เที่ยวญี่ปุ่น เมืองเล็กแต่สวยเด็ดมาก – 24 เมืองสวยน่าเที่ยวทั่วญี่ปุ่น 2567
Photo from https://flickr.com/photos/tumeatcat/43584392545/
การลองเปิดประสบการณ์ท่องเที่ยวในเมืองเล็กๆของญี่ปุ่น จะทำให้เราได้สัมผัสกับวัฒนธรรมและวิถีชีวิตแบบญี่ปุ่นแท้ๆ แบบไม่เคยสัมผัสที่ไหนมาก่อน ความวุ่นวายที่น้อยกว่าเมืองใหญ่ๆ จะช่วยให้เรามีเวลาอยู่กับตัวเองและค้นพบประสบการณ์แปลกใหม่กว่าที่เคย เมืองเล็กๆที่อบอุ่นในญี่ปุ่น ทำให้เราได้ใกล้ชิดกับความเรียบง่ายของวิถีชุมชนมากขึ้น ได้ลองลิ้มชิมอาหารดั้งเดิมและสนิทชิดเชื้อกับธรรมชาติ เพราะชนบทของญี่ปุ่นหลายแห่ง ยังคงโอบล้อมด้วยความเขียวขจีของป่าไม้ เนินเขา ทิวทัศน์ที่หาชมไม่ได้ในเมืองใหญ่ นักท่องเที่ยวสามารถเข้าถึงความเป็นอยู่ ประเพณี ภูมิปัญญาได้แจ่มชัดมากขึ้น และถ้าอยากได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นแบบญี่ปุ่นแท้ ลองหาโอกาสนอนโรงแรมสไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิมที่เรียกว่า เรียวกัง ดูสิครับ
วันนี้เราจะพาทุกคนมาดื่มด่ำกับ 24 เมืองเล็กๆที่เสน่ห์ล้นของญี่ปุ่น และมาพักหายใจจากความวุ่นวายในเมืองใหญ่
1. คานาซาวะ (Kanazawa)
คานาซาวะ (Kanazawa) เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในจังหวัดอิชิกาวะของประเทศญี่ปุ่น เป็นที่รู้จักจากมรดกทางวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิม ที่ยังอยู่จนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะในเขตฮิงาชิชายะและคาซุเอะมาจิ มีสถานที่ขึ้นชื่อคือ ปราสาท Kanazawa และสวน Kenrokuen ที่สวยงาม สวน Kenrokuen ถือว่าเป็นหนึ่งในสามสวนที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอีกแห่งคือพิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยแห่งศตวรรษที่ 21 ซึ่งจัดแสดงศิลปะร่วมสมัยของญี่ปุ่นและนานาชาติ นอกจากนี้ เมืองแห่งนี้ยังมีชื่อเสียงในด้านงานฝีมือโบราณ เช่น แผ่นทอง เครื่องเขิน และเครื่องลายครามคุทานิ ในด้านวัฒนธรรมอาหาร เมืองนี้โดดเด่นเรื่องอาหารทะเลและอาหารท้องถิ่นรสเลิศ เช่น Kaga Cuisine ซึ่งมีอาหารทะเลสดและผักท้องถิ่น จึงถือได้ว่า เมืองคานาซาวะเป็นจุดหมายปลายทางที่ยอดเยี่ยม สำหรับผู้ที่สนใจสัมผัสวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมที่หาชมที่ไหนไม่ได้
2. ทาคายาม่า (Takayama)
ทาคายาม่า (Takayama) เป็นเมืองประวัติศาสตร์ที่ตั้งอยู่ในจังหวัดกิฟุของญี่ปุ่น เป็นที่รู้จักจากสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมอย่าง ถนนเก่าแก่ที่มีเสน่ห์ของย่านซันมาจิ ซูจิ และหมู่บ้านพื้นเมืองฮิดะที่สวยงาม และยังมีนิทรรศการขบวนแห่ในเทศกาลทาคายามะ ซึ่งจัดแสดงขบวนแห่สีสันสดใสที่ใช้ในเทศกาลฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วงที่มีชื่อเสียงของเมือง นอกจากนี้ ทาคายามะยังมีชื่อเสียงในด้านงานฝีมือท้องถิ่น เช่น งานแกะสลักไม้อันประณีตและเครื่องเขินที่ผลิตโดยช่างฝีมือที่เป็นเอกลักษณ์ เมืองนี้ยังมีอาหารท้องถิ่นที่อร่อยเป็นพิเศษ เช่น เนื้อฮิดะและบะหมี่ฮิดะโซบะ ถ้าอยากชมความสวยงามของเมืองทาคายาม่า สามารถชมวิวได้จากบนเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่นที่อยู่รายรอบเพื่อชมทัศนียภาพอันงดงาม
3. นิกโก้ (Nikko)
นิกโก้ (Nikko) เป็นเมืองที่สวยงามตั้งอยู่ในจังหวัด Tochigi ของประเทศญี่ปุ่น เป็นที่รู้จักจากความโด่งดังของศาลเจ้าโทโชกุที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก ซึ่งเป็นสุสานของโชกุนคนแรกแห่งยุคเอโดะ คือ ท่านโทคุงาวะ อิเอยาสึ นักท่องเที่ยวนิยมมาเที่ยวชมและขอพรที่ศาลเจ้า Futarasan และวัด Rinnoji ซึ่งมีสถาปัตยกรรมที่สวยงามและการแกะสลักที่ประณีต และ เมืองนิกโก้ยังมีชื่อเสียงในการเป็นสถานที่ท่องเที่ยวในช่วงใบไม้เปลี่ยนสี โดยภูเขาที่อยู่รายรอบจะเปลี่ยนเป็นสีแดงและสีส้มสดใสสวยงามทั้งภูเขา เรายังผ่อนคลายจากการเที่ยวได้โดยการแช่ตัวในน้ำพุร้อน เป็นการบำบัดความเหนื่อยล้าชั้นเลิศ เมืองนี้ยังมีอาหารท้องถิ่นแสนอร่อย เช่น ยูบะ เป็นเต้าหู้ชนิดหนึ่ง และนิกโก้ ยูบะโซบะ อีกด้วย
4. คาวาโกเอะ (Kawagoe)
คาวาโกเอะ (Kawagoe) เป็นเมืองที่มีเสน่ห์ตั้งอยู่ในจังหวัดไซตามะของญี่ปุ่น ที่นี่ยังมีสถาปัตยกรรมในช่วงยุคเอโดะที่ถูกอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะในย่านประวัติศาสตร์คุระซึคุริ โนะ มาชินามิ ที่มีหอระฆังที่สวยงามของ Toki no Kane ที่มีอายุมาตั้งแต่ช่วงปลายศตวรรษที่ 19 และซากปรักหักพังของปราสาท Kawagoe สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอีกแห่งคือพิพิธภัณฑ์มันเทศคาวาโกเอะ ซึ่งมีผลิตภัณฑ์และขนมหวานที่ทำจากมันเทศหลากหลายชนิด และถ้าหากกำลังมองหาของฝากแล้วล่ะก็ คาวาโกเอะยังมีชื่อเสียงในด้านงานฝีมือแบบดั้งเดิม เครื่องปั้นดินเผาท้องถิ่น เมืองนี้ยังมีอาหารท้องถิ่นแสนอร่อย เช่น แกงกะหรี่คาวาโกเอะและบะหมี่โซบะสไตล์คันโต ที่หาทานได้แค่ที่นี่เท่านั้น
5. คามาคุระ (Kamakura)
6. ฮาโกเนะ (Hakone)
ฮาโกเนะ (Hakone) เป็นเมืองที่มีทิวทัศน์งดงามที่ตั้งอยู่ในจังหวัดคานางาวะ ของญี่ปุ่น เมืองนี้เป็นที่รู้จักจากทิวทัศน์ของภูเขาไฟฟูจิและน้ำพุร้อน (ออนเซ็น) ที่สวยงาม นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มุ่งมาเพื่อแช่ตัวในบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติพร้อมกับชมวิวภูเขาไฟฟูจิไปด้วย การเดินทางไปง่ายมาก โดยสามารถนั่งรถไฟสายฮาโกเนะโทซังซึ่งมีทัศนียภาพอันงดงามของป่าและภูเขาตลอดทาง ที่เมืองนี้มีหุบเขาโอวาคุดานิ หุบเขาภูเขาไฟที่มีปล่องไอน้ำและน้ำพุร้อนธรรมชาติ เหมาะกับการแช่ตัว ใช้วารีบำบัดและยังสามารถล่องเรือในทะเลสาบอาชิซึ่งมีทัศนียภาพที่สวยงามของภูเขาไฟฟูจิอยู่เบื้องหลัง ในช่วงเดือน ต.ค.-พ.ย.ของทุกปี ที่นี่จะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวที่มาชมใบไม้เปลี่ยนสีแสนสวย ที่จะได้เห็นทั้งใบไม้แดงและวิวภูเขาไฟฟูจิเลย
7. มัตสึโมโตะ (Matsumoto)
มัตสึโมโตะ (Matsumoto) เป็นเมืองประวัติศาสตร์ที่ตั้งอยู่ในจังหวัดนากาโนะของญี่ปุ่น สถานที่ท่องเที่ยวสร้างชื่อคือ ปราสาทมัตสึโมโตะ ซึ่งถือเป็นปราสาทที่สวยงามและเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น ปราสาทนี้มีชื่อเรียกอีกอย่างว่า “ปราสาทอีกา” เนื่องจากภายนอกเป็นสีดำ พ้นจากเขตของปราสาท ยังมีถนนทามาจิที่อยู่ใกล้เคียง เป็นถนนที่ยังคงรักษาบรรยากาศของสมัยเอโดะ นอกจากนี้ เมืองนี้ยังมีทือกเขาแอลป์ตอนเหนือ ที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเดินป่าและเล่นสกี และลิ้มลองบะหมี่โซบะและเนื้อวัวท้องถิ่นที่มีชื่อเสียงของมัตสึโมโต้
8. คุราชิกิ (Kurashiki)
คุราชิกิ (Kurashiki) เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในจังหวัดโอคายาม่าของญี่ปุ่น เป็นที่รู้จักจากถนนย่านประวัติศาสตร์ที่ยังคงถูกอนุรักษ์ไว้ บ้านโอฮาชิที่สวยงาม ซึ่งเป็นบ้านพ่อค้าแบบดั้งเดิมที่ได้รับการดัดแปลงเป็นพิพิธภัณฑ์ และคุราชิกิไอวี่สแควร์ ซึ่งเป็นคลองที่งดงามราวกับภาพวาดที่เรียงรายไปด้วยต้นวิลโลว์ มีพิพิธภัณฑ์ศิลปะโอฮาราให้เยี่ยมชม เป็นที่จัดแสดงผลงานของโมเนต์ เซซาน และโกแกง ชมศิลปะจนอิ่มใจ ก็อย่าลืมมาอิ่มท้องกับคุราชิกิอุด้ง ซึ่งเป็นอุด้งแบบหนา และสึเกะโมโนะ (ผักดอง) ที่มีชื่อเสียงของคุราชิกิด้วยนะ
9. โอบุเซะ (Obuse)
โอบุเซะ (Obuse) เป็นเมืองเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ในจังหวัดของประเทศญี่ปุ่น เป็นบ้านของศิลปินชื่อดัง Katsushika Hokusai จึงมีการจัดตั้งพิพิธภัณฑ์ Hokusai ซึ่งจัดแสดงผลงานและอัตถประวัติของเขา เมืองนี้ยังมีทิวทัศน์ที่สวยงามของเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่นตอนเหนือและแม่น้ำชินาโนะที่อยู่รายรอบ มาถึงที่นี่ ต้องลองทายขนมเกาลัดและบะหมี่โซบะท้องถิ่นที่มีชื่อเสียง สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอีกแห่งคือวัดกันโชอิน ซึ่งมีชื่อเสียงในด้านสวนสวย และนากาจิมะ โนะ ซาโตะ หมู่บ้านดั้งเดิมที่นำเสนอวิถีชีวิตยุคเอโดะด้วย
10. โคยะซัง (Koya-san)
โคยะซัง (Koya-san) หรือที่เรียกว่าภูเขาโคยะเป็นสถานที่แสวงบุญทางพุทธศาสนาอันศักดิ์สิทธิ์ที่ตั้งอยู่ในจังหวัดวาคายามะของญี่ปุ่น เป็นศูนย์รวมใจของศาสนาพุทธนิกาย Shingon และมีวัดและอารามกว่า 120 แห่ง รวมถึงวัด Kongobu-ji ที่น่าประทับใจและสุสาน Okunoin ซึ่งกล่าวกันว่าเป็นสุสานที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ทั้งยังเดินเล่นบนถนน Koyasan Cedar Avenue ที่สวยงาม เป็นทางไปสู่วัด Okunoin และเยี่ยมชม Garan Complex ซึ่งทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางทางจิตวิญญาณของศาสนาพุทธนิกาย Shingon ใครที่สัมผัสวิถีชีวิตแบบชาวพุทธดั้งเดิม จะมีที่พักในที่พักของวัด (ชุคุโบะ) และยังเข้าร่วมสวดมนต์ตอนเช้าและรับประทานอาหารมังสวิรัติได้ ที่นี่รายล้องด้วยป่าไม้ เส้นทางเดินป่าที่น่าตื่นตาตื่นใจ ทำให้ผู้คนหลั่งไหลมาเที่ยวกันจำนวนมาก
11. เกาะมิยาจิมะ (Miyajima)
เกาะมิยาจิมะ (Miyajima) อยู่ในเขตจังหวัดฮิโรชิมะ มีสัญลักษณ์อันโด่งดังคือประตูโทริอิสีแดงสดที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางทะเล บนเกาะมิยาจิมะมีสถานที่น่าสนใจหลายแห่ง เช่น ศาลเจ้าอิทสึคุชิมะ ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลก และรัฐบาลญี่ปุ่นได้ยกฐานะอาคารต่าง ๆ ในศาลเจ้าให้เป็นสมบัติประจำชาติญี่ปุ่น ซึ่งในเวลาที่น้ำขึ้น เสาโทริอิจะดูเหมือนลอยอยู่กลางทะเล และ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำมิยาจิมะ ที่จัดแสดงสัตว์ทะเลหายากมากมาย ส่วนอาหารท้องถิ่นที่มีชื่อเสียง หอยนางรมย่าง และโมมิจิมันจู ขนมเค้กพื้นเมืองรูปทรงใบเมเปิ้ลที่ต้องหาทานที่นี่เท่านั้น
12. ฮิดะ (Hida)
ฮิดะ (Hida) เป็นเมืองเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ในจังหวัดกิฟุของประเทศญี่ปุ่น หลายคนรู้จักเมืองนี้เพราะ ถนนวัฒนธรรมซันมาจิซูจิ และหมู่บ้านพื้นบ้านเก่าแก่ฮิดะ พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งที่จัดแสดงสถาปัตยกรรมและวิถีชีวิตดั้งเดิมของภูมิภาค และฮิดะมินโซคุคัง พิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมดั้งเดิม จัดแสดงงานฝีมือของภูมิภาคฮิดะ มาถึงฮิดะ ต้องลองทานเนื้อฮิดะและบะหมี่ฮิดะโซบะ อันเป็นที่นิยม
13. ชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go)
ชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go) เป็นหมู่บ้านเล็กๆที่ตั้งอยู่ในจังหวัดกิฟุของประเทศญี่ปุ่น เป็นหมู่บ้านที่มีหลังคามุงจากสูงชันที่ออกแบบให้ทนทานต่อหิมะที่ตกหนักในฤดูหนาว และบ้านไร่หลังคามุงจากที่เรียงรายไปตามถนนของหมู่บ้าน มีนาข้าวที่งดงามราวภาพวาดและป่าเขียวขจีที่รายล้อมหมู่บ้าน อาหารท้องถิ่งที่โด่งดังคือ สาเกท้องถิ่น สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอีกแห่งคือซากปรักหักพังของปราสาทโอกิมาจิ ซึ่งสามารถมองเห็นทิวทัศน์ที่สวยงามของหมู่บ้านและบริเวณโดยรอบได้
14. โกคายามะ (Gokayama)
โกคายามะ (Gokayama) ตั้งอยู่สุดทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของจังหวัดโทยามะ มีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติอย่างมาก เป็นเมืองที่ถูกโอบล้อมไปด้วยภูเขา ที่นี่เป็นหมู่บ้านที่สร้างด้วยโครงสร้างแบบกัสโชสึคุริ ที่หมู่บ้านนี้มีบริการที่พักสไตล์ญี่ปุ่น ตลอดจนพิพิธภัณฑ์ และศูนย์การเรียนรู้ เช่น การทำโกคายามะวาชิ (Gokayama Washi) เป็นงานฝีมือบนกระดาษ และการแสดงเพลงพื้นบ้าน จนมีอีกชื่อว่า คลังสมบัติของเพลงพื้นบ้าน อาหารประจำถิ่นที่ต้องลอง คือ ซาซิมิจากปลาสดในทะเลเซโตะ
15. เบปปุ (Beppu)
เบปปุ (Beppu) เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในจังหวัดโออิตะของญี่ปุ่น ขึ้นชื่อเรื่องบ่อน้ำพุร้อนหรือออนเซ็น และถือเป็นเมืองรีสอร์ทบ่อน้ำพุร้อนที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จึงตั้งใจมาดื่มด่ำกับบ่อน้ำพุร้อนที่มีอยู่มากมาย เช่น Jigoku Meguri ซึ่งเป็นทัวร์แปดบ่อน้ำพุร้อนที่มีชื่อเสียงที่สุดในเบปปุ , Kannawa Onsen ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องการอาบทรายร้อน และ Kamegawa Onsen ซึ่งมีชื่อเสียง เป็นออนเซ็นบ่อโคลน อาหารที่โด่งดังคือ เบปปุราเมง
16. ทตโตริ (Tottori)
ทตโตริ (Tottori) เป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่ในภูมิภาคชูโกกุของญี่ปุ่น มีทิวทัศน์ที่สวยงามของชายฝั่งทะเลญี่ปุ่น ใครที่ชอบเดินเล่นและเพลิดเพลินกับพระอาทิตย์ตกดินที่สวยงามเหนือเนินทราย ต้องลองมาทตโตริสักครั้ง นอกจากนี้ ทตโตริยังมีชื่อเสียงในด้านอาหารทะเลแสนอร่อยและอาหารท้องถิ่น เช่น ปูที่มีชื่อเสียงของทตโตริ และเส้นอุด้งสไตล์ทตโตริ ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมคือ พิพิธภัณฑ์จังหวัดทตโตริ ซึ่งจัดแสดงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของภูมิภาค และสวนดอกไม้ทตโตริ ฮานะไคโระ ซึ่งมีดอกไม้และสวนสวยงามหลากหลายชนิด ให้ใช้เวลาวันหยุดอย่างผ่อนคลาย
17. อุจิ (Uji)
อุจิ (Uji) เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในจังหวัดเกียวโตของญี่ปุ่น ที่มีธรรมชาติที่สวยงามของแม่น้ำอุจิ และวัด Byodo-in ซึ่งเป็นมรดกโลกขององค์การยูเนสโก รวมถึงศาลเจ้า Ujigami ซึ่งเป็นหนึ่งในศาลเจ้าที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่นและเป็นสมบัติของชาติ นอกจากนี้ อุจิยังมีชื่อเสียงในด้านการผลิตชาเขียว นักท่องเที่ยวต้องไม่พลาดที่จะลองชิม เช่น ขนมรสอุจิมัทฉะ (ผงชาเขียว) และไอศกรีมชาเขียวที่มีชื่อเสียงของอุจิ จากนั้น อย่าลืมไปเที่ยวสะพานอุจิ ซึ่งเป็นสะพานไม้ที่สวยงามที่มองเห็นทิวทัศน์ที่สวยงามของแม่น้ำอุจิอันงดงาม
18. เกโระ ออนเซ็น (Gero Onsen)
19. ฮากิ (Hagi)
ฮากิ (Hagi) เป็นเมืองเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ในจังหวัดยามากุชิของประเทศญี่ปุ่น โด่งดังเพราะมีถนน Hagi Castle Town และ ปราสาทฮางิ ที่สร้างขึ้นในปลายศตวรรษที่ 16 สร้างโดยตระกูลโมริ ซึ่งเป็นหนึ่งในตระกูลที่มีอำนาจในภูมิภาคนี้ในช่วงสมัยเอโดะ นอกจากนี้ ฮางิยังมีชื่อเสียงในด้านงานฝีมือท้องถิ่น โดยเฉพาะเครื่องปั้นดินเผาฮางิ-ยากิ ส่วนอาหารท้องถิ่นแสนอร่อย ก็คือ อามาได เป๋นปลาไท้หวานและ อูนิ ไข่หอยเม่นทะเล ใครรักอูนิ ต้องรีบมาจัด
20. คาคุโนดาเตะ (Kakunodate)
คาคุโนดาเตะ (Kakunodate) เป็นเมืองเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ในจังหวัดอากิตะ ของประเทศญี่ปุ่น เป็นที่รู้จักจากการเป็นเมืองตำนานซามูไร มีถนนย่านซามูไร ซึ่งมีบ้านซามูไรแบบดั้งเดิมที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดีและทามอน-ยาชิกิ ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของซามูไรที่เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชม และคาคุโนดาเตะ-บุเกะ ยาชิกิ ซึ่งเป็นกลุ่มบ้านซามูไร ให้สัมผัสเกี่ยวกับวิถีชีวิตซามูไรแบบดั้งเดิม ส่วนอาหารที่มาถึงแล้วต้องลอง คือ บะหมี่โซบะที่มีชื่อเสียงของคาคุโนดาเตะและเหล้าสาเกท้องถิ่น ใครรักตำนานซามูไรญี่ปุ่น ต้องลองหาเวลามาเที่ยวสักครั้ง
21. โอโนะมิจิ (Onomichi)
โอโนะมิจิ (Onomichi) เป็นเมืองชายฝั่งทะเลขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ในจังหวัดฮิโรชิมาของญี่ปุ่น ที่นี่มีวัด Senko-ji เป็นศาลเจ้าบนเนินเขาซึ่งมองเห็นทิวทัศน์มุมกว้างของเมืองและทะเล และ Onomichi Literary Walk ซึ่งเป็นทางเดินหินและขั้นบันไดที่นำไปสู่วัดและศาลเจ้าต่างๆ และประดับด้วยแผ่นจารึกที่มี ผลงานของนักเขียนชื่อดังชาวญี่ปุ่น มาถึงโอโนะมิจิ ต้องลิ้มลองอาหารท้องถิ่น เช่น อุด้งขึ้นชื่อของโอโนมิจิที่ไม่เหมือนใคร
22. มาโกเมะ (Magome)
มาโกเมะ (Magome) เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ในจังหวัดกิฟุของประเทศญี่ปุ่น ใครที่เป็นนักเดินป่า น่าจะชอบมาที่นี่ มี Magome Tsumago Trail ซึ่งเป็นเส้นทางเดินป่าที่สวยงามที่เชื่อมต่อ Magome และ Tsumago สองเมืองหลังที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดีจากสมัยเอโดะ นอกจากนี้ มาโกเมะยังเนินเขาที่งดงามและแม่น้ำคิโซะอยู่ใกล้ๆ เดินเขาเหนื่อยๆ อย่าลืมลองทานอาหารขึ้นชื่ออย่าง คุมิโกวะเมชิ หรือข้าวนึ่งเกาลัดย่างบนเตาถ่าน อร่อยและหอมมาก
23. ซูมาโกะ (Tsumago)
ซูมาโกะ (Tsumago) เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ในจังหวัดนากาโน่ของประเทศญี่ปุ่น อยู่ในในหุบเขาไคโซที่เคยเป็นเมืองพักแรม เคยเป็นเมืองพักแรมในสมัยเอโดะ ซึ่งปัจจุบันก็ยังคงอนุรักษ์สถาปัตยกรรมบ้านเรือนแบบเอโะเอาไว้อยู่ ถ้าลองได้มาพัก คุณจะรู้สึกเหมือนกับได้ย้อนเวลากลับเข้าไปในสมัยเอโดะเลย และยังได้สัมผัสได้ถึงประวัติศาสตร์สมัยขุนนางของญี่ปุ่นได้อย่างแท้จริง
24. ซากุระจิมะ (Sakurajima)
ซากุระจิมะ (Sakurajima) เป็นเกาะภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่นอยู่ในจังหวัดคาโกชิมะของญี่ปุ่น สามารถเดินทางโดยนั่งเรือข้ามฟากจากเมืองคะโงะชิมะเพื่อไปยังเกาะ ระหว่างทางจะมองเห็นทิวทัศน์อันงดงามของภูเขาไฟและบริเวณโดยรอบ นอกจากนี้ ซากุระจิมะยังมีชื่อเสียงในด้านบ่อน้ำพุร้อนหรือออนเซ็น รวมถึง ปลาย่างและอาหารทะเลท้องถิ่น ที่นี่วิวสวยมากจนเป็นแบบในฉากของอนิเมชั่นญี่ปุ่นหลายเรื่อง ซึ่งมีจุดชมวิวสำคัญกระจายอยู่รอบๆ เกาะ ให้ชมความงดงามของภูเขาไฟและท้องทะเล