แนะนำแพลนเที่ยวฮอกไกโด 6 วัน 5 คืน แบบเต็มอิ่ม ฟินทุกอารมณ์
Photo: t-konno [CC BY-SA 2.0] from commons.wikimedia.org/wiki/File:定山渓大橋(Jozankei_Ohashi)_-_panoramio.jpg
ด้วยความที่ปัจจุบันนี้ มีคนไทยเดินทางไปเที่ยวฮอกไกโดแบบไม่ต้องง้อทัวร์กันจำนวนมาก บางคนก็อาศัยตามรีวิวแล้วไปลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง บางคนก็อาศัยการหาข้อมูลแล้วลองจัดทริปเอง ซึ่งก็อาจจะมีข้อผิดพลาดบ้างเล็กน้อย ในเรื่องของการวนไปวนมาระหว่างสถานที่ อาจจะทำให้เสียเงินและเวลาเดินทางมากกว่าที่ควรจะเป็น เราจึงขอแนะนำโปรแกรมตะลอนเที่ยวฮอกไกโด 6 วัน 5 คืน แบบเก็บให้ครบที่ฮิต แต่จะเน้นเฉพาะตอนใต้และตอนกลางของเกาะที่เดินทางได้ง่ายและสะดวกเท่านั้น เพื่อที่มือใหม่หรือคนที่เคยไปครั้งแรกจะได้ไม่ต้องปวดหัวเรื่องการเดินทางมากนัก รวมทั้งโปรแกรมนี้ก็จะไม่ได้จัดแบบแน่นมากนัก จะได้มีเวลาเที่ยวแบบช้าๆได้บ้าง หรือถ้าใครฟิตจัด จะอัดโปรแกรมเพิ่มจากนี้ก็ย่อมได้
ช่วงเช้า : เริ่มจากการเดินทางออกจากประเทศไทย โดยสายการบินที่ท่านจองไว้ (บางสายการบินอาจจะบินตรง แต่บางที่ก็อาจจะต้องไปต่อเครื่องอีก) คะเนว่าเครื่องบินน่าจะถึงสนามบิน New Chitose ช่วงเช้า เวลา 07.00 – 09.30 น. จากนั้นนั่งรถไฟ JR ไปเปลี่ยนสายที่สถานี Minami-Chitose เพื่อไปลงที่สถานี Hakodate ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง จะถึง Hakodate ประมาณ 12.00 – 13.00 น. เพิ่งมาถึงวันแรกกำลังฟิต ต้องเที่ยวหนักหน่อย
ช่วงบ่าย : ชมป้อมโงเรียวกาคุ หรือ ป้อมดาว 5 แฉก ป้อมปราการสมัยเอโดะที่ปัจจุบันเปิดให้เข้าชมในโซนที่ทำการผู้สำเร็จราชการที่อยู่ใจกลางป้อม และหอคอยที่จะทำให้เห็นทัศนียภาพรูปดาว 5 แฉกของป้อมอย่างชัดเจน โดยการนั่งรถรางสาย 2 หรือ สาย 5 ไปลงที่ Goryokaku Koen Mae แล้วเดินต่อไปทางทิศเหนืออีก 750 เมตร พอบ่ายแก่ๆหรือเย็นๆ ให้ไปชมวิวภูเขาฮาโกดาเตะ หนึ่งในสามจุดชมวิวกลางคืนที่สวยที่สุดในประเทศญี่ปุ่น โดยการนั่งรถประจำทางจากสถานี Hakodate ไปที่ยอดเขาได้เลย (ใช้เวลาประมาณ 30 นาที)เมื่อเดินชมป้อมโงเรียวกาคุ และชมวิวที่ภูเขาฮาโกะดาเตะเรียบร้อยแล้ว ก็จะเป็นเวลาเย็นพอดี ขอแนะนำให้มาช้อปปิ้ง และทานอาหารเย็นที่โกดังอิฐแดงคาเนะโมริ จะให้ความรู้สึกเหมือนเดินอยู่ในยุคดั้งเดิมของญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก อิ่มหนำสำราญจนหมดแรงก็กลับเข้าที่พักใน Hakodate ค้าง 1 คืน ก่อนที่จะตะลุยวันต่อไปได้เลย
ช่วงเย็น : เมื่อเดินเล่นหรือแช่ตัวจนสบายตัวแล้ว ก็กลับมาพักผ่อนที่ซัปโปโรโดยการนั่งรถประจำทางกลับมาเช่นเดิม แล้วไปช้อปปิ้งที่ ย่านทานูคิโคจิ ด้วยการนั่งรถไฟใต้ดินสาย Namboku มาลงที่สถานี Susukino เดินออกไปทางออก 1 จนกว่าจะเจอซุ้มประตูรูปนกเพนกวิน เมื่อเดินจนเหนื่อยแล้ว ก็มาทานราเม็งที่ ซูซูกิโนะ ที่อยู่ไม่ไกลจากทานูคิโคจิมากนัก อิ่มแล้วก็ค้างคืนที่ซัปโปโร 1 คืน
[wp_ad_camp_1]
ช่วงเย็น : เดินทางกลับมาที่ซัปโปโร ค้าง 1 คืน ถ้ายังมีเวลาว่างพอก็แนะนำให้มาเดินเล่นที่ ย่านสถานีรถไฟ JR Sapporo เพื่อซื้อของเล็กน้อยจากห้างสรรพสินค้าชื่อดังในย่านนี้
วันนี้มี Option ให้เลือกคือ ถ้าไปช่วงที่มีดอกไม้บานเต็มที่ก็แนะนำให้ไปที่เมือง Furano – Biei แต่ถ้าไม่ใช่ แนะนำไปที่ เมือง Noboribetsu
เที่ยวช่วงดอกไม้บาน เที่ยว Furano-Biei:
ช่วงเช้า : เดินทางไปที่เมืองฟูราโน่ เพื่อชมทุ่งดอกไม้ ด้วยการนั่งรถไฟไปลงที่สถานี Kimifurano แล้วเดินต่อขึ้นไปบนเนินเขา หากไม่สะดวกจริง ๆ สามารถนั่งแท็กซี่ต่อขึ้นไปได้ ใช้เวลาประมาณ 5 นาที ก็จะเจอทุ่งดอกไม้ที่มีความสวยงามสุดลูกหูลูกตา มีฉากหลังเป็นเทือกเขาโทชิ จะเดินเล่น หรือจะนั่งรถแทร็กเตอร์ไปตามทุ่งเพื่อชื่นชมความงามก็แล้วแต่ความชื่นชอบ ช่วงบ่าย : เดินทางต่อไปที่สระอะโออิเคะ หรือสระน้ำสีฟ้า ด้วยการนั่งรถไฟจากสถานี Kimifurano ไปยังสถานี Biei แล้วโดยสารรถบัสไปลง Shirogane Aoiike Iriguchi ก็จะพบสระน้ำสีฟ้าสว่างสดใสที่เกิดจากแร่ธาตุบางชนิดจากภูเขาไฟ (โปรแกรมนี้สามารถตัดออกได้ หากรู้สึกว่าเหนื่อยหรือเพลียมากแล้ว) เมื่อเที่ยวครบ ก็เดินทางกลับมาซัปโปโร ค้างอีก 1 คืน
เที่ยวช่วงอื่นๆ เที่ยวเมืองออนเซน Noboribetsu:
ช่วงเช้า – บ่าย : เดินทางไปเที่ยวชมย่านบ่อน้ำร้อนโนโบริเบทสึ ที่ว่ากันว่าเป็นบ่อน้ำร้อนที่มีชื่อเสียงที่สุดในฮอกไกโด เนื่องจากมีบ่อน้ำร้อนที่มีแร่ธาตุต่างกันถึง 11 ชนิด โดยการนั่งรถไฟ JR มาลงที่สถานี Noboribetsu แล้วต่อด้วยรถบัสประจำทางมาลงที่ Noboribetsu Onsen จะลงแช่ออนเซ็นสักพัก หรือจะเดินถ่ายรูปเล่นอย่างเดียวก็ได้ตามความต้องการ จากนั้นให้เดินต่อไปทางทิศเหนือ ก็จะเจอหุบเขานรกจิโงคุดานิ หุบเขาสุดงมงามตามธรรมชาติ ที่เป็นแหล่งต้นน้ำของบ่อนำร้อนโนโบริเบทสึ บริเวณหุบเขาแห่งนี้ เคยถูกใช้เป็นฉากหนึ่งในภาพยนตร์เรื่อง “แฟนเดย์ แฟนกันแค่วันเดียว” อีกด้วย
ช่วงเย็น-ค่ำ : ให้เลือกกลับไปย่านที่เราชอบของซัปโปโรอีกทีได้ เช่น ย่าน Susukino, Odori, Tanuki, หรือ สถานี Sapporo เพราะเชื่อว่าน่าจะยังเดินกันไม่ครบ
