23 ที่เที่ยวยอดฮิต ชิซุโอกะ Shizuoka วิวฟูจิสุดอลังการ และสะพานแขวนชื่อดัง 2567
Photo from https://flickr.com/photos/voyages-lambert/50898849698
ชิซูโอกะ (Shizuoka) เป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่ในภูมิภาคชูบุของเกาะฮอนชู ซึ่งเป็นเกาะหลักของประเทศญี่ปุ่น ขึ้นชื่อว่าเป็นจังหวัดที่มีทิวทัศน์งดงาม และยังเป็นที่ตั้งของภูเขาไฟฟูจิซึ่งเป็นภูเขาที่สูงที่สุดในญี่ปุ่นอีกด้วย
ชิซูโอกะยังมีชื่อเสียงเรื่องการผลิตชา มีไร่ชาและพิพิธภัณฑ์ชาตั้งอยู่หลายแห่ง อีกทั้งยังเป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรมและการค้าที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน ตลอดจนเป็นแหล่งช็อปปิ้งและความบันเทิงที่ทันสมัย สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอื่น ๆ ในชิซูโอกะ ได้แก่ คาบสมุทรมิโฮะ นิฮงไดระ และสวนปราสาทซันปุ เป็นต้น
นอกจากที่กล่าวมาข้างต้น ชิซูโอกะยังสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญและน่าสนใจอีกหลายแห่ง ดังนี้
1. ชมซากุระริมแม่น้ำอุรุอิ Urui River Shizuoka พร้อมภูเขาไฟฟูจิ
แม่น้ำอุรุอิ Urui River อยู่ที่จังหวัด Shizuoka ถือเป็นอีกหนึ่งจุดชมดอกซากุระที่บรรดานักถ่ายภาพต่างพากันไปในช่วงต้นเมษายน เพราะจะได้เห็นวิวซากุระบานยาวตลอดริมแม่น้ำพร้อมกับฉากหลังเป็นภูเขาฟูจิ
เรียกได้ว่าเป็นมุมยอดฮิตเลยก็ว่าได้ เพราะน้อยนักที่จะเห็นทั้งภูเขาฟูจิพร้อมกับซากุระบาน และยังมีธารน้ำไหลอีกด้วย
2. ไร่ชาโอบุจิซะซะบะ Obuchi Sasaba
ไร่ชาโอบุจิซะซะบะ Obuchi Sasaba ตั้งอยู่ในเขตชนบทอันงดงาม มีทิวทัศน์เป็นเนินเขาสลับซับซ้อน และยังมีฟาร์มขนาดเล็ก รวมถึงบ้านเรือนแบบดั้งเดิมตั้งกระจายอยู่ทั่วไป ทำให้มีทัศนียภาพโดยรอบที่สวยงามมาก
หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของ Obuchi Sasaba คือทิวทัศน์อันน่าทึ่งของยอดภูเขาไฟฟูจิ เราสามารถเดินขึ้นไปบนยอดเขาเพื่อชมความงามของภูเขาไฟฟูจิที่ตั้งตระหง่านได้อย่างชัดเจน แบบไม่มีอะไรมาขวางหรือบดบังสายตาโดยเฉพาะช่วงที่พระอาทิตย์ใกล้ตกดินจะมีความงดงามเป็นพิเศษ นอกจากความสวยงามและอลังการของยอดภูเขาไฟฟูจิแล้ว โอบุจิ ซาซาบะยังมีบ่อน้ำพุร้อนแบบดั้งเดิมอีกหลายแห่ง เราสามารถไปแช่ออนเซ็นเพื่อผ่อนคลายพร้อมกับชื่นชมความงามของธรรมชาติโดยรอบได้อีกด้วยครับ
การเดินทาง
รถไฟ : Obuchi Sasaba ตั้งอยู่ใกล้กับสถานี JR Hamamatsu หากเดินทางจากโตเกียว เราสามารถขึ้นโทไคโดชินคันเซ็นไปยังสถานีฮามามัตสึ แล้วต่อรถบัสท้องถิ่นไปยังโอบุจิซาซาบะ ใช้เวลาในการนั่งรถบัสประมาณ 20 – 30 นาที
3. แม่น้ำคาวาซุ Kawazu River
แม่น้ำคาวาซุ (Kawazu River) อยู่ที่ Shizuoka ที่นี่จะมีต้นซากุระหนาแน่นเป็นพิเศษเรียงรายเป็นทางยาวประมาณ 4 กิโลเมตร และมีอายุกว่า 60 ปีแล้ว ทำให้จุดนี้ได้รับความนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวที่ตั้งใจจะมาชมซากุระบานแบบอลังการริมน้ำกันอย่างมาก ระหว่างเส้นทางจะผ่านแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของเมืองหลายแห่ง ทั้งบ่อออนเซนเท้า ศาลเจ้าต้นการบูรยักษ์พันปี และวัดสำคัญของเมืองคาวาซุ เรียกได้ว่าได้ทั้งมาชมซากุระงามๆเห็นสีชมพูเบ่งบานยังไม่พอ ยังจะได้เดินเพลินๆแวะชมแหล่งท่องเที่ยวระหว่างทางได้อีกด้วย
4. เนินเขานิฮอนไดระ Nihondaira Plateau กับวิวฟูจิ
เนินเขานิฮอนไดระ Nihondaira Plateau หรือ Nihondaira Yume Terrace เป็นจุดชมวิวที่ตั้งอยู่บนยอดของ Nihondaira การออกแบบจุดชมวิวที่ทันสมัยนี้ได้รับแรงบันดาลใจจาก Yumedono ทรงแปดเหลี่ยมหรือ The Hall of Dreams ที่วัด Horyu-ji ในนารา แต่ละส่วนของอาคารใช้ไม้และไม้ไผ่ สวนหินญี่ปุ่นภายในโครงสร้างนี้สามารถมองเห็นได้ผ่านหน้าต่างบานใหญ่ บริเวณชั้นสองมีระเบียงแปดเหลี่ยมพร้อมทิวทัศน์มุมกว้าง
5. สะพานแขวนมิชิมะ (Mishima Sky Walk)
สะพานแขวนมิชิมะ (Mishima Sky Walk) หรือ มิชิมะ สกายวอล์ค เป็นจุดที่มีทิวทัศน์งดงามซึ่งเราสามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้จากสะพานแขวนขนาดยักษ์ สะพานแขวนยาวที่สุดในญี่ปุ่น มีความยาวรวม 400 เมตร แนะนำให้มาช่วงเช้าหรือเย็น ภูเขาไฟฟูจิและมหาสมุทร (อ่าว Suruga) มีความสวยงามเป็นพิเศษในช่วง 9 โมงเช้า
6. Shizuoka Mt. Fuji World Heritage Centre
Shizuoka Mt. Fuji World Heritage Centre พิพิธภัณฑ์ที่ตั้งอยู่ในเมืองชิซูโอกะ เป็นสถานที่ใช้จัดแสดงมรดกทางวัฒนธรรมและธรรมชาติของภูเขาไฟฟูจิ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับความสำคัญของการอนุรักษ์ภูเขาและสภาพแวดล้อมโดยรอบ ตลอดจนให้ความรู้แก่นักท่องเที่ยวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ พืชพันธุ์และสัตว์เฉพาะถิ่นที่สามารถพบได้ในพื้นที่
ภายในพิพิธภัณฑ์มีการจัดแสดงแบบอินเทอร์แอคทีฟ โดยนำเสนอภาพและเสียงแบบการจำลอง เพื่อแสดงวัตถุโบราณที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของภูเขาไฟฟูจิ เราสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับประเพณีดั้งเดิมและความเชื่อที่เกี่ยวข้องกับภูเขา เช่น การปีนเขาแบบโบราณเพื่อแสวงบุญทางจิตวิญญาณ นอกจากนี้ยังให้ข้อมูลเกี่ยวกับความพยายามในการปกป้องและอนุรักษ์สภาพแวดล้อมทางธรรมชาติของภูเขาไฟฟูจิ ตลอดจนความสำคัญของภูเขาไฟฟูจิในฐานะที่ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกอีกด้วยครับ
การเดินทาง
โดยรถไฟ : Shizuoka Mt. Fuji World Heritage Centre ตั้งอยู่ไม่ไกลจากสถานี JR Shizuoka หากเดินทางจากโตเกียว เราสามารถขึ้น Tokaido Shinkansen แล้วลงที่สถานีชิซึโอกะ
7. ซูเซนจิออนเซน (Shuzenji Onsen)
ซูเซนจิออนเซน (Shuzenji Onsen) ตั้งอยู่บนภูเขาใจกลางคาบสมุทรอิซุ(Izu Peninsula) ภายในจังหวัดชิซูโอกะ(Shizuoka) เรียกได้ว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สายออนเซนถ้ามาแถบนี้พลาดไม่ได้เชียวค่ะ เพราะที่นี่นั้นนับเป็นหนึ่งในเมืองน้ำพุร้อนที่เก่าแก่ที่สุดและมีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งบนคาบสมุทรอิซุเลยก็ว่าได้ ที่นี่นั้นนับได้ว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ยังรักษากลิ่นอายความดั้งเดิมของญี่ปุ่นได้อย่างดี แถมมาแล้วยังต้องถูกใจกับวิถีชีวิตของคนท้องถิ่นที่เรียบง่ายและมากไปด้วยน้ำใจ
8. ชายหาดมิโฮ (Miho Beach)
ชายหาดมิโฮ (Miho Beach) เป็นคาบสมุทรที่ยื่นออกไปในอ่าวซุรุกะ(Suruga Bay)จากเมืองชิซูโอกะ(Shizuoka) นับว่าเป็นชายหาดยอดนิยมแห่งเมืองชิซูโอกะเลยล่ะค่ะสิ่งหนึ่งที่ถือเป็นจุดขายของชายหาดเลยต้องยกให้ต้นสน พูดถึงที่นี่ปุ๊บภาพแรกที่จะขึ้นมาก็คือชายหาดที่เรียงรายไปด้วยต้นสนนี่เองค่ะ โดยต้นสนจำนวนมากที่อยู่ริมชายหาด(Hagoromo-no-Matsu) มีอายุกว่า 650 ปี มีตำนานเกี่ยวกับต้นสนและชาวประมงที่พบเสื้อคลุมของนางฟ้าแขวนอยู่บนกิ่งไม้ด้วย
9. ศาลเจ้าฟุจิซังเซนเงน Fujisan Sengen Shrine
ศาลเจ้าฟุจิซังเซนเงน(Fujisan Sengen Shrine) ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของฐานภูเขาไฟฟูจิ ภายในเมืองฟุจิโนะมิยะ(Fujinomiya) ของจังหวัดชิซูโอกะ(Shizuoka) นับว่าเป็นศาลเจ้าที่สำคัญที่สุดของภูมิภาคชุบุ(Chubu)เลยก็ว่าได้ค่ะ เพราะที่นี่นั้นเป็นศาลเจ้าที่มีประวัติความเป็นมายาวนานมากๆนับๆแล้วอายุกว่า 1,000 ปี ไม่เพียงเราจะได้สัมผัสถึงสถาปัตยกรรมแบบคลาสสิกๆ รอบๆยังรายล้อมไปด้วยต้นซากุระอีกเพียบ แถมยังจะมีเส้นทางปีนเขาอีกด้วยนะคะ บอกเลยว่าเป็นศาลเจ้าที่ครบเครื่องอย่างแรง
10. ศาลเจ้าคุโนซังโทโชกุ (Kunozan Toshogu Shrine)
ศาลเจ้าคุโนซังโทโชกุ (Kunozan Toshogu Shrine) ตั้งอยู่ภายในตัวเมืองชิซูโอกะ(Shizuoka) เรียกได้ว่าเป็นศษลเจ้าที่มีความโดดเด่นทางด้านสถาปัตยกรรมอย่างมากเลยนะคะ ไม่เพียงแค่มีบริเวณกว้างขวางและซับซ้อนด้วยอาคารจำนวนมากที่มีสีแดงสดใสแซมด้วยสีทองและการแกะสลักที่งดงามพร้อมภาพวาดบนประตูโรมอน(Romon Gate)ซึ่งตั้งอยู่ทางด้านขวามือหลังจุดจำหน่ายตั๋ว โดยจุดที่ว่ามานี้นับได้ว่าเป็นไฮไลท์ที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดมารับชมกันให้ได้เชียวค่ะ
11. พิพิธภัณฑ์ศิลปะบิจูสึคัง (MOA Museum of Art)
พิพิธภัณฑ์ศิลปะบิจูสึคัง (MOA Museum of Art) ตั้งอยู่บนเนินเขาที่งดงามเหนือเมืองอะตามิ(Atami) ภายในจังหวัดชิซูโอกะ(Shizuoka) นับเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่มีความอาร์ตตั้งแต่ด้านนอกจนถึงด้านในเลยนะคะ โดยที่นี่นั้นเปิดให้เข้าอย่างเป็นทางการตั้งแต่ปี ค.ศ.1982 ภายในจัดแสดงคอลเลกชั่นศิลปะที่น่าประทับใจของศิลปะญี่ปุ่นและเอเชียตะวันออก มีทั้งภาพวาด ผลงานการประดิษฐ์ตัวอักษร งานประติมากรรม และงานฝีมืออื่นๆอีกมากมาย แต่สิ่งที่ถือเป็นไฮไลท์เลยต้องยกให้ศิลปะที่เป็นสมบัติแห่งชาติมี 3 ชิ้น และมกดกทางวัฒนธรรมอีกเพียบเลยล่ะค่ะ นอกจากจะมีงานศิลป์ให้ได้เสพกันแล้วนั้น ภายนอกพิพิธภัณฑ์ยังมีสวนหย่อมสไตล์ญี่ปุ่นประกอบด้วยโรงชาและโรงละครโนห์อีกด้วย
12. แหลมอิโรซากิ (Cape Irozaki)
แหลมอิโรซากิ (Cape Irozaki) ตั้งอยู่ตามแนวชายฝั่งทางตอนใต้ของคาบสมุทรอิซุ ที่ปลายใต้สุดของคาบสมุทร ภายในจังหวัดชิซูโอกะ(Shizuoka) เรียกได้ว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ยังคงมีความเป็นธรรมชาติอยู่สูงมาก ดังนั้นน่าจะเหมาะกับนักท่องเที่ยวที่อยากมาชิลกับบรรยากาศดีงามริมทะเลที่ออกแนวธรรมชาติเน้นๆ แถมยังไม่ได้มีเฉพาะตัวแหลมที่น่าสนใจนะคะ เพราะ บริเวณแหลมแห่งนี้เป็นที่ตั้งของประภาคารอิโรซากิ(Irozaki lighthouse) และศาลเจ้าอิโระ(Iro Shrine)ที่มีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของชายฝั่งทะเลอีกด้วย
13. น้ำตกชิราอิโตะ (Shiraito Falls)
น้ำตกชิราอิโตะ (Shiraito Falls) ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ของภูเขาไฟฟูจิ ภายในเมืองฟุจิโนะมิยะ(Fujinomiya) ของจังหวัดชิซูโอกะ(Shizuoka) มาที่นี่รับรองเลยว่าสวยไม่แพ้ที่ไหนๆเลยล่ะ เพราะน้ำตกแห่งนี้ได้ถูกจัดอันดับให้เป็นน้ำตกที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศญี่ปุ่นเชียวนะคะ โดยมีความสูง 20 เมตร และความกว้าง150 เมตร เวลาน้ำตกลงลำธารเล็กๆ ดูคล้ายผ้าไหมเนื้อดีอย่างไรอย่างนั้นเลยล่ะ ช่วงที่เรียกได้ว่าพีคสุดในการท่องเที่ยวที่นี่นั้นก็คือ ฤดูร้อน เนื่องจากหิมะจากภูเขาไฟฟูจิละลายทำให้น้ำมีปริมาณมาก ใบไม้รอบๆก็เขียวชะอุ่ม และฤดูใบไม้ร่วงใบไม้จะมีสีสันสวยงามท่ามกลางน้ำตกใสๆ นับเป็นน้ำตกท่ามกลางธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ที่มาแล้วฟินอย่างแน่นอน
14. ตระการตาไปกับสวนดอกไม้ฮามะมะสึ (Hamamatsu Flower Park)
หากมีแพลนจะไปเที่ยวจังหวัดชิซูโอกะ(Shizuoka) ในช่วงฤดูใบไม้ผลิแล้วกำลังมองหาจุดชมซากุระสวยๆอยู่แล้วละก็ ต้องมาที่ สวนดอกไม้ฮามะมะสึ (Hamamatsu Flower Park) ที่ตั้งอยู่ที่ริมทะเลสาบฮามะนะของเมืองฮะมะมะสึ(Hamamatsu) รับรองว่าได้ชมซากุระสมสมใจแน่ๆ สวยขนาดที่ได้รับการจัดอันดับว่าเป็นสวนซากุระและดอกทิวลิปที่ขึ้นชื่อว่างดงามติดอันโลกเลยทีเดียว
15. สะพานแขวนแห่งความฝัน (Yume no Tsuribashi Suspension Bridge)
ถ้าพูดถึงสะพานสวยๆในญี่ปุ่นเชื่อว่าสะพานแขวนยูเมะ โนะ สึริบาชิ (Yume no Tsuribashi Suspension Bridge) หรือที่คนท้องถิ่นมักชอบเรียกกันสั้นๆว่า สะพานสุมาตะเคียว(Sumatakyou) เนี่ยจะต้องติดอันดับต้นๆในใจใครหลายๆคนแน่นอน เพราะอะไรน่ะเหรอคะก็ขนาดที่ได้รับคะแนนโหวตติดอันดับ Top 100 สิ่งในธรรมชาติที่จะสงวนรักษาไว้ในศตวรรษที่ 21 ยังไม่พอๆยังติดอันดับ1 ใน 100 สุดยอดจุดท่องเที่ยวใหม่ที่น่าสนใจในญี่ปุ่น และที่สุดๆเลยก็ตรงได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 10 สะพานแขวนที่ดีที่สุดในโลกของปี 2012 ด้วย
16. ปราสาทซัมปุ Sumpu Castle
ปราสาทซัมปุ(Sumpu Castle) ตั้งอยู่ภายในตัวเมืองชิซูโอกะ(Shizuoka) จริงๆแล้วแรกเริ่มเดิมทีปราสาทแห่งนี้โครงสร้างแบบดั้งเดิมนั้นถูกสร้างขึ้นประมาณปี ค.ศ.1586 แต่ด้วยความที่มันเก่ามากๆทำให้โครงสร้างเดิมเสียหายจนแทบไม่หลงเหลืออาคารเก่าแก่ไว้ให้เราเห็นเลยล่ะค่ะ บริเวณรอบๆเป็นพื้นที่สวนสาธารณะซัมปุ(Sumpu Park)ล้อมรอบด้วยคูน้ำ ในทศวรรษที่ผ่านมาได้มีการฟื้นฟูปราสาท และหอรักษาความปลอดภัยทางประตูทิศตะวันออกอีกด้วย
17. ศาลเจ้า Fujisan Hongu Sengen Taisha
Fujisan Hongu Sengen Taisha ศาลเจ้าที่สร้างขึ้นเพื่อบูชาเทพเจ้าที่เกี่ยวข้องกับภูเขาไฟฟูจิ ศาลเจ้าแห่งนี้เป็นหนึ่งในสถานที่สำคัญทางศาสนาของญี่ปุ่น เชื่อกันว่าสร้างมากว่า 1,300 ปีที่แล้ว อีกทั้งยังขึ้นชื่อว่ามีสถาปัตยกรรมอันงดงาม โดยมีประตูโทริอิสีแดงและมีโครงสร้างไม้แบบดั้งเดิมตัดกับความเขียวขจีของพื้นที่โดยรอบได้อย่างลงตัวโดดเด่น มีห้องโถงใหญ่ของศาลเจ้าหรือที่เรียกว่า Honden นับเป็นตัวอย่างของสถาปัตยกรรมอันงดงามในแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม เพราะมีการแกะสลักที่ประณีตและแนวหลังคาที่งดงามครับ
การเดินทาง
โดยรถไฟ : Fujisan Hongu Sengen Taisha ตั้งอยู่ใกล้กับสถานี JR Fujinomiya หากเดินทางจากโตเกียว เราสามารถขึ้นโทไคโดชินคันเซ็นไปยังสถานีฟูจิโนะมิยะ แล้วต่อรถบัสท้องถิ่นหรือแท็กซี่ไปที่ศาลเจ้า ใช้เวลาในการนั่งรถบัสประมาณ 10-15 นาที
18. สวนสาธารณะ Iwamotoyama Park
Iwamotoyama Park เป็นสวนสาธารณะที่ตั้งอยู่ในเมือง Shizuoka ประเทศญี่ปุ่น ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 33 เฮกตาร์ ขึ้นชื่อว่าเป็นสวนสาธารณะที่มีทิวทัศน์สวยงาม และมีสิ่งอำนวยความสะดวกกลางแจ้งอย่างครบครัน
หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของสวนอิวาโมโตยามะคือสวนอันเขียวขจีที่มีต้นไม้ ดอกไม้นานาชนิด รวมถึงดอกซากุระ ชวนชม และไฮเดรนเยีย สวนแห่งนี้ยังมีเส้นทางเดินเท้าหลายเส้นทาง เราสามารถเดินชมทัศนียภาพที่สวยงามของบริเวณโดยรอบและยังสามารถมองเห็นวิวของภูเขาไฟฟูจิในระยะไกลได้อีกด้วยครับ
การเดินทาง
โดยรถไฟ : สวน Iwamotoyama ตั้งอยู่ใกล้สถานี JR Iwamotocho หากเดินทางจากโตเกียว เราสามารถขึ้นรถไฟชินคันเซ็นสายโทไคโดไปยังสถานีชิสึโอกะ จากนั้นเปลี่ยนขบวนไปขึ้นรถไฟท้องถิ่นและลงที่สถานี JR อิวาโมโตโจ สวนตั้งอยู่ไม่ไกลจากสถานี
19. พิพิธภัณฑ์ Chibi Maruko Chan Land
Chibi Maruko Chan Land พิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมเรื่องราวจากการ์ตูนญี่ปุ่นและอนิเมะยอดนิยมเรื่อง ‘Chibi Maruko Chan’ ร่วมสัมผัสเรื่องราวการผจญภัยของเด็กสาวที่ชื่อ Maruko พร้อมครอบครัวและทั้งผองเพื่อนของเธอ ผ่านการจัดแสดงในโซนต่าง ๆ นอกจากนี้ยังมีเกมและสินค้ามากมายที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากการแสดงวางจำหน่ายอีกด้วยครับ
Chibi Maruko Chan Land ยังมีเครื่องเล่นและสถานที่ท่องเที่ยวในธีมต่าง ๆ เช่น รถไฟเหาะ Maruko Express และ Maruko’s House Play Zone โดยเราสามารถเข้าร่วมเล่นเกมและกิจกรรมแบบอินเทอร์แอคทีฟ เช่น Maruko Quiz Rally และ Maruko’s School Life Experience กันได้ด้วยครับ
การเดินทาง
โดยรถไฟ : Chibi Maruko Chan Land ตั้งอยู่ใกล้กับสถานี JR Shizuoka การเดินทางจากโตเกียว เราสามารถขึ้นรถไฟชินคันเซ็นสายโทไคโดไปยังสถานีชิสึโอกะ จากนั้นเปลี่ยนไปขึ้นรถไฟท้องถิ่นและลงที่สถานี JR ชิสึโอกะ นั่งแท็กซี่หรือรสบัสท้องถิ่นต่อ และลงที่ Chibi Maruko Chan Land
20. Miho no Matsubara Culture & Creativity Center
Miho no Matsubara Culture & Creativity Center ศูนย์วัฒนธรรมที่ตั้งอยู่บนทำเลอันงดงามและเงียบสงบ สามารถมองเห็นคาบสมุทรมิโฮะและมหาสมุทรแปซิฟิก ศูนย์แห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อส่งเสริมมรดกทางวัฒนธรรม ความคิดสร้างสรรค์ และศิลปะของพื้นที่
ภายในศูนย์จัดแสดงนิทรรศการและมีกิจกรรมต่าง ๆ มากมาย เช่น การจัดแสดงผลงานของศิลปินและช่างฝีมือท้องถิ่น ตลอดจนให้ความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์วัฒนธรรมและประเพณีในพื้นที่ ซึ่งเราสามารถเข้าชมนิทรรศการและเข้าร่วมเวิร์กช็อป ฟังการบรรยาย รวมถึงทำกิจกรรมอื่น ๆ เพื่อความเข้าใจและเรียนรู้เรื่องราวเกี่ยวกับมรดกทางวัฒนธรรมประเพณีและงานศิลปะของพื้นที่
การเดินทาง
โดยรถไฟ : ศูนย์ตั้งอยู่ใกล้กับสถานี JR Miho หากเดินทางจากโตเกียว เราสามารถขึ้นรถไฟชินคันเซ็นสายโทไคโดไปยังสถานีอาตามิ จากนั้นเปลี่ยนไปขึ้นรถไฟท้องถิ่นและลงที่สถานี JR มิโฮะ ศูนย์จะอยู่ไม่ไกลจากสถานี
21. วัดเรียวทันจิ (Ryotanji)
วัดเรียวทันจิ (Ryotanji) เป็นวัดพุทธที่ขึ้นว่ามีสวนหินขนาดใหญ่ สวยงามและน่าประทับใจที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น
สวนหินที่ Ryotanji สร้างขึ้นในสมัยเอโดะ ถือเป็นตัวอย่างอันยอดเยี่ยมของสวนหินแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น ภายในสวนหินจะมีหินก้อนใหญ่อยู่ตรงกลาง รายล้อมไปด้วยหินก้อนเล็กและกรวด ซึ่งเชื่อว่าเป็นสัญลักษณ์ของจักรวาลที่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับโลกมนุษย์
ผู้มาเยือนเรียวทันจิจะได้สัมผัสและเพลิดเพลินกับบรรยากาศอันเงียบสงบของวัดและความงดงามของสวนหินที่อยู่ภายในวัด นอกจากนี้ภายในวัดยังมีสวนญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม ห้องชงชา และห้องโถงขนาดใหญ่ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าเยี่ยมชมกันอีกด้วยนะครับ
การเดินทาง
โดยรถไฟ : Ryotanji ตั้งอยู่ใกล้กับสถานี Ryotanji บนสาย Iida จากสถานี Shizuoka เราสามารถนั่งรถไฟท้องถิ่นไปยังสถานี Ryotanji ซึ่งวัดจะตั้งอยู่ไม่ไกลจากสถานี
22. พิพิธภัณฑ์ฐานทัพอากาศ Airpark JASDF Hamamatsu Air Base Museum
พิพิธภัณฑ์ฐานทัพอากาศ Airpark JASDF Hamamatsu Air Base Museum เป็นพิพิธภัณฑ์ทางทหารที่ตั้งอยู่ในเมือง Hamamatsu เป็นสถานที่บอกเล่าเรื่องราวทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของกองกำลังป้องกันตนเองทางอากาศของญี่ปุ่น (JASDF) ภายในพิพิธภัณฑ์มีการจัดแสดงเครื่องบินและชิ้นส่วนของเครื่องบินจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นเครื่องบินขับไล่ เครื่องบินขนส่ง และเฮลิคอปเตอร์ เราสามารถชมเครื่องบินได้อย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งเรียนรู้เกี่ยวกับข้อกำหนด ความสามารถ และการใช้งานของเครื่องบินในแบบต่าง ๆ
นอกจากเครื่องบินแล้ว ภายในพิพิธภัณฑ์ยังมีการจัดแสดงอื่น ๆ เช่น เครื่องจำลองการบิน ชุดนักบิน และเครื่องยนต์ของเครื่องบิน ตลอดจนการจัดแสดงแบบอินเทอร์แอกทีฟที่ให้เราได้สัมผัสและตื่นเต้นไปกับการบินของเครื่องบินชนิดต่าง ๆ
การเดินทาง
โดยรถไฟ : เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการเดินทางไปพิพิธภัณฑ์ เราสามารถขึ้นรถไฟท้องถิ่นไปยังสถานี Hamamatsu แล้วต่อด้วยรถแท็กซี่หรือรถประจำทางไปยังพิพิธภัณฑ์ได้
23. สะพานสายรุ้ง (Okuoi Rainbow Bridge)
สะพานสายรุ้ง (Okuoi Rainbow Bridge) เป็นสะพานรถไฟที่ตั้งอยู่ในเมือง Shizuoka สะพานนี้ทอดยาวข้ามแม่น้ำ Ohi มีทัศนียภาพที่สวยงามมาก สามารถมองเห็นเขื่อน Ohi และที่ราบสูง Ohi ที่งดงามไม่แพ้กัน สะพานแห่งนี้สร้างขึ้นในช่วงต้นทศวรรษ 1980 ได้รับการตั้งชื่อตามรูปลักษณ์ที่มีสีสันสวยงามราวกับสายรุ้ง มีการผสมผสานสีสันที่สดใสของสะพานเข้ากับการออกแบบที่ทันสมัย ทำให้สะพานแห่งนี้เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมทั้งจากคนในท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวต่างถิ่น ซึ่งเราสามารถเพลิดเพลินกับการเดินเล่นชมวิวบนสะพาน รวมถึงปิกนิก ตกปลา และล่องเรือในแม่น้ำและทะเลสาบที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงได้ด้วยครับ
เดินทาง
โดยรถไฟ : เราสามารถขึ้นรถไฟสาย Tokaido หรือสาย Sunzu เพื่อไปยังสถานี Okuoi ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับสะพาน