิไชน่าทาวน์ โดยย่านนันกิงมาจิก่อตั้งขึ้นในปี 1868 หลังจากที่ญี่ปุ่นเปิดท่าเรือโกเบเพื่อทำการค้าระหว่างประเทศ มีชาวจีนจำนวนมากเข้ามาตั้งถิ่นฐานและเปิดกิจการ ส่วนชื่อ “นันกิงมาจิ” มาจากชื่อเมืองหนานจิงในประเทศจีน เพื่อสะท้อนถึงรากฐานวัฒนธรรมจีนที่ชาวจีนได้นำมาสู่โกเบ ตลอดถนนสายหลักจะมีร้านค้า ร้านอาหาร และแผงลอยมากมายที่จำหน่ายอาหารจีนและสินค้าต่างๆ สำหรับสถานที่น่าสนใจก็อย่างเช่น ประตูป้ายหนานจิง (Nankinmachi Gates)ประตูทางเข้าที่มีการตกแต่งด้วยลวดลายจีนไว้อย่างสวยงาม, ศาลเจ้าจีน (Chinese Temple) ศาลเจ้าที่เป็นศูนย์กลางทางศาสนาของชาวจีนในพื้นที่ และ ร้านอาหารจีน ที่พร้อมเสิร์ฟอาหารจีนต้นตำรับ นันกิงมาจิยังมีการจัดเทศกาลและกิจกรรมต่างๆ ตลอดปี โดยเฉพาะเทศกาลตรุษจีนที่มีการจัดงานอย่างยิ่งใหญ่

– การเดินทาง ขึ้นรถไฟ JR Kobe Line มาลงสถานี Motomachi จากนั้นใช้เวลาเดินประมาณ 30 นาที

– พิกัด https://goo.gl/maps/ZrqvmdHU8WudBtJ68

 

 

 

11. โกเบ แอนิมอล คิงดอม (Kobe Animal Kingdom)

Danny Ye/shutterstock.com

Seagrapes/shutterstock.com

sg28220/shutterstock.com

โกเบ แอนิมอล คิงดอม (Kobe Animal Kingdom) เป็นสวนที่ผสมผสานระหว่างสวนสัตว์และสวนพฤกษชาติเอาไว้ด้วยกัน ที่นี่นักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสกับสัตว์นานาชนิดได้อย่างใกล้ชิด และเพลิดเพลินกับความงามของดอกไม้หลากหลายสายพันธุ์ โกเบ แอนิมอล คิงดอม เปิดให้บริการในปี 2006 โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะสร้างสถานที่ที่เน้นการอนุรักษ์ธรรมชาติ และการศึกษาสำหรับผู้ที่สนใจ สถานที่แห่งนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้ผู้เยี่ยมชมได้เรียนรู้เกี่ยวกับสัตว์ และพืชในสภาพแวดล้อมที่เปิดโล่งและเป็นธรรมชาติ ภายในแบ่งออกเป็นหลายโซนแต่ละโซนจะมีสัตว์และพืชที่แตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็น โซนสัตว์น้ำ (Water Zone)ที่ในบ่อน้ำและลำธารเต็มไปด้วยสัตว์น้ำ, โซนสัตว์ปีก (Bird Zone) โซนนี้มีนกหลากหลายชนิดจากทั่วโลก, โซนสัตว์บก (Land Animal Zone)ที่นี่มีสัตว์บกอยู่มากมาย เช่น จิงโจ้ แพนด้าแดง และลามา ต่อด้วย โซนพฤกษชาติ (Plant Zone) โซนนี้มีสวนดอกไม้และต้นไม้หลากหลายสายพันธุ์ บรรยากาศร่มรื่น นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมความงามของดอกไม้และต้นไม้ได้ตลอดทั้งปี

– การเดินทาง ขึ้นรถไฟ สาย Port liner ไปลงที่สถานี K Computer Mae Station และต่อรถบัสประมาณ 15 นาที หรือเดินทางโดยเรือข้ามฟากจากท่าเรือโกเบก็ได้เช่นกัน

– พิกัด https://maps.app.goo.gl/ZHD89okzFQSmsxSs6

 

 

 

12. หมู่บ้านนานาชาติคิตาโนะ อิจินคัง (Kitano Ijinkan)

beeboys/shutterstock.com

beeboys/shutterstock.com

Carlos Huang/shutterstock.com

หมู่บ้านนานาชาติคิตาโนะ อิจินคัง (Kitano Ijinkan) ย่านนี้เป็นที่รู้จักกันในฐานะที่อยู่อาศัยของชาวต่างชาติที่เข้ามาอาศัยในญี่ปุ่น ตั้งแต่ปลายยุคศตวรรษที่ 19 ภายหลังจากที่ญี่ปุ่นเปิดประเทศ ย่านคิตาโนะเต็มไปด้วยบ้านเรือนสไตล์ตะวันตก ซึ่งปัจจุบันได้มีการอนุรักษ์ไว้และเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาเยี่ยมชมกันได้ โดยชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในย่านนี้ส่วนใหญ่เป็นชาวยุโรปและอเมริกา บ้านเรือนในย่านนี้จึงถูกสร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมแบบตะวันตกผสมผสานกับสถาปัตยกรรมญี่ปุ่นจึงมีความงดงามและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว บ้านแต่ละหลังยังมีเรื่องราวและความเป็นมาที่น่าสนใจ ที่ทำให้นักท่องเที่ยวได้เรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของชาวต่างชาติที่มาอาศัยในโกเบ นอกจากนี้ย่านคิตาโนะยังมีกิจกรรมและเทศกาลต่างๆ ที่น่าสนใจตลอดปี เช่น เทศกาลดอกซากุระในฤดูใบไม้ผลิ เทศกาลแสงไฟในฤดูหนาว และกิจกรรมการแสดงดนตรีและการเต้นรำแบบตะวันตก เป็นต้น

– การเดินทาง ขึ้นรถไฟมาลงที่สถานี Shin-Kobe Station หรือ Sannomiya Station จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 15 นาที

– พิกัด https://maps.app.goo.gl/vfxXyT17Rkjdtmwb6

 

 

 

กินอะไรในโกเบ

เนื้อโกเบ

แน่นอน มาเมืองโกเบ ก็ต้องกินเนื้อโกเบ เพราะเป็นไฮไลต์ของวงการอาหารในโกเบ เนื้อวากิวคุณภาพสูงนี้มีให้เลือกทานได้หลายรูปแบบ:

  • สเต็กเนื้อโกเบ: สเต็กเนื้อโกเบที่ย่างจนสุกพอดี แสดงให้เห็นถึงความนุ่มและรสชาติของเนื้อ
  • ชาบูชาบูเนื้อโกเบ: เนื้อบาง ๆ ที่ต้มในน้ำซุปเข้มข้น เสิร์ฟพร้อมกับผักและน้ำจิ้มหลายชนิด
  • เนื้อโกเบซูชิ: เนื้อโกเบสดบางชิ้นที่เสิร์ฟบนข้าวปั้น มักมีให้บริการในร้านซูชิหรู
  • เนื้อโกเบยากินิกุ: เนื้อโกเบย่าง จิ้มเกลือ แบบญี่ปุ่น หอม หวาน ละลายในปาก

อาหารท้องถิ่นโกเบ

นอกจากเนื้อโกเบแล้ว โกเบยังมีอาหารท้องถิ่นอีกหลายอย่าง:

  • ซาชิมิปลาตะเพียน: ปลาสดที่จับได้จากทะเลในโกเบและนำมาทำเป็นซาชิมิ ให้รสชาติที่สดชื่นและหวาน
  • โกเบราเม็ง: ราเม็งท้องถิ่นที่มีน้ำซุปเข้มข้นและเส้นที่นุ่มเหนียว ปรุงด้วยหมูชาชู หน่อไม้ และต้นหอม
  • เกี๊ยวซ่า: เกี๊ยวซ่าแบบญี่ปุ่นที่ทอดจนกรอบ เสิร์ฟพร้อมกับซอสถั่วเหลืองและน้ำมันงา

ตลาดและร้านอาหาร

ตลาดและร้านอาหารในโกเบเป็นที่ที่นักท่องเที่ยวสามารถลองชิมอาหารท้องถิ่นได้หลากหลาย:

  • ตลาดซันโนะมิยะ (Sannomiya Market): ตลาดที่มีทั้งอาหารสด อาหารแห้ง และขนมหวาน ให้เลือกซื้อมากมาย
  • ร้านอาหารในไชน่าทาวน์: นานกิงมาจิหรือไชน่าทาวน์ในโกเบเป็นที่ที่นักท่องเที่ยวสามารถลองชิมติ่มซำและอาหารจีนอื่น ๆ ได้หลากหลาย
  • โรงน้ำชาแบบดั้งเดิม: สัมผัสประสบการณ์พิธีชงชาแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นหรือเพลิดเพลินกับช่วงเวลาสงบด้วยชาถ้วยหนึ่งพร้อมขนมญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมในหนึ่งในโรงน้ำชาที่มีเสน่ห์ของโกเบ

 

 

ย่านน่าพักในโกเบ

มาดูกันว่าจังหวัดโกเบมีย่านไหนน่าพักบ้าง ซึ่งเราจะเน้นแนะนำที่พักในตัวเมืองโกเบ บริเวณ ย่าน Sannomiya และ สถานีรถไฟ Kobe Station

▌Sannomiya

ย่าน Sannomiya เป็นศูนย์กลางการช้อปปิ้งและความบันเทิงในโกเบ มีร้านค้า คาเฟ่ และสถานที่บันเทิงมากมาย อยู่ใกล้ Port of Kobe เหมาะสำหรับคนที่ต้องการอยู่ใจกลางเมือง

▌Kobe Station

ย่านสถานีโกเบเหมาะสำหรับคนที่ให้ความสำคัญกับความสะดวกในการเดินทาง ใกล้ Harborland และ Meriken Park มีการเข้าถึง Shinkansen รถไฟท้องถิ่น รถบัส และรถราง

▌Arima Onsen

ย่าน Arima Onsen เงียบสงบและสวยงาม มี Arima Hot Springs และ Mount Rokko เหมาะสำหรับการพักผ่อนและสัมผัสธรรมชาติ

 

 

ฤดูกาลในโกเบ

โกเบเป็นสถานที่ท่องเที่ยวตลอดปี โดยแต่ละฤดูกาลมีเสน่ห์และกิจกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ นี่คือรายละเอียดของสิ่งที่คาดหวังในแต่ละฤดูกาล พร้อมกับอุณหภูมิโดยเฉลี่ย:

ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคมถึงพฤษภาคม)

ฤดูใบไม้ผลิในโกเบมีดอกซากุระบานและอากาศที่เย็นสบาย:

  • อุณหภูมิ: อุณหภูมิเฉลี่ยสูงสุด 15°C (59°F) ในเดือนมีนาคม เพิ่มขึ้นเป็น 23°C (73°F) ในเดือนพฤษภาคม
  • ดอกซากุระ: สวนหลายแห่งในโกเบเช่นสวนเมริเคน (Meriken Park) และสวนซูมะริกุเอน (Suma Rikyu Park) เต็มไปด้วยดอกซากุระบาน สร้างภาพที่งดงามสำหรับการชมดอกไม้ (hanami)

ฤดูร้อน (มิถุนายนถึงสิงหาคม)

ฤดูร้อนมีอากาศอบอุ่นและทิวทัศน์ที่เขียวขจี:

  • อุณหภูมิ: อุณหภูมิเฉลี่ยสูงสุด 27°C (81°F) ในเดือนมิถุนายน เพิ่มขึ้นถึง 31°C (88°F) ในเดือนสิงหาคม
  • กิจกรรมทางน้ำ: ชายหาดและสถานที่ท่องเที่ยวทางน้ำ เช่น เกาะอาวาจิ (Awaji Island) เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการผ่อนคลายในฤดูร้อน
  • เทศกาลโกเบ: เทศกาลฤดูร้อนหลายแห่งในโกเบมีขบวนพาเหรด การแสดงดนตรี และการประดับไฟ ที่ทำให้เมืองมีชีวิตชีวา

ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายนถึงพฤศจิกายน)

ฤดูใบไม้ร่วงเป็นเวลาที่งดงามในการเยี่ยมชมโกเบ ด้วยอากาศเย็นสบายและใบไม้เปลี่ยนสีสดใส:

  • อุณหภูมิ: อุณหภูมิเฉลี่ยสูงสุดลดลงจาก 28°C (82°F) ในเดือนกันยายนถึง 17°C (63°F) ในเดือนพฤศจิกายน
  • ใบไม้เปลี่ยนสี: สวนและภูเขาในโกเบเต็มไปด้วยใบไม้สีแดง สีส้ม และสีเหลือง สร้างภาพที่งดงาม
  • เทศกาลอาหาร: งานเทศกาลอาหารในโกเบเป็นโอกาสที่ดีในการลองชิมอาหารท้องถิ่นและอาหารนานาชาติ

ฤดูหนาว (ธันวาคมถึงกุมภาพันธ์)

ฤดูหนาวในโกเบมีอากาศเย็นและบรรยากาศที่เป็นเอกลักษณ์:

  • อุณหภูมิ: อุณหภูมิเฉลี่ยสูงสุด 10°C (50°F) ในเดือนธันวาคม ลดลงเหลือ 8°C (46°F) ในเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ อุณหภูมิต่ำสุดอาจลดลงถึง 2°C (36°F) หรือต่ำกว่า
  • เทศกาลโกเบลูมินาเรีย: จัดขึ้นในเดือนธันวาคมเพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในปี 1995 เทศกาลนี้มีการประดับไฟอย่างงดงามทั่วทั้งเมือง
  • กิจกรรมหิมะ: แม้ว่าโกเบจะไม่ได้มีหิมะมาก แต่ภูเขาร็อคโคและสถานที่ใกล้เคียงมีกิจกรรมฤดูหนาวเช่นการเล่นสกีและสโนว์บอร์ด

 

 

 

เรื่องว้าวๆของเมืองโกเบ

  • หอคอยท่าเรือโกเบ: หอคอยท่าเรือโกเบด้วยโครงสร้างแบบไฮเปอร์โบลอยด์ เป็นความงามทางสถาปัตยกรรม มันเป็นอาคารแรกในโลกที่ใช้โครงสร้างท่อ ทำให้เป็นสัญลักษณ์เฉพาะของญี่ปุ่น
  • เนื้อโกเบ: โกเบมีชื่อเสียงระดับโลกในเรื่องเนื้อโกเบที่ถือว่าเป็นเนื้อวัวที่ดีที่สุดในโลก กระบวนการเลี้ยงที่เข้มงวดและลายเนื้อที่สวยงามทำให้เป็นประสบการณ์การรับประทานอาหารที่หรูหรา
  • สะพานอาคาชิไคเคียว: นี่คือสะพานแขวนที่ยาวที่สุดในโลก ความยาว 3,911 เมตร เชื่อมต่อโกเบกับเกาะอะวาจิ เป็นสิ่งมหัศจรรย์ทางวิศวกรรมสมัยใหม่
  • พิพิธภัณฑ์อนุสรณ์แผ่นดินไหวโกเบ: พิพิธภัณฑ์นี้อุทิศให้กับเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ฮันชิน-อาวาจิในปี 1995 ซึ่งทำลายโกเบ เป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์แรกในโลกที่มุ่งเน้นด้านวิทยาศาสตร์แผ่นดินไหวและการป้องกันภัยพิบัติ
  • ย่าน คิตาโน: เป็นย่านที่มีชื่อเสียงในเรื่องอาคารแบบตะวันตกจากสมัยเมจิและไทโชตอนปลาย เป็นหนึ่งในไม่กี่ที่ในญี่ปุ่นที่คุณสามารถเห็นสถาปัตยกรรมยุโรปที่ยังคงอยู่ในสภาพดีจากยุคนั้น

 


Exit mobile version