ช่วงเช้า + ช่วงบ่าย : ปิดท้ายก่อนที่จะกลับประเทศไทย ด้วยการท่องเที่ยวในซัปโปโรให้ทั่ว โดยที่คุณสามารถเลือกเองได้ว่าจะไปที่ไหนบ้าง ซึ่งเราก็ได้ลิสต์ที่เด็ด ๆ มาไว้ดังต่อไปนี้
ไปทัวร์โรงงานช็อคโกแล็ต (Shiroi Koibito) ใครที่ชอบของหวาน โดยเฉพาะคุกกี้เนยไส้ไวท์ช็อคโกแลตที่เป็นของขึ้นชื่อฮอกไกโด ก็อยากแนะนำให้ลองมาทัวร์โรงงานช็อคโกแลตชิโอริ โคอิบิโตะดูสักครั้ง เพราะคุณจะได้เห็นวิธีการทำคุกกี้สุดอร่อยทุกขั้นตอน และยังได้ซื้อขนมหวานชนิดอื่น ๆ ในราคาพิเศษกลับไปลองทานอีกด้วย การเดินทางเริ่มต้นจากสถานี Odori แล้วต่อด้วยรถไฟฟ้าใต้ดินสาย Tozai ไปลงที่สถานี Miyanosawa แล้วเดินไปอีก 10 นาทีก็จะถึงโรงงานช็อคโกแลตแห่งนี้ แวะเที่ยวที่ Sapporo TV Tower หอส่งสัญญาณโทรทัศน์ของเมืองซัปโปโร ที่มีความสูง 142.7 เมตร เพื่อชมวิวเมืองซัปโปโรในระดับความสูง 90 เมตร และถ้าโชคดีไปเจอช่วงที่มีการจัดเทศกาลอยู่พอดี ก็จะพบความคึกคักจากนักท่องเที่ยวและขบวนแห่ของงาน รวมทั้งเดินเล่นที่สวนสาธารณะด้านล่างของหอคอยนี้ด้วยเลย สามารถเดินทางได้ โดยนั่งรถไปมาลงที่สถานี Odori ทางออกหมายเลข 27 ใช้เวลาเดินต่อ 5 นาที ชม Sapporo Beer Museum พิพิธภัณฑ์เบียร์ที่โด่งดังที่สุดในญี่ปุ่น (และเบียร์ก็ขายดีที่สุดในญี่ปุ่นด้วย) ภายในมีประวัติความเป็นมาของเบียร์ยี่ห้อนี้ ขั้นตอนการผลิตเบียร์ และพิเศษสุดคือแจกเบียร์ให้ชิมฟรี ใครที่ชอบแนวนี้ สามารถเดินทางด้วยการนั่งรถไฟมาลงที่สถานี Odori แล้วต่อรถบัส Loop 88 Factory ก็จะถึงพิพิธภัณฑ์เลย ช่วงเย็น : นั่งกระเช้า ขึ้น เขาโมอิวะ(Moiwa) ที่เป็นภูเขาชื่อดังของเมืองซัปโปโรชมวิวเมืองกันซะหน่อย แนะนำให้ไปถึงยอดเขาก่อนจะมืดสนิทจะสวยงามที่สุดเมื่อเที่ยวจนครบ ก็ค้างที่ซัปโปโร อีก 1 คืน ก่อนที่จะเตรียมตัวเดินทางกลับในวันพรุ่งนี้
หากเดินทางกลับในเที่ยวบินรอบบ่าย ก็ขอแนะนำให้แวะไปเดินเล่นฆ่าเวลาที่ Rera Outlet Mall เอาท์เล็ทที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น โดยการนั่ง Shuttle Bus จากสนามบินไป ใช้เวลาในการเดินทางเพียง 10 นาทีเท่านั้น ก่อนที่จะเดินทางกลับประเทศไทยอย่างสวัสดิภาพ
และนี่ก็คือแพลนการเดินทางท่องเที่ยวฮอกไกโด 6 วัน 5 คืนนั่นเอง อย่างไรก็ตามนี่เป็นเพียงแพลนที่วางไว้คร่าวๆ เท่านั้น โดยคุณสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการ ซึ่งก็รับรองเลยว่าการเดินทางไปเที่ยวฮอกไกโดของคุณในครั้งนี้ จะไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